ตอนที่ 256: นิกายเทียนหัว
เมื่อเห็นตระกูลเซียไปไกลแล้ว ชายวัยกลางคนก็ตะโกนบอกคนของเขา “พวกเราเข้าไปในเมืองกัน ! “
ชายทั้งหมด 20 คนเดินผ่านยามรักษาการณ์ไป ไม่มียามรักษาการณ์ของเมืองคนใดที่กล้าที่จะขวางพวกเขา เพราะเมื่อดูจากสัตว์อสูรแล้ว พวกเขาก็คาดการณ์ได้ว่าชายเหล่านี้นั้นแข็งแกร่ง กลุ่มชายทั้งยี่สิบเข้าไปในเมืองอย่างสบาย
ชายที่นั่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรระดับ 3 นำกลุ่มเข้าไปในถนน เขามองไปรอบ ๆ และหันไปดูกลุ่มที่อยู่ด้านหลังเขา “ศิษย์ฉาง ! “
“ท่านอาจารย์!” ทันใดนั้นเองหนึ่งในชายที่กำลังขี่สัตว์อสูรก็มาตรงที่ที่ชายวัยกลางคนอยู่และพูดออกมา “ท่านอาจารย์ต้องการให้ข้าทำอะไรหรือ ? “
“ศิษย์ฉาง พาคนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลเซีย” ชายที่นั่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรระดับ 3 พูดออกมาด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ขอรับ ท่านอาจารย์ ! ” ศิษย์พาบางคนไปเพื่อหาข้อมูลทันทีโดยที่ไม่ได้ถามอะไร
“พวกเรารอให้ศิษย์ฉางกลับมาสักพักก่อน” ชายที่อยู่บนหลังสัตว์อสูรหยุดที่ด้านข้างถนนและพูดกับกลุ่มของเขาที่เหลืออยู่
“พวกเราจะปฏิบัติตามท่านอาจารย์!” ชายที่อยู่ในเครื่องแบบที่เหลืออยู่พูดออกมา
หลังจากนั้น ชายสิบกว่าคนและสัตว์อสูรทั้งหมดก็รออยู่ที่ด้านข้างถนนอย่างอดทน บนถนนนั้น หลายคนที่ผ่านไปมาก็มองดูไปที่คนกลุ่มนี้ด้วยความสงสัย
กลุ่มของชายที่ออกไปหาข้อมูลขี่กลับมาอย่างรวดเร็ว หนึ่งในคนที่ถูกเรียกว่าศิษย์ฉางตรงมาที่ชายวัยกลางคนแล้วพูดออกมา “ท่านอาจารย์ พวกเรามาพร้อมกับข้อมูลบางอย่าง ! เมื่อไม่ถึงชั่วยามที่แล้ว ตระกูลเซียมาถึงที่เมืองเวคและพุ่งตรงไปที่ตระกูลไค่ทันที แต่พวกเขาก็ออกไปจากที่นั่นไม่นานหลังจากนั้น”
คิ้วของชายวัยกลางคนขมวดในขณะที่เขาพึมพำออกมา “ตระกูลไค่… เป็นไปอย่างที่ข้าคาดไว้จริง ๆ “
“ท่านอาจารย์ พวกเราควรจะไปที่ตระกูลไค่หรือไม่ ? ” ศิษย์ฉางถาม แม้ว่าเขาจะดูเหมือนรูปปั้น แต่เขาก็เป็นคนที่คิดอ่านรอบคอบมาก
ชายวัยกลางคนส่ายหน้าในขณะที่เขามองไปที่กลุ่ม “พวกเราไปหาโรงเตี้ยมและพักผ่อนกันก่อนในตอนนี้”
“ท่านอาจารย์ พวกเราจะไม่ไปที่ตระกูลไค่จริง ๆ หรือ ? ” น้ำเสียงสับสนดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“สถานการณ์นี้มันค่อนข้างจะต่างออกไปหน่อย พวกเราไปหาโรงเตี้ยมกันก่อนเถิดตอนนี้” หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็ขี่สัตว์อสูรไป
ในห้องที่ดูโอ่อ่าที่ประตูปิดอยู่ ชายวัยกลางคนและชายอีกสองคนที่มีอายุเท่ากันได้รวมกันอยู่ หนึ่งในนั้นใส่เครื่องแบบสีฟ้าและมีผมปรกหน้าอยู่เกือบทั้งหมด อีกคนเป็นชายที่มีผิวปุปะ โกนหัวและมีกล้ามแขนเป็นมัดโผล่ขึ้นมาให้เห็น
“ท่านอาจารย์ ท่านเรียกพวกเรามาที่นี่ทำไมงั้นหรือ ? ” ชายที่อยู่ในเครื่องแบบสีฟ้าถาม
“ตระกูลไค่ค่อนข้างซับซ้อน แม้แต่ลุยเซิ่งยังถูกพวกเขาฆ่า ดูเหมือนว่าภารกิจที่เจ้านิกายให้พวกเรามานั้นค่อนข้างยากที่จะทำให้สำเร็จได้”
“ท่านอาจารย์ ที่บนถนน ข้าได้ยินข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเจี้ยนเฉิน ข่าวลือบอกว่า เขาร่วมมือกับเซียนปฐพีธาตุไฟ 2 คนในการฆ่าสัตว์อสูรระดับ 5 ไป ถ้าเขาสามารถสู้กับสัตว์อสูรระดับ 5 ได้ ความแข็งแกร่งของเขาคงไม่ใช่น้อยอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่ลุยเซิ่งจากตระกูลเซียถูกเจี้ยนเฉินฆ่าไป ภายในเมืองเวค คงมีแค่เขาเท่านั้นที่สามารถฆ่าคนที่มีความแข็งแกร่งระดับนั้นได้” ชายหัวล้านพูดขึ้นมา
คนที่ถูกเรียกว่าอาจารย์พยักหน้า “ภารกิจที่พวกเราได้มานั้นค่อนข้างยาก ลุยเซิ่งจากตระกูลเซียไม่ได้มีความแข็งแกร่งต่างจากข้ามาก ดังนั้น ข้าเลยไม่คิดว่าเขาจะมาตายที่นี่ ดูเหมือนว่าพวกเราต้องไปเยี่ยมจอมยุทธลึกลับที่มีนามว่าเจี้ยนเฉินนี่เสียแล้ว”
“ไม่ต้องมามัวเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว พวกเราควรไปตอนนี้เลย ! ” ชายผู้หนึ่งพูดออกมา
“ตกลง ! “
ทันใดนั้นเอง ชายทั้งสามคนก็ออกไปจากโรงเตี้ยมพร้อมกับสัตว์อสูรที่ดูมีราคาแพงของพวกเขาเพื่อมุ่งหน้าไปที่ตระกูลไค่
เมื่อมาถึงที่หน้าประตูของตระกูลไค่ ชายทั้งสามก็ลงจากหลังสัตว์อสูรและเดินไปที่ยามรักษาการณ์ที่อยู่ด้านหน้าทันที หนึ่งในชายในกลุ่มประสานมือแล้วพูดออกมาอย่างเคารพ “พี่น้อง พวกเรามาจากนิกายเทียนหัว พวกเรามีเรื่องสำคัญที่จะต้องหารือกับหัวหน้าตระกูล เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเราจะเข้าไป ? ” ชายคนนี้ไม่กล้าที่จะทำตัวเย่อหยิ่ง ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมาก
“ได้โปรดรอที่นี่ก่อน พวกเราต้องไปรายงานหัวหน้า” ยามรักษาการณ์เดินไปรายงานหัวหน้าอย่างไม่ลังเล
ชายวัยกลางคนทั้งสามรออย่างอดทนด้วยท่าทางที่สงบ
ภายในลานของตระกูลไค่ เจี้ยนเฉิน ไค่เอ้อและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีก 5 คนก็กำลังหารือกับถึงการรับมือกับตระกูลเซียในขั้นถัดไปอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มั่นใจว่าตระกูลเซียจะทำสงครามเพื่อคนที่ตายไปแล้วหรือไม่ พวกเขาจึงต้องเตรียมการเอาไว้
ในตอนนี้เอง ยามรักษาการณ์ได้เข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วพูดออกมา “นายท่าน มีชาย 3 คนจากนิกายเทียนหัวต้องการที่จะพบกับหัวหน้าตระกูล”
“อะไรนะ นิกายเทียนหัว ? ! ” เมื่อได้ยินแบบนี้ ไค่เอ้อก็สะดุ้ง เขาหันไปหายามรักษาการณ์ทันทีและถามออกไปอีกครั้ง “มีกัน 3 คนจริง ๆ หรือ ? “
“ขอรับ นายท่าน มีเพียง 3 คนเท่านั้น” ยามตอบกลับด้วยความเคารพ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของไค่เอ้อ เจียนเฉินก็หรี่ตาลงแล้วถาม “ไค่เอ้อ นิกายเทียนหัวเป็นใครกัน และพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน ? “
“หัวหน้า นิกายเทียนหัวอยู่บนภูเขา ห่างจากเมืองเวค 2,000 กิโลเมตร ข้าไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลเซียเลย จริง ๆ แล้วพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่ามาก” ไค่เอ้อพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด
เจี้ยนเฉินรู้สึกปวดหัวจี้ดขึ้นมาในขณะที่เขาพึมพำออกมา “ความเย้ายวนของแกนอสูรระดับ 5 ช่างมากมายเสียจริง ข้าไม่คิดว่าแม้แต่คนที่มีอำนาจมากกว่าตระกูลเซียยังมาด้วยเช่นกัน”
“หัวหน้า เห็นได้ชัดว่านิกายเทียนหัวต้องการแกนอสูรระดับ 5 มันขึ้นอยู่ที่ท่านจะจัดการแล้วว่าท่านจะจัดการเรื่องนี้เหมือนที่ท่านทำกับตระกูลเซียหรือไม่ ? ” โม่เทียนพูดออกมา
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าช้า ๆ “พวกเรามาดูก่อนที่พวกเราจะทำอะไรไป แม้ว่าข้าจะไม่กลัวพวกเขา แต่ข้าก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับพี่น้องของพวกเราได้”
ไม่นานหลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็พาเต้าคังและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่เหลือไปที่ประตูหน้า จากไกลไกล เจี้ยนเฉินก็เห็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในเครื่องแบบกำลังยืนอยู่ที่นั่น หนึ่งในนั้นเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษขั้นสูงและที่เหลืออีก 2 คนเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับกลาง
“ข้าน้อยชื่อเจี้ยนเฉิน นิกายเทียนหัวมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินประสานมือออกไปอย่างเคารพ
ในตอนที่ชายทั้งสามมองไปที่เจี้ยนเฉิน แต่ละคนก็ตกตะลึงมาก ทันใดนั้นเอง คนที่อยู่ด้านหน้าก็ประสานมือออกมา “ถ้างั้นท่านก็คือเจี้ยนเฉิน ข่าวลือก็จริงที่บอกว่าท่านค่อนข้างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา พวกเราทั้งสามมาจากนิกายเทียนหัว ข้าคือฉิงหยุน และสองคนนี้เป็นศิษย์ของข้า”
“ฉิงฉัน ! “
“ฉิงมู่ ! “
ชายทั้งสองที่ยืนอยู่ถัดจากเขาประสานมือเป็นการทักทาย