มนุษย์ต้นไม้รวมร่าง

 

 

 

ไม่รู้ว่าเงาลวงตาต้นไม้โบราณเหล่านี้สร้างขึ้นจากสิ่งใด กิ่งและใบที่ยื่นออกมาล้วนเป็นสีเขียวอ่อน หลังจากที่กระบี่เส้นไหมสับลงไปแล้วพลันมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบไม่อาจทำอันตรายได้เลยสักนิด

 

 

เขตอาคมมหากระบี่ทองคำที่แต่เดิมถูกหนามสีเงินเหล่านั้นโจมตีไปทั่วทุกหนแห่ง ครานี้ถูกเงาลวงตาต้นไม้ยักษ์ที่ขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุดกวาดออกมาอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว ในที่สุดเส้นไหมสีทองก็ไม่อาจผนึกรวมตัวกันดังเดิมได้อีก

 

 

เขตอาคมนี้จึงถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดาย

 

 

หานลี่รู้สึกจิตใจหนักอึ้ง แต่ไม่รอให้ได้สำแดงความสามารถอะไรอีก สิ่งที่เรียกว่าพฤกษาวิญญาณระดับเงินกลับเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาและเย็นยะเยือกออกมา

 

 

“ไม่เลว เขตอาคมกระบี่ของเจ้าช่างแปลกประหลาดนัก แต่ข้าปล่อยต้นไม้วิญญาณประจำกายออกมาแล้ว ขณะที่เป็นมนุษย์ต้นไม้อยู่ ต่อให้เจ้ามีความสามารถขนาดไหน วันนี้ก็มีเพียงแต่ต้องตายเท่านั้น”

 

 

เมื่อเอ่ยจบ สองมือของมู่รุ่ยพลันร่ายอาคม ร่างกายกลายเป็นเงาลวงตาสายหนึ่งท่ามกลางลำแสงสีเขียว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเงาลวงตาต้นไม้โบราณด้านหลัง คาดไม่ถึงว่าจะรวมร่างกัน

 

 

ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น

 

 

เห็นเพียงเงาลวงตาต้นไม้โบราณปล่อยแรงกดที่น่าตกตะลึงออกมา ภายใต้ลำแสงวิญญาณที่โคจรอยู่ พลันกลายเป็นมนุษย์ยักษ์สีเขียวสูงสิบจั้ง

 

 

มนุษย์ยักษ์ผู้นี้เหนือหัวไม่เพียงจะมีต้นไม้งอกอยู่ แขนขาทั้งสี่ยังเป็นสีเขียวขจี ดูเหมือนมนุษย์ต้นไม้โบราณอย่างไรอย่างนั้น บนรลำต้นของต้นไม้ยักษ์ มีใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น นั่นก็คือใบหน้าของมู่รุ่ย

 

 

นี่จึงจะเป็นหน้าตาที่แท้จริงของเผ่าพฤกษา ร่างของพฤกษาวิญญาณ!

 

 

และในตอนนั้นเองหนามสีเงินที่อยู่กลางอากาศพลันหยุดพ่นออกมา เขตอาคมกระบี่ทั้งเขตเหลือเพียงร่างมนุษย์ยักษ์เพียงคนเดียว

 

 

หานลี่มองแล้วพลันตกตะลึงจนตาค้าง แต่การเคลื่อนไหวในมือกลับไม่ลังเลเลยสักนิด ภายใต้การร่ายอาคมกระตุ้น เส้นไหมสีทองในเขตอาคมที่แต่เดิมสลายหายไปพลันปรากฏขึ้นรอบๆ มนุษย์ยักษ์ และเปล่งแสงสว่างวาบพลางสับลงมาพร้อมกัน

 

 

มนุษย์ยักษ์สีเขียวกลับนิ่งงันอยู่ที่เดิม แค่มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะออกมาขณะมองมายังหานลี่

 

 

เปล่งเสียงกรีดร้องแหลมๆ ราวกับทองคำเสียดสีออกมาระลอกหนึ่ง ทันใดนั้นลำแสงสีทองและลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่เส้นไหมทั้งหมดดีดกลับมา คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจทำร้ายมนุษย์ยักษ์สีเขียวได้เลยสักนิด

 

 

“หึๆ มนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงจิ๊บจ๊อยคนหนึ่ง คิดจะทำร้ายต้นไม้วิญญาณประจำกายของพวกเรา ช่างเป็นเรื่องที่เพ้อฝันเสียจริง ถึงแม้ว่าการใช้ร่างของพฤกษาวิญญาณจะต้องนอนหลับลึกไปอีกร้อยปี แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายนั้น ต่อให้เป็นสิ่งที่เรียกว่าสมบัติสะท้านฟ้าของเผ่ามนุษย์อย่างพวกเจ้าก็ไม่อาจทำร้ายข้าได้เลยสักนิด เจ้ายอมมอบชีวิตน้อยๆ มาซะจะดีกว่า” มนุษย์ยักษ์หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา สาวเท้ายาวๆ ไปก้าวหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าทำเป็นมองไม่เห็นเส้นไหมกระบี่สี่สายเลยสักนิด ชั่วครู่ก็ข้ามไปเจ็ดแปดสิบจั้ง เมื่อก้าวไปอีกก้าว ก็แทบจะมาอยู่ห่างจากหานลี่ไปแค่คืบ

 

 

หานลี่หยักยิ้มที่มุมปาก แต่พลันกระตุ้นจิตสัมผัสโดยไม่ปริปากใด วงแหวนลำแสงห้าสีที่โคจรอยู่รอบกายสั่นเทาแล้วหายวับไป ครู่ต่อมาวงแหวนยักษ์ก็เปล่งเสียงร้องและปรากฏขึ้นที่เอวของมนุษย์ยักษ์

 

 

การเคลื่อนไหวของมนุษย์ยักษ์สีเขียวที่แต่เดิมดูโหดเ**้ยมพลันอืดอาดลง ราวกับช้าลงไปสิบเท่าก็ไม่ปาน

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีใจ แล้วชี้ไปทางจุดที่มนุษย์ยักษ์สีเขียวจะเหยียบลงมาอย่างรีบร้อน

 

 

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น วิหคเพลิงสีเงินตัวหนึ่งบินออกมาจากพื้นดิน หมุนวนรอบหนึ่งแล้วอ้าปากออกพ่นลำแสงสีเงินสองสามลูกใส่มนุษย์ยักษ์ที่ถูกกักเอาไว้ ทันใดนั้นก็สยายปีกออกโดยอัตโนมัติ กระโจนเข้ามาพร้อมกับเปลวเพลิงสีเงินที่ลุกโชน

 

 

เสียงฟ้าร้อง “เปรี้ยงๆ” ดังขึ้น เมฆอัสนีสีเงินสองสามกลุ่มปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของมนุษย์ยักษ์ ทันใดนั้นก็มีเปลวเพลิงสีเงินที่ปริแตกปรากฏขึ้น ชั่วครู่ก็กลืนกินมนุษย์ยักษ์เข้าไป

 

 

เสียงดังสนั่นขึ้น ช่างน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!

 

 

แต่หานลี่ที่อยู่ไกลออกไปกลับหมุนวนรอบหนึ่ง ร่างกายเปล่งลำแสงสีทองและเงินออกมาจากแขนเสื้อ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วไปอยู่เหนือมนุษย์ยักษ์

 

 

เมื่อหานลี่ร่ายอาคมชั่วขณะนั้นชุดคลุมพลันแผ่ลำแสงกระจายออกมา ในเวลาเดียวกันก็ขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า

 

 

หลังจากที่เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น ลูกบอลอัสนีขนาดเท่ากำปั้นสีทองและเงินสองสีก็ร่อนลงมาด้านล่างราวกับห่าฝน

 

 

ภายใต้การโจมตีที่กระชั้นนี้จุดที่มนุษย์ยักษ์สีเขียวอยู่พลันกลายเป็นทะเลอัสนี ประจุไฟฟ้าสีทองเงินเปล่งแสงสว่างวาบแล้วมีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เปลวเพลิงสีเงินเป็นลูกๆ ก่อตัวกันจนกลายเป็นลูกไฟต่อเนื่องเป็นทางยาว

 

 

หานลี่ไม่มีทางจะหยุดพัก ปากร้องตะโกนออกมา เขตอาคมมหากระบี่ทองคำทั้งเขตหายวับไป กระบี่ลำแสงสีทองสองสามร้อยสายปรากฏขึ้นทั่วทุกสารทิศ

 

 

สองมือของหานลี่ร่ายอาคมอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด พลันร่ายอาคมกระตุ้นอยู่ในใจ

 

 

ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสงทั้งหมดพลันเปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา จากนั้นพลันสั่นคลอนพุ่งไปที่ตรงกลางทยอยกันจนหายเข้าไปในเปลวเพลิงอัสนี

 

 

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงแหวกอากาศดังขึ้นในเวลาเดียวกัน

 

 

หานลี่ถึงได้พลิ้วไหวกายพุ่งออกไปสิบจั้งเศษ แล้วถึงได้หยุดถลันไปพลางมองดูด้วยความเย็นชา

 

 

เขามั่นใจว่าต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย แต่โดนชุดคลุมอัสนี ไข่มุกอัสนี เปลวเพลิงกลืนวิญญาณและกระบี่บินทั้งหมดโจมตีพร้อมกัน ก็ไม่อาจรับได้

 

 

ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์นั้น มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้

 

 

หลังจากผ่านไปสองสามชั่วลมหายใจ ในที่สุดลำแสงเมฆอัสนีก็หม่นแสงลงแล้วสลายหายไป ร่างของมนุษย์ยักษ์เผยออกมาอีกครั้ง ราวกับว่ายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่ก้าวเดียว

 

 

เมื่อเห็นสถานการณ์ของมนุษย์ยักษ์ในครานี้ชัดเจน หัวใจของหานลี่ก็ร่วงลงไปที่ตาตุ่ม

 

 

ร่างของมนุษย์ยักษ์เปล่งประกายระยิบระยับ กลายเป็นเหมือนรูปแกะสลักสีเขียวมรกตก็ไม่ปาน สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิมก็คือ ผิวของมนุษย์ยักษ์เรียบลื่นเป็นพิเศษ คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีบาดแผลเลยสักรอย การโจมตีที่น่าตกตะลึงเมื่อครู่ ก็ไม่อาจทำร้ายมันได้เลยสักนิด

 

 

ส่วนมือยักษ์ทั้งสองของมนุษย์ยักษ์นั้น ไม่รู้ว่าจับวงแหวนยักษ์ที่เอวเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นิ้วทั้งสิบออกแรง เสียง “ปัง” ดังขึ้น วงแหวนห้าสีสลายออกท่ามกลางแรงมหาศาล

 

 

เมื่อหลุดจากพันธนาการ มนุษย์ยักษ์ก็เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น ออกแรงกระทืบไปบนพื้น ลำแสงสีเขียววงหนึ่งแผ่ออกมา ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงสีเงินที่ลุกโชนด้านล่างพลันถูกม้วนเข้าไปข้างใน ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ วิหคเพลิงสีเงินนึกรวมตัวกันก่อตัวขึ้นอีกครั้ง แต่กลับถูกลำแสงวิญญาณลึกลับกักเอาไว้

 

 

เพลิงกลืนวิญญาณที่ดูเหมือนว่าจะกลืนกินพลังวิญญาณต่างๆ ได้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจทำอะไรลำแสงสีเขียวได้เลยสักนิด

 

 

ส่วนกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาสีทองทั้งเจ็ดสิบสองเล่มนั้น มนุษย์ยักษ์สีเขียวกลับไม่สนใจเลยสักนิด กระบี่บินทั้งหมดสับลงบนร่างของเขา ก็เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบแล้วดีดกลับมาโดยอัตโนมัติ

 

 

มีกระบี่บินสิบกว่าเล่มที่สับลงไปสองสามครั้งแล้วลำแสงวิญญาณพลันลดลง เปล่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา นั่นก็คือกระบี่ผลึกโลหิตมหาภารตะที่ระเบิดตัวเองและถูกกำจัดพลังวิญญาณไปไม่น้อยเหล่านั้น

 

 

เดิมทีกระบี่บินเหล่านี้ก็ได้รับความเสียหายอยู่แล้ว แค่ถูกหานลี่ฝืนกระตุ้นวางเขตอาคมกระบี่ ครานี้ถูกพฤกษาวิญญาณที่กลายเป็นมนุษย์ยักษ์ดีดกลับมาอีก จึงต้านทานไม่ไหวแล้วจริงๆ

 

 

หานลี่ยื่นมือกวักออกไปด้วยหน้าที่เปลี่ยนสี กระบี่บินทั้งหมดเปล่งเสียงร้องคำรามแล้วบินกลับมา ระหว่างทางก็หดเล็กลงสองสามเท่า ทยอยกันจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขา

 

 

“ตอนนี้ร่างของข้าเป็นร่างวัชระไร้เทียมทาน ต่อให้พลังยุทธ์สูงกว่าข้าก็ไม่อาจทำอะไรข้าได้ในครานี้ มีฝีมืออะไร ก็สำแดงออกมาเถิด ขอแค่ทำร้ายข้าได้แม้เพียงนิด ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปสักครั้งได้อยู่แล้ว?” มนุษย์ยักษ์เอาสองมือกอดอก ปากเปล่งเสียงหัวเราะบาดหูออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

 

 

หลังจากที่พฤกษาวิญญาณระดับเงินผู้นี้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ยักษ์ ใบหน้าที่แต่เดิมแข็งทื่อ แสดงความสามารถที่น่าตกตะลึงสุดๆ ออกมา การโจมตีทั้งหมดของหานลี่ ล้วนไม่มีผลเลยสักนิด

 

 

หานลี่เองก็มีสีหน้าตื่นตะลึง

 

 

นี่ถึงได้รู้ความแตกต่างกันอันมหาศาลของพฤกษาวิญญาณระดับเงินและผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมรวม

 

 

เขาที่ฝึกฝนเคล็ดวิชามารพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้และคาถาร้อยชีพจร แน่นอนว่าย่อมรู้ว่าความสามารถของตนเองไม่อาจเทียบเทียมได้ง่ายๆ แต่ความคิดที่ว่าตนเองจะต่อกรกับผู้ที่อยู่ตรงหน้าได้หรือไม่นั่น เขาก็ไม่มั่นใจสักเท่าไหร่

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงนั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นแน่ ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตานั้น ในเมืองเทวะสวรรค์กลับไม่มีโอกาสได้ประมือ

 

 

แต่การเดินทางครั้งนี้หลังจากที่หานลี่ได้เห็นการต่อสู้ระดับหลอมสุญตาของเยี่ยฉู่และผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลหล่งแล้ว ก็มั่นใจว่าความสามารถของตนเองไม่เป็นรอง ราวกับว่าไม่ด้อยไปกว่าพวกเขา แม้กระทั่งหากประจวบเหมาะการจะถูกเคล็ดวิชาของตัวเองควบคุมเอาไว้ พลิกจากแพ้เป็นชนะได้

 

 

หากรู้เช่นนี้ล่ะก็ ตอนที่พบกับเงาชาดของเผ่าเงาในตอนนั้น เขาก็คงไม่จำเป็นต้องใช้แมลงกลืนทอง ก็ดูเหมือนว่าจะอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งต่อสู้ได้

 

 

ครั้งนี้เผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ และรู้ตัวว่าไม่อาจสลัดออกจากจิตสัมผัสของพฤกษาวิญญาณได้ จึงจำใจต้องอาศัยความด้านเปรียบด้านภูมิศาสตร์ชิงวางเขตอาคมมหากระบี่ทองคำเอาไว้ก่อน เพื่อเตรียมต่อสู้อย่างสุดชีวิต

 

 

มิเช่นนั้นเขาคงมีปัญหาทางสมอง ถึงได้ปะทะกับสิ่งพิเศษระดับนี้

 

 

แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าพฤกษาวิญญาณระดับเงินที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บหนักจะร้ายกาจกว่าที่เขาคิดเอาไว้

 

 

หลังจากที่สำแดงความสามารถเบื้องหน้าแล้ว คาดไม่ถึงว่าเคล็ดวิชาลับหรือสมบัติอะไรก็ไม่อาจทำร้ายได้ ความเร็ว กำลัง ก็อยู่ในจุดที่น่ากลัวมากเช่นกัน

 

 

ความสามารถชนิดนี้จะอัศจรรย์เกินไปหน่อยกระมัง! คงมีเพียงวิธีเดียวที่ต้องลองทดสอบแล้ว หากไร้ผลเช่นกันล่ะก็ เขาก็คงทำได้เพียงใช้เงาอสนีหลีกหนีเป็นระยะๆ เพื่อดูว่าจะระหว่างทางจะมีวิธีช่วยชีวิตตัวเองหรือไม่

 

 

ถึงอย่างไรเสียเขาก็ไม่มีทางยินยอมรอความตายอยู่แล้ว

 

 

ความคิดต่างๆ ของหานลี่โคจรอย่างรวดเร็ว สีหน้าต่างๆ ค่อยๆ เลือนหายไปจากใบหน้า สายตาเคร่งขรึมขึ้นอีกครั้ง

 

 

เขาไม่ได้กล่าวอะไรมาก ปีกวายุอสนีที่แผ่นหลังกระพือ กะพริบวาบสองสามครั้ง ชั่วขณะนั้นปีกทั้งสองพลันมีประจุไฟฟ้าสีเขียวและขาวเปล่งประกาย ทันใดนั้นลูกบอลอัสนีสีเขียวขาวขนาดเท่ากำปั้นพลันปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่น ลูกบอลอสนีเหล่านี้เปล่งแสงระยิบระยับ เสียงดังเปรี๊ยะๆ

 

 

และในตอนนั้นเอง หานลี่พลันใช้มือทั้งสองร่ายอาคมด้วยความเคร่งขรึม

 

 

ลำแสงสีเขียวเปล่งประกายทั้งสองด้าน ฉับพลันนั้นพลันมีเงาสีเขียวที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วสี่สายปรากฏขึ้น มีปีกอยู่ที่แผ่นหลัง สองมือพลันร่ายอาคม

 

 

“น่าสนใจนัก!” มนุษย์ยักษ์สีเขียวเห็นเช่นนั้นกลับหัวเราะหึๆ ออกมา สีหน้าไม่ใส่ใจ

 

 

เงาสีเขียวห้าสายมีสีหน้าเคร่งขรึม ร่างกายพลิ้วไหว กลายเป็นเส้นไหมสีขาวห้าสายพุ่งออกไป แต่ระหว่างทางกลับพลิ้วไหว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปในเวลาเดียวกัน

 

 

พฤกษาวิญญาณที่กลายเป็นมนุษย์ยักษ์เปล่งเสียงหัวเราะออกมายกใหญ่ มือหนึ่งปรบไปทางจุดที่ไกลออกไปสองสามจั้ง

 

 

เสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น ชั่วขณะนั้นบรรยากาศบริเวณรอบราวกับบิดเบี้ยวและระเบิดออก ทันใดนั้นพลันมีรอยแยกสีขาวยาวๆ สิบกว่าสายปรากฏขึ้น

 

 

เงาสีเขียวสองสามสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นอย่างโซซัดโซเซด้านใน

 

 

มือยักษ์แค่ตะปบออกไป พลังมหาศาลที่ไร้รูปร่างพลันกวาดออกไป เงาสีเขียวสองสามสายหายวับไปจากกลางอากาศ