ตอนที่ 255: อำนาจ
“นายน้อยเซีย เจ้าช่างโอหังนัก หลังจากที่ทำร้ายพี่น้องของข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินยิ้มเล็กน้อยในขณะที่น้ำเสียงของเขาก็เย็นชามากขึ้น
“เจ้าฆ่าท่านลุงลุยไปแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก ? ” นายน้อยมองไปที่ชายนับร้อยที่ล้อมเขาอยู่ด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว “พ่อของข้าเป็นตัวแทนของตระกูลเซีย เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าฆ่าข้า ตระกูลเซียของข้าต้องทำทุกทางเพื่อฆ่าเจ้าแน่ ! “
“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะกลัว? เจ้าน่าจะรู้นะว่า ถ้าข้าอยากจะฆ่าคนของตระกูลเซีย ข้าก็คงไม่กลัวที่จะทำให้ตระกูลเซียของเจ้าโกรธ” เจี้ยนเฉินไม่กลัวความยิ่งใหญ่ของตระกูลเซียเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงพูดออกไปอย่างสบาย ๆ
“เจ้า…” นายน้อยหน้าซีดมากและสำนึกผิดในใจอย่างมาก ถ้าเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินจะจัดการยากขนาดนี้ เขาก็คงไม่กล้ามาที่นี่ตั้งแต่แรก
ในตอนนี้เอง ไค่เอ้อก็เดินมาตรงเจี้ยนเฉิน “หัวหน้า ตระกูลเซียแข็งแกร่งมาก และนี่ก็เป็นบุตรชายของหัวหน้าตระกูล ถ้าเขาตายที่นี่ ตระกูลเซียจะต้องคลั่งแน่”
“ตระกูลเซียแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถาม นี่เป็นคำถามเดียวที่สำคัญต่อเขา
ไค่เอ้อพูดอออกมาต่อ “มีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 10 คนอยู่ในตระกูลเซีย และผู้นำของตระกูลเองก็ลือกันว่าเขาได้พัฒนาไปเป็นเซียนปฐพีแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเชี่ยวชาญในพลังเซียนธาตุน้ำเช่นเดียวกับมีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง”
เจี้ยนเฉินพยักหน้า จากคำพูดและท่าทางหยิ่งยโสของนายน้อย เขาก็เดาได้ว่าตระกูลเซียเองนั้นมีเซียนปฐพีอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือพวกเขามีเซียนปฐพีอยู่กี่คน
เจี้ยนเฉินมองไปที่นายน้อย “นายน้อย เจ้าอยากจะไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยเช่นนั้นหรือ ? ” แม้ว่าคำพูดของเจี้ยนเฉินเหมือนกับว่าจะปล่อยตระกูลเซียไป แต่ท่าทีของเขาก็ยังแข็งกร้าว ทำให้นายน้อยสับสนว่า เขากำลังจะเจอโชคร้ายและไม่สามารถออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยเป็นแน่
หลังจากที่ลุงลุยถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นายน้อยของตระกูลเซียก็เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินที่ไม่กลัวตระกูลเซีย
“เจี้ยนเฉิน ตระกูลเซียไม่อยากได้แกนอสูรระดับ 5 แล้ว แค่ข้าออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยก็พอ ! พวกเราจะให้เงินจำนวนมากกับเจ้าอีกด้วย” สายตาของนายน้อยมีความหวัง แม้ว่าเขาจะเป็นชนชั้นสูงแต่เขาก็ถูกปกป้องจากทุกคนมาตลอด เขาไม่มีจิตวิญญาณนักสู้เหมือนที่ทหารรับจ้างที่ผ่านสถานการณ์เป็นตายครั้งแล้วครั้งเล่ามี ดังนั้น ในสถานการณ์แบบนี้ มันจึงไม่ง่ายที่เขาจะรักษาท่าทีสงบเอาไว้ได้
เจี้ยนเฉินเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เจี้ยนเฉินจ้องไปที่เข็มขัดมิติที่อยู่ที่เอวของนายน้อย “นายน้อย ถ้าเจ้าอยากจะออกไปจากลานที่นี่อย่างปลอดภัยจริง ๆ เช่นนั้นก็ส่งเข็มขัดมิติของเจ้ามา”
ใบหน้าของนายน้อยเปลี่ยนไปอย่างมากจากคำสั่งนี้ ของทุกอย่างที่อยู่ในเข็มขัดมิติเป็นของส่วนตัวของเขา และเขาก็ไม่เต็มใจที่จะให้มันไป
นายน้อยยากที่จะรักษาอาการสงบเอาไว้ได้ เขากัดริมฝีปากแล้วพูดออกไป “ดี เจี้ยนเฉิน ข้าจะให้เข็มขัดมิติของข้ากับเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูดและปล่อยข้าออกไปอย่างปลอดภัย”
“ตามนั้น ! ” เจี้ยนเฉินหัวเราะ
หลังจากนั้น นายน้อยก็ถอดเข็มขัดมิติออกอย่างไม่เต็มใจก่อนที่จะพูดออกไป “ข้าจะเอาศพของลุงลุยไปด้วย ! “
เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไรและเอาเข็มขัดมิติที่อยู่รอบเอวของลุงลุยออกมาและโยนร่างของเขาไปที่คนของตระกูลเซีย
องครักษ์สองคนรับร่างไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะถอยออกไปจากลานอย่างช้า ๆ
ตระกูลเซียถอยออกไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ที่ลาน สมาชิกทุกคนของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีมองไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมยิ้มกว้าง การกระทำของเจี้ยนเฉินชนะใจทุกคน
ไค่เอ้อและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีกทั้งห้าคนมาอยู่ที่รอบรอบเจี้ยนเฉินและพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด “หัวหน้า ตอนนี้พวกเราได้ไปล่วงเกินตระกูลเซียแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกนั้นจะปล่อยไปเฉย ๆ พวกเราจะต้องเตรียมการที่จะสู้กับพวกนั้นในอนาคต”
เจี้ยนเฉินพยักหน้า
“หัวหน้า เมื่อพวกเราไปล่วงเกินตระกูลเซียแล้ว ทำไมท่านไม่จับพวกนั้นไว้อยู่ที่นี่ซะเลย? ในตอนนี่ที่พวกเราไปหาเรื่องเขา พวกเราควรจะฆ่าพวกนั้นทั้งหมดเพื่อลดจำนวนเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษในตระกูลของพวกนั้น และทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลง” ชาร์คัสถามอย่างสับสน
“ไม่ได้แน่ ! ” เจี้ยนเฉินส่ายหน้า “ข้าได้ฆ่าจอมยุทธของพวกนั้นไป 1 คน ตระกูลเซียจะต้องระวังในความแข็งแกร่งของข้าอย่างแน่นอนในตอนนี้ ถ้าตระกูลเซียจะมาเอาชีวิตข้า พวกนั้นก็จะสูญเสียอย่างมากเช่นกัน ข้าเชื่อว่าตระกูลเซียจะพยายามหาคนที่พอใช้ได้มาเพื่อทดสอบข้า เพื่อที่พวกเขาจะไม่ได้เสียอะไรมากถ้าคนผู้นั้นตาย และพวกเขาก็จะมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม กับบุตรชายของเขานั้นมันก็ต่างออกไปในฐานะที่เขาเป็นบุตรชายของผู้นำ ถ้าข้าฆ่าเขา ข้าเกรงว่าตระกูลเซียคงจะสั่งให้ตระกูลเทียนซ่งทั้งหมดเคลื่อนไหวเพื่อที่จะมาจัดการกับพวกเรา แม้ว่าข้าจะไม่กลัวพวกนั้น แต่พี่น้องของพวกเราบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นมันจึงจะดีที่สุดถ้าพวกเราหลีกเลี่ยงการปะทะ”
“หัวหน้าฉลาดจริง ๆ ! ” เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษทั้งหกพยักหน้าออกมาอย่างเห็นด้วย
เจี้ยนเฉินเอาเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ “มีเงินอยู่ 5,000 เหรียญม่วงในนี้ ไค่เอ้อเอาเงินนี้ไปแล้วไปรักษาตัวเอง พวกเราต้องทำให้ทุกคนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และถ้ามีเงินเหลืออีกพวกเราจะแบ่งกันทุกคน”
…..
ด้านนอกประตู มีชายชุดฟ้า 20 คนกำลังขี่สัตว์อสูรระดับ 2 เข้ามาที่เมืองเวคอย่างเร่งรีบ ผู้นำคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรระดับ 3 ที่ดูมีราคาแพงและเขาก็ดูแข็งแกร่ง
รูปแบบที่มีคนจำนวนมากและมีสัตว์อสูรด้วยเป็นอะไรที่พ่อค้าหรือทหารรับจ้างไม่สามารถจ่ายได้
ในตอนที่พวกเขาเข้ามาที่เมืองเวค รถม้าที่ดูยิ่งใหญ่ของตระกูลเซียก็กำลังพุ่งออกไปพอดี องครักษ์แต่ละคนหดหู่และบนหลังของสัตว์อสูรระดับ 2 ก็มีศพที่มีเลือดไหลออกมา
เมื่อมองเห็นรถม้าของตระกูลเซีย ชายชุดฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะหยุดดู
“ข้าไม่คิดว่าตระกูลเซียจะมาถึงที่นี่ก่อนพวกเรา ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไป” ผู้นำที่อยู่บนหลังสัตว์อสูรระดับ 3 พึมพำกับตัวเอง ไม่นานหลังจากนั้น สายตาของเขาก็เบิกกว้างในขณะที่เขาเห็นภาพที่เหลือเชื่อ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน เมืองเวคมีจอมยุทธระดับสูงที่แข็งแกร่งถึงขนาดฆ่าลุยเซิ่งได้เลยหรือ?” ชายนั้นอดไม่ได้ที่จะตกใจอ้าปากค้าง
“นายท่าน นั่นเป็นรถม้าของตระกูลเซีย ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะมาที่นี่ไวขนาดนี้ ข้าเดาว่าพวกเขาคงซื้อแกนอสูรระดับ 5 ไปแล้ว” ชายร่างบางพูดออกมาข้าง ๆ
ชายวัยกลางคนส่ายหน้าขณะที่เขามองไปที่ศพที่อยู่บนหลังของสัตว์อสูรโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว