[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 380 : ตีงูต้องตีให้ตาย!
“อะไรนะ?! ไข่มุกราตรี?! นี่มัน..”
“จิวยื่อนี่นะมีไข่มุกราตรีอยู่ที่บ้านสิบกว่าเม็ด? เป็นไปได้ยังไง..”
“ถ้ามีไข่มุกราตรีอยู่ที่บ้านจริง ทำไมจิวยื่อถึงไม่เอาออกมาขาย? ทำไมต้องอยู่อย่างลำบากลำบนมาตั้งหลายปี?!”
“เด็กคนนี้เริ่มจะพูดจาเกินตัวมากขึ้นทุกที อยากได้เงินมากถึงกับกุเรื่องขึ้นมาเลยเหรอ..?”
คำพูดเพียงประโยคเดียวของหลิงหยุน ดูเหมือนจะสร้างความสั่นสะเทือนได้อย่างไม่คาดคิด ทุกคนต่างก็รู้สึกไม่ต่างกันว่า หลิงหยุนเปิดตัวยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม แต่สุดท้ายก็กลับฉวยโอกาสขูดรีดคนอื่น!
หลงคุนที่ยืนอยู่ด้านหลังหลิงหยุนนั้น แววตามีร่อยรอยของความผิดหวังอยู่เล็กน้อย แต่ก็ได้แต่นิ่งเงียบคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ส่วนถังเมิ่งที่นิ่งเงียบมาตลอดก็ถึงกับเป่าลมออกจากปาก พร้อมกับอดที่จะคิดไมได้ว่า ‘พี่หยุน.. นี่ถึงกับกล้ากุเรื่องไข่มุกราตรีขึ้นมาเลยเหรอ.. น่าอายชะมัด!’
เหลียงเฟิงอี้เมื่อได้ฟังว่าหลิงหยุนได้เตรียมไข่มุกราตรีไว้ให้ภรรยาของเขา ก็ถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที
ซูหลิงเฟยได้ยินผู้คนรอบๆตัวเธอ ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์หลิงหยุน เธอจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเต็มไปด้วยความรังเกรียจ
“หลิงหยุน.. สิ่งที่คุณพูดดูจะไม่เกินความจริงไปหน่อยเหรอ? พอบ้านของคุณถูกทุบทิ้ง คุณก็อ้างว่าในบ้านมีไข่มุกราตรีที่ประเมินค่าไม่ได้อยู่เป็นร้อยๆเม็ด คุณคิดว่าคนอื่นจะเชื่อคำพูดของคุณง่ายๆหรือยังไง?”
แต่หลิงหยุนกลับบส่ายหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “คุณอย่ากล่าวหาผมนะครับคุณนักข่าว! แม่ผมสอนเสมอว่าให้เป็นคนซื่อสัตย์ ไม่ให้เป็นคนโกหกหลอกลวง อีกอย่างผมบอกว่ามีไข่มุกราตรีแค่สิบกว่าเม็ด.. ไม่ใช่หลายร้อยเม็ดอย่างที่คุณพูด..”
ซูหลิงเฟยถูกหลิงหยุนฉีกหน้าก็ถึงกับขุ่นเคือง และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอจึงต้องโกรธหลิงหยุนมากมายถึงเพียงนี้ อาจเป็นเพราะจู่ๆหลิงหยุนที่ดูเหมือนพระเอกที่กล้าหาญชาญชัย และกล้าต่อกรกับผู้มีอำนาจเมื่อครู่ กลับกลายเป็นคนโลภมากจ้องจะขูดรีดเอาเงินจากผู้อื่นราววกับปีศาจ ซูหลิงเฟยจึงรู้สึกผิดหวังและอึดอัดกับพฤติกรรมของหลิงหยุนอย่างมาก!
จากนั้นหลิงหยุนก็พูดกับซูหลิงเฟยต่อว่า “นี่คุณนักข่าว.. ผมว่าคุณอย่าเพิ่งรีบสอดเท้าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นให้เร็วนักจะดีกว่า..”
ซูหลิงเฟยได้ฟังก็โกรธมาก เธอถอนหายใจและร้องตะโกนใส่หลิงหยุน
“หลิงหยุน.. คุณบอกว่าที่บ้านของคุณมีไข่มุกราตรีสิบกว่าเม็ด มีอะไรพิสูจน์ได้บ้างว่าคุณมีจริง? ถ้าคุณพิสูจน์ได้ พวกเราถึงจะยอมเชื่อ!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มและโต้กลับไปว่า “งั้นเหรอ? แล้วถ้าผมพิสูจน์ได้ว่ามีจริง คุณจะยอมขอโทษผม หรือจะยอมแต่งงานเป็นเมียผมไม๊ล่ะ?”
“นี่คุณ..!” ซูหลิงเฟยหน้าแดงด้วยความโกรธ และจู่ๆก็หันไปมองเหลียงเฟิงอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลิงหยุนด้วยแววตาที่ผิดหวังและขุ่นเคือง
สายตาของซูหลิงเฟยนั้นเหลียงเฟิงอี้เข้าใจดี นั่นเพราะระหว่างทางที่เดินทางมาที่นี่ เธอได้เล่าเรื่องระหว่างฉางหลิงกับหลิงหยุนให้ซูหลิงเฟยฟัง ทำให้ซูหลิงเฟยค่อนข้างอยากจะรู้จักหลิงหยุน และคาดหวังในตัวของเขาสูง
ในตอนแรก ซูหลิงเฟยรู้สึกชื่นชมหลิงหยุนมากจนแอบยกนิ้วโป้งให้กับเหลียงเฟิงอี้ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึผิดหวัง และรังเกียจหลิงหยุน
หล่อแล้วยังไง? ความหล่อกินไม่ได้ ซูหลิงเฟยทำงานในวงการทีวี เธอเคยพบเจอชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามามากมาย และแทบจะทุกวัน! อีกทั้งยังมีหนุ่มๆวิ่งตามซูหลิงเฟยไม่เว้นแต่ละวัน..
ผู้คนที่พากันมุงดูอยู่นั้นต่างก็ไม่เชื่อว่าหลิงหยุนจะสามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเชื่อได้ จึงพากันพูดขึ้นมาว่า
“นั่นสิหลิงหยุน! ถ้าเธอสามารถพิสูจน์ได้ว่าครอบครัวของเธอมีไข่มุกราตรีอยู่จริงๆ พวกเราก็จะเชื่อเธอ แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ การที่เธอทุบบ้านของถังเทียนห่าวไปสองหลัง และยังได้บ้านไปฟรีๆอีกหนึ่งหลัง นั่นก็นับว่าเป็นการชดเชยที่ดีมากแล้ว..!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเดินตรงยังฝูงชนที่มุงดูอยู่มากมาย และพูดขึ้นว่า
“พ่อแม่พี่น้อง วันนี้ผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นกับตาว่าผมไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎอย่างที่ทุกคนคิด เอาล่ะ.. ดูกันให้เต็มตา..!”
พูดจบหลิงหยุนก็ทำท่าล้วงลงไปในกระเป๋า และมื่อดึงมือออกมา ก็มีไข่มุกราตรีอยู่ในฝ่ามือของเขาถึงสองเม็ด!
รอบตัวหลิงหยุนกลายเป็นแสงสีขาว แสงจากไข่มุกราตรีเปล่งประกายสว่างไสวราวกับคริสตัล และกลับสว่างไสวมากขึ้นเมื่อกระทบกับแสงแดดในยามบ่าย เป็นที่ดึงดูดสายตาและความสนใจของผู้คนจำนวนมาก!
หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ทุกท่านเห็นรึยังว่าผมพูดความจริง! ดีนะว่าก่อนออกมาจากบ้าน ผมได้แอบหยิบไข่มุกราตรีติดตัวไปด้วยสองเม็ด ไม่อย่างนั้นคงถูกเจ้าสวะเถียนป๋อเตาทุบจนเสียหายยับเยินแน่!”
“นี่น่ะเหรอไข่มุกราตรีที่เธอบอกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้..?”
ตอนนี้สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องอยู่ที่ไข่มุกขนาดใหญ่ในมือหลิงหยุน ทุกคนต่างก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก ไม่มีใครว่างพอที่จะถามอะไรหลิงหยุนอีกเลย
“นี่.. นี่มันไข่มุกราตรีจริงๆด้วย ทำไมถึงได้ใหญ่โตแบบนี้?”
“โอ้แม่เจ้า.. ดูจิวยื่อสิ เก็บงำเรื่องไข่มุกนี่มานนานหลายปี ที่แท้ครอบครัวของเธอก็มีสมบัติล้ำค่าอยู่นี่เอง..”
“มิน่าล่ะ.. จู่ๆหลิงหยุนก็มีเงินมากมายมาซื้อบ้านถึงสองหลัง ที่แท้ครอบครัวของเขาก็มีไข่มุกราตรีนี่เอง..”
“นั่นสิ.. ไม่แปลกเลยที่หลิงหยุนจะโกรธมากเมื่อมีคนมาทุบบ้านของเขา จนถึงกลับตามมาไล่ทุบคืนแบบนี้ จู่ๆสมบัติล้ำค่าแบบนี้ก็ต้องกลายเป็นผงไปในพริบตา ฉันเสียดายแทนเขาจริงๆ!”
“ช่างโชคร้ายจริงๆ เหลืออยู่แค่สองเม็ด..นี่หัวหน้าหวัง บ้านทั้งสามหลังยังเทียบเท่าไข่มุกหนึ่งเม็ดไม่ได้เลย แล้วคุณจะรับผิดชอบยังไง..?”
เมื่อชาวบ้านได้เห็นไข่มุกราตรีกับตา ทุกคนต่างก็ปักใจเชื่อคำพูดของหลิงหยุนทันที สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีด ทั้งอยากได้ ทั้งทึ่ง ทั้งเสียดาย ทุกคนต่างก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ผู้คนที่รุมล้อมอยู่ต่างก็ตีวงเข้ามาใกล้หลิงหยุนเพื่อดูไข่มุกราตรีในมือของเขา!
แม้แต่เหลียงเฟิงอี้และหลงหวู่เองก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นไข่มุกราตรี ทั้งคู่ถึงกับเอามือปิดปากและวิ่งตรงไปหาหลิงหยุนทันที
มีผู้หญิงคนใหนบ้างที่จะไม่สนใจและหลงใหลเพชรนิลจินดา? ยากที่จะหาผู้หญิงแบบนั้นในโลกใบนี้ได้ และไข่มุกราตรีนั้นก็เป็นไข่มุกที่ยากจะได้พบเจอในชีวิต!
หลิงหยุนยื่นไข่มุกราตรีสองเม็ดในมือผ่านหน้าของซูหลิงเฟยไปมา และลูกตาของเธอก็กรอกไปมาตามมือที่เคลื่อนไหวของหลิงหยุน จากนั้นแสงของไข่มุกราตรีก็ดับไป และกลับเข้าไปอยู่ในแหวนพื้นที่ของหลิงหยุน
“นี่คุณนักข่าว.. คุณนักข่าว?!”
หลิงหยุนมองดูซูหลิงเฟยที่ยืนนิ่ง พร้อมกับร้องเรียกเธอถึงสองครั้งให้ตื่นจากอาการตกตะลึง
“อ้าว.. ไข่มุกราตรีหายไปใหนแล้วล่ะ?” ซูหลิงเฟยถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าหลิงหยุน
หลิงหยุนยิ้มให้พร้อมกับตอบไปว่า “ผมเก็บไปแล้ว.. ตอนนี้เชื่อผมหรือยัง? ผมเอาไข่มุกราตรีออกมาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้ว และมันก็เป็นสมบัติที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ คงไม่คิดว่าผมเป็นพวกนักฉวยโอกาสแล้วสินะ?”
หลิงหยุนย้ำคำพูดของเขาต่อหน้าซูหลิงเฟย และทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น
เถียนป๋อเตาและกู่เหลียนซันต่างก็หน้าซีดไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้แต่หลัวจ้งที่ถึงกับตกใจจนนิ่งไปเช่นกัน!
ตอนนี้หลิงหยุนได้พิสูจน์ให้หลัวจ้งเห็นกับตาแล้วว่า ทรัพย์สินของเขานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร? หลัวจ้งจึงไม่สามารถกล่าวหาหลิงหยุนได้อีกว่าได้เงินมาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะเพียงแค่ไข่มุกราตรีสองเม็ดที่อยู่ในมือของหลิงหยุนนั้น เขาจะต้องการบ้านอีกกี่หลังก็ไม่ใช่ปัญหา!
นี่กลับกลายเป็นว่า.. หลัวจ้งเองที่เป็นคนรีบร้อนยึดบ้าน และอายัดบัญชีธนาคารของหลิงหยุนทั้งที่ยังไม่สอบสวน เขารนหาที่เองชัดๆ!
หลิงหยุนไม่สนใจซูหลิงเฟยที่ยังคงอยู่ในอาการตกตะลึงอีก เขาหันหลังกลับไปมองเถียนป๋อเตาที่กำลังสั่นไปทั้งตัวพร้อมกับถามเสียงดังว่า
“ไข่มุกราตรีสิบกว่าเม็ดที่แกทุบทิ้งไป แกยังกล้าพูดว่าบ้านทั้งสามหลังพอจ่ายอีกไม๊? แล้วแกจะรับผิดชอบยังไง?”
“ถ้าแม่ของฉันกลับมาแล้วรู้ข่าว และเสียใจจนป่วยกะทันหันล่ะ จะทำยังไง? แล้วของรับหมั้นสำหรับน้องสาวของฉันล่ะ?! ใหนจะยังสินสอดที่ฉันจะใช้แต่งเมียอีกล่ะ?!”
“ใช่แล้ว.. หลิงหยุนพูดถูก! ต้องให้มันชดใช้ให้!”
“ใช่ๆ นี่เหลือแค่สองเม็ดเอง!”
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างพากันส่งเสียงเชียร์ จากนั้นทุกคนต่างก็เรียกร้องให้เถียนป๋อเตาชดใช้ให้กับหลิงหยุน!
“เอ่อ.. ฉัน..”
เถียนป๋อเตาได้แต่นั่งคอตกอยู่ที่พื้น สีหน้าของเขาเศร้าสลดและร่างของเขาก็สั่นเทิ้ม ส่วนริมฝีปากก็สั่นจนไม่สามารถพูดออกมาได้จบประโยค
แต่ท่ามกลางผู้คนทั้งหมดนั้น คนที่โกรธมากที่สุดกลับเป็นหลงหวู่!
หลังจากที่หลงหวู่หายจากอาการตกตะลึงที่ได้เห็นไข่มุกราตรี เมื่อนึกถึงว่าไข่มุกราตรีที่จะต้องกลายเป็นของเธอในอนาคตเหลือเพียงแค่สองเม็ด เธอก็ยิ่งโมโห!
หลงหวู่วิ่งเข้าไปเตะเถียนป๋อเตาด้วยความโกรธพร้อมกับตะโกนด่า “แก.. แกทำไข่มุกราตรีของฉันหาย!”
“ห๊ะ..อะไรกัน?” หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของหลงหวู่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า
‘ไข่มุกของข้าต่างหาก กลายเป็นไข่มุกของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’
และในเมื่อโอกาสในการจัดการกับศัตรูของเขามาถึงแล้ว แน่นอนว่าหลิงหยุนย่อมไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปอย่างแน่นอน เขาจึงย่อตัวลงพร้อมกับถามเถียนป๋อเตายิ้มๆ
“ตอบมา.. จะชดใช้ยังไง?”
ทันทีที่เห็นหลิงหยุนหยิบไข่มุกราตรีสองเม็ดออกมา เถียนป๋อเตาก็รู้ชะตากรรมของตัวเองได้ทันที เขารู้ว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว.. ทรัพย์สินทั้งหมดที่เขาได้มาจากการขูดรีดชาวบ้านนั้น ต่อให้นำมารวมกันทั้งหมด ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดใช้!
ตำแหน่งหน้าที่การงานของเขายังไม่ทันจะถูกทำลายย่อยยับ แต่เงินทองทรัพย์สินของเขากลับย่อยยับหมดเสียก่อน ภายในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว.. เขากลับกลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรเลย!
“ชดใช้.. ฉันต้องชดใช้ให้แน่..” เถียนป๋อเตานั่งอยู่บนพื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง และได้แต่พูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา
หลิงหยุนแสยะยิ้มและลุกขึ้นเดินเข้าไปหากู่เหลียนซันที่นอนอยู่บนพื้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“กู่เหลียนซัน.. อย่าลืมว่าแกเองก็มีส่วนในเรื่องนี้!”
หลังจากที่หลิงหยุนพูดจบ เขาก็หันไปทางถังเมิ่งให้มาจัดการส่วนที่เหลือกับหลงหวู่ต่อ เพราะรู้ตัวว่าเรื่องนี้ถังเมิ่งทำได้ดีกว่าเขา
ภายในเวลาเพียงแค่สิบห้านาที ถังเมิ่งก็เดินมาหาหลิงหยุนพร้อมกับคำพูดสัญญาข้อตกลงของเถียนป๋อเตา
“พี่หยุน.. นี่สัญญาข้อตกลง”
หลิงหยุนรับหนังสือสัญญามาจากถังเมิ่ง เขาเพียงแค่เหลือบมองและหันไปยิ้มกับถังเมิ่งพร้อมกับกระซิบว่า
“เอาล่ะ.. ได้เวลาถอนรากถอนโคนมันแล้ว!” หลิงหยุนกระซิบพร้อมขยิบตาให้ถังเมิ่ง
ถังเมิ่งและหลิงหยุนต่างก็เข้าใจกันดี เขาหันไปมองเถียนป๋อเตาที่นั่งอยู่บนพื้น จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นก็จัดการเปิดคลิปวีดีโอที่เถียนป๋อเตาอยู่กับหญิงสาวทั้งเก้าคนในห้องนอน และยื่นให้กับนักข่าวบันทึกภาพพร้อมกับร้องตะโกนว่า
“ทุกท่าน.. มาดูกันเร็วเข้า เมื่อเช้าเถียนป๋อเตาทำเรื่องงามหน้า!”
ระหว่างที่ถังเมิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมานั้น แววตาของเถียนป๋อเตาที่กำลังนั่งอยู่บนพื้น กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และจากนั้นเขาก็ล้มตึงไปข้างหลังทันที ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลม!