เป็นอิสระ

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเงาลวงตาที่หานลี่สำแดงขึ้นเท่านั้น

 

 

ในเวลาเดียวกันเหนือหัวของมนุษย์ยักษ์พลันมีลำแสงสีดำสว่างวาบ เงาสีเขียวอีกสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบพลันปรากฏขึ้น แล้วกระโจนลงมาที่ด้านล่างอย่างเงียบเชียบ

 

 

แต่พฤกษาวิญญาณที่กลายเป็นมนุษย์ยักษ์กลับดูเหมือนว่าจะคาดคิดเอาไว้ตั้งนานแล้ว ฉับพลันนั้นพลันชูคอขึ้น พ่นเสาลำแสงสีเขียวมรกตสายหนึ่งออกมา

 

 

เสาลำแสงนี้มีขนาดเท่ากับถังเก็บน้ำอย่างไรอย่างนั้น และยิ่งไปกว่านั้นยังรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบ ผลคือเงาสีเขียวสายนั้นไม่ทันได้หลบหลีก ก็ถูกโจมตีเข้าเต็มๆ

 

 

ชั่วขณะนั้นเสียงร้องอันน่าอนาถพลันดังขึ้น เงาสีเขียวถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป

 

 

มนุษย์ยักษ์เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา

 

 

ในตอนนั้นเองด้านหลังของเขาห่างออกไปแค่คืบพลันมีลำแสงสีม่วงเปล่งแสงสว่างจ้า เงาร่างคนอีกสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองสองสามร้อยสายพลันพุ่งออกมา

 

 

เงาสีเขียวนั่นก็คือหานลี่

 

 

ระยะประชิดเช่นนี้ถึงแม้ว่ามนุษย์ยักษ์จะสัมผัสได้ถึง’เงาสีเขียว แต่ก็ไม่ทันได้ป้องกันเลยสักนิด

 

 

ได้ยินเพียงเสียง “แปะๆ” ราวกับฝนกระทบรั้ว ลำแสงสีทองเหล่านั้นล้วนถูกโจมตีไปอยู่ด้านหลังของมนุษย์ยักษ์

 

 

ภายใต้ความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวของมนุษย์ยักษ์ เสียงคำรามต่ำๆ พลันดังขึ้น มือยักษ์สีเขียวอีกข้างหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหานลี่ ตะปบลงมาอย่างรุนแรง

 

 

หานลี่เองก็ไม่ได้รีบร้อน ปีกที่แผ่นหลังสยายออก เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปกลางอากาศ

 

 

แต่มนุษย์ยักษ์กลับแค่นเสียงอย่างเย็นชา สองนิ้วที่ตะปบลงมือพลันร่ายคาถา ชั่วขณะนั้นเล็บสองท่อนพลันสั่นเทาแล้วพุ่งออกไป ทันใดนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

 

 

ครู่ต่อมาลำแสงสีเขียวสองสายก็ทะลุผ่านปีกที่แผ่นหลังของหานลี่ไปอย่างรวดเร็ว เสียงอัสนีที่เพิ่งดังขึ้นพลันหยุดลง

 

 

ในที่สุดหานลี่ก็มีสีหน้าตกตะลึง ตอนที่กำลังคิดจะเคลื่อนไหวบินหนีไปนั้น กลับสายไปเสียแล้ว

 

 

มือยักษ์ที่อยู่กลางอากาศเปล่งแสงสว่างวาบ เขารู้สึกเพียงว่าอากาศรอบด้านแข็งค้าง กลายเป็นเหล็กกล้าไร้สนิมก็ไม่ปาน จากพลังมหาศาลของเขา หลังจากที่ล่าช้าไม่ได้ดั่งใจแล้ว ถึงได้ฝืนหนีออกมาได้

 

 

แต่ช่วงเวลาที่ล่าช้าไป มือยักษ์สีเขียวพลันตะปบไปที่เอวของเขาแน่น

 

 

คาดไม่ถึงว่าพลังของมนุษย์ยักษ์สีเขียวจะไม่ด้อยไปกว่าเขา

 

 

ทันใดนั้นมนุษย์ยักษ์สีเขียวก็ฉีกยิ้มโหดเ**้ยม แววตาเผยความโหดเ**้ยมทารุณออกมา

 

 

มันออกแรงที่นิ้วทั้งห้า มือยักษ์ที่มีลำแสงสีเขียวไหลโคจรอยู่ต้องการจะบีบหานลี่ให้กลายเป็นชิ้นเนื้อ

 

 

หานลี่หน้าเปลี่ยนสี ปากพลันบริกรรมคาถาออกมา ลำแสงสีเขียวบนร่างไหลโคจรไปมาไม่หยุด ร่างกายที่อยู่ท่ามกลางนิ้วทั้งห้าเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างทั้งราวถูกบีบราวกับกระดาษ กลายเป็นลำแสงจุดเล็กๆ

 

 

ลำแสงวิญญาณเหล่านี้ผนึกค้างอยู่กลางอากาศใกล้ๆ กลายเป็นยันต์สีเขียวแผ่นหนึ่ง ม้วนพุ่งไปยังจุดที่ไกลออกไป

 

 

มนุษย์ยักษ์มีสีหน้าแข็งค้าง เผยสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา

 

 

ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้งระลอกคลื่นก่อตัวขึ้น หานลี่เปล่งแสงสว่างวาบพลางปรากฏขึ้นกลางอากาศ สีหน้าซีดขาวไปเล็กน้อย แต่ภายใต้การกวักเรียก ก็เก็บยันต์สีเขียวเข้ามาอยู่ในมือ

 

 

ในวิกฤตอันตรายเมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าเขาจะสำแดงความสามารถเคราะห์แทนตนของยันต์แปลงวิญญาณ ใช้ยันต์ส่งตัวเองออกมาอยู่ที่นี่ในชั่วพริบตา

 

 

หลังจากผ่านการบ่มเพาะมาหลายปี ความสามารถของยันต์แปลวิญญาณจึงเหนือกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก

 

 

ในตอนนั้นเอง เงาร่างคนที่ถูกมนุษย์ยักษ์พ่นเสาลำแสงไปพลันเคลื่อนไหว ร่างกายตกลงใกล้ๆ กับหานลี่อย่างจนตรอก

 

 

เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาเลอะเทอะเปรอะเปื้อน สีหน้าซีดขาวเป็นพิเศษ แต่กลับหันหน้าไป ยิ้มให้กับมนุษย์ยักษ์ที่อยู่อีกด้าน

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็น ‘หานลี่’ อีกคนหนึ่ง

 

 

มนุษย์ยักษ์กะพริบตา อดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัยออกมาไม่ได้

 

 

แต่ทันใดนั้นหานลี่ที่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง ก็เปล่งแสงสีดำสว่างวาบ จากนั้นร่างกายก็หดเล็กลง กลายเป็นวานรน้อยสีดำเป็นประกายสูงครึ่งฉื่อ

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอสูรวิญญาณครวญ!

 

 

การโจมตีเมื่อครู่ของหานลี่ เขาปล่อยอสูรตนนี้ออกมาอย่างไม่มีผู้ใดล่วงรู้ และสร้างภาพลวงตาของตนเองออกมา ทำการโจมตีขึ้นพร้อมกัน

 

 

คราที่พฤกษาวิญญาณระดับเงินไม่รู้จัก คาดไม่ถึงว่าจะถูกดึงดูดความสนใจไป ส่วนหานลี่กลับใช้ยันต์ชำระพิสุทธิ์หนีออกมาโดยมีอสูรวิญญาณครวญเป็นผู้คุ้มครองได้อย่างสมความตั้งใจ

 

 

มิเช่นนั้นจากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของอีกฝ่าย หานลี่ก็คงไม่มีโอกาสเข้าใกล้มนุษย์ยักษ์ได้มากถึงเพียงนี้

 

 

มนุษย์ยักษ์สีเขียวรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ เมื่อนึกถึงลำแสงสีทองที่พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของหานลี่ สีหน้าก็เคร่งขรึมพลางตะปบไปที่แผ่นหลัง

 

 

หลังจากที่มนุษย์และต้นไม้รวมร่างกันแล้ว ร่างของพฤกษาวิญญาณก็แข็งแกร่ง แต่ความรู้สึกของกายเนื้อกลับเชื่องช้าเป็นอย่างมาก แต่เดิมมันไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะวิธีการทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บได้จริงๆ

 

 

ผลคือหลังจากที่มือใหญ่ตะปบผ่านไป เมื่อมองไปเบื้องหน้าพลันมีแมลงเกราะสีทองขนาดสองสามฉื่อสองสามตัวปรากฏขึ้น ไต่อยู่บนฝ่ามือของเขา

 

 

“นี่คืออะไร?”

 

 

มนุษย์ยักษ์สีเขียวมีสีหน้าตกตะลึง ทันใดนั้นก็กำนิ้วทั้งห้า แล้วคลายออกอีกครั้ง แมลงสีทองสองสามตัวกลับยังคงปลอดภัย

 

 

มันหน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่

 

 

หานลี่ที่อยู่ไกลออกไปเห็นเช่นนั้น กลับมีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายแวบผ่าน กระตุ้นความคิดไปที่เจ้าสิ่งนั้น

 

 

ชั่วขณะนั้นแผ่นหลังของมนุษย์ยักษ์พลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ แมลงเกราะยักษ์ขนาดครึ่ง

 

 

ฉื่อปรากฏขึ้นตัวแล้วตัวเล่า ชั่วครู่ก็ไต่อยู่เต็มครึ่งตัวของมนุษย์ยักษ์ แล้วกัดกินอย่างโหดเ**้ยมพร้อมกัน

 

 

หานลี่ดูเหมือนจะมีสีหน้าไร้ความรู้สึก หัวใจบีบคั้น

 

 

ถึงแม้ว่าแมลงกลืนทองจะได้รับขนานนามว่าไม่มีสิ่งใดที่ไม่กลืนกิน แต่ในคัมภีร์ของแดนมนุษย์ แมลงวิญญาณชนิดนี้กลับไม่ถูกกับสมบัติประเภทหยกพฤกษา และความสามารถในการรวมร่างมนุษย์และต้นไม้ของเผ่าพฤกษาวิญญาณเบื้องหน้าก็ช่างแปลกประหลาดจริงๆ ถึงแม้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายจะดูเหมือนต้นไม้ใหญ่ แต่ใช้สมบัติประเภท ‘ไม้’ หรือไม่ หานลี่ก็ไม่อาจตัดสินได้ จึงทำได้เพียงลองพนันดูแล้ว

 

 

ผลคือครู่ต่อมา ปากของมนุษย์ยักษ์พลันเปล่งเสียงร้องอันเจ็บปวดออกมา มือยักษ์ทั้งสองปรบไปทางด้านหลังอย่างสุดชีวิต แผ่นหลังของเขามีแมลงเกราะสีทองขนาดยักษ์กำลังกลืนกินเขาไม่หยุด ร่างกายแวววาวที่แต่เดิมดูแข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้ ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ อย่างไร้เรี่ยวแรงในปากของแมลงยักษ์

 

 

แมลงยักษ์สองสามร้อยตัวกัดกินพร้อมกัน ถึงแม้ว่ามนุษย์ยักษ์สีเขียวจะมีความรู้สึกเชื่องช้า แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากการถูกฉีกทึ้ง

 

 

หานลี่รู้สึกดีอกดีใจ หลังจากสะบัดแขนเสื้อเก็บอสูรวิญญาณครวญไปแล้ว รอบกายก็เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศออกไป

 

 

ถึงแม้ว่าแมลงกลืนทองจะต่อกรกับอีกฝ่ายได้ แต่เจ้าของแมลงวิญญาณอย่างเขาก็ไม่อาจต่อสู้กับอีกฝ่ายได้ แน่นอนว่าควรจะหนีออกไปให้ไกลจะดีกว่า

 

 

“แมลงกลืนทอง แมลงกลืนทองโตเต็มวัย คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีแมลงปีศาจชนิดนี้!” มนุษย์ยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ดูเหมือนว่าจะพบกับฝันร้ายที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดแล้ว

 

 

ทันใดนั้นเสียงระเบิดพลันดังขึ้นไม่หยุด ชั่วพริบตาลำแสงสีเขียวเป็นสายๆ ก็สว่างวาบขึ้นทั่วท้องฟ้าหานลี่เองก็หนีออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหัวกลับมา ชั่วพริบตาก็มาอยู่ที่ขอบฟ้า ลำแสงหลีกหนีเปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้ง แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

ครู่ต่อมาตรงจุดที่ต่อสู้กันนั้นพลันมีลูกบอลลำแสงยักษ์พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วหนีไปที่ขอบฟ้าอีกด้านเช่นกัน ในลำแสงสีเขียวมีเงาร่างยักษ์ที่ไม่สมบูรณ์ปรากฏอยู่

 

 

ด้านหลังมีเมฆแมลงสีทองกลุ่มหนึ่งไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ

 

 

ทั้งสองไล่ตามกันไปติดๆ ดูจากทิศทางที่บินไปแล้ว กลับอยู่ตรงข้ามกับหานลี่อย่างพอดิบพอดี

 

 

แต่ไม่นานนัก เมฆแมลงสีทองก็เปล่งเสียงหึ่งๆ พลางบินกลับมาอีกครั้ง ไม่เพียงร่างกายจะหดเล็กลงจนมีขนาดแค่สองสามชุ่น ยิ่งไปกว่านั้นฝูงแมลงที่วุ่นวายกลับแยกตัวออกจากกัน

 

 

โชคดีที่ความเร็วของแมลงกลืนทองเหล่านี้ยังคงไม่ลดระดับลง เปล่งเสียงกรีดร้องแล้วข้ามผ่านท้องฟ้าในบริเวณนั้นไปราวกับสายฟ้า

 

 

ภายใต้กองหินระเกะระกะห่างออกไปพันลี้ หานลี่นั่งสมาธิอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าซีดขาว กำลังขับเคลื่อนฝูงแมลงให้บินมาทางเขาอย่างสุดชีวิต

 

 

เขาในตอนนี้สูญเสียจิตสัมผัสไปไม่น้อย

 

 

เมื่อหานลี่เห็นฝูงแมลงสีทองร่อนลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ไม่อาจระงับร่างกายที่สั่นเทาเอาไว้ได้อีกพลางฟุบลงกับพื้น ในเวลาเดียวกันสองแขนก็กอดอกเปล่งเสียงผิวปากออกมา น้ำเสียงเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเจ็บปวดจนไม่ต่างอะไรกับการต้องจบชีวิตลง

 

 

หลังจากผ่านครึ่งเค่อเต็มๆ เขาถึงได้หยุดผิวปาก แล้วนั่งสมาธิอีกครั้ง

 

 

การควบคุมฝูงแมลงในครั้งนี้ช่างอันตรายนัก เกือบจะดูดจิตสัมผัสของเขาไปจนหมด แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาทำให้จิตสัมผัสที่เขาเก็บกลับมาได้รับความเสียหายไปเล็กน้อย

 

 

ดูแล้วเพื่อความปลอดภัย วันข้างหน้าห้ามให้แมลงวิญญาณไล่ตามศัตรูไปไกลนัก แต่จะว่าไปแล้ว หากไม่ควบคุมแมลงกลืนทองเหล่านี้ไล่ตามพฤกษาวิญญาณระดับสูงที่หนีไปสักระยะหนึ่ง เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะพบความผิดปกติของเขา แล้วไม่ยอมผละไปง่ายๆ แน่

 

 

แต่ครานี้พฤกษาวิญญาณเสียเปรียบแมลงกลืนทองไปไม่น้อย ประกอบการบาดเจ็บหนักก่อนหน้า ต่อให้อีกฝ่ายอาจหาญขนาดไหน ก็ไม่กล้าเป็นฝ่ายลงมือกับเขาก่อนถึงจะถูก

 

 

หานลี่ลูบไปที่แหวนอสูรวิญญาณที่ใช้บรรจุแมลงกลืนทองในแขนเสื้อ พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่งขณะขบคิด

 

 

ในป่าลึกห่างออกไปสองสามหมื่นลี้ มู่รุ่ยที่กลายเป็นมนุษย์ยักษ์สีเขียวกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเช่นกัน แขนของเขาข้างหนึ่งและร่างกายครึ่งหนึ่งหายไป แต่ครู่ต่อมากลับมีลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาจากต้นไม้ใกล้ๆ แล้วทะลักเข้าไปในร่างของเขา

 

 

ส่วนที่ขาดหายไปของมนุษย์ยักษ์พลันสมานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วทันตาเห็น

 

 

เวลาหนึ่งกาน้ำชา ลำแสงที่บินออกมาจากต้นไม้รอบๆ ก็สลายหายไป ร่างของมนุษย์ยักษ์ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม

 

 

แต่แค่เมื่อเขาลืมตาขึ้น สายตากลับหม่นแสงลงไปอย่างหาที่เปรียบ

 

 

สองมือพลันร่ายอาคม ฉับพลันนั้นร่างกายใหญ่ยักษ์ก็มีเงาลวงตาสายหนึ่งพุ่งออกมา พลิ้วไหวเล็กน้อย แล้วผนึกรวมตัวกันกลายเป็นพฤกษาวิญญาณผิวสีเขียวที่มีหน้าตาซีดขาว

 

 

เมื่อลำแสงวิญญาณบนร่างของมนุษย์ยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบ ก็กลายเป็นต้นไม้โบราณต้นหนึ่งแล้วหายวับไปอีกครั้ง

 

 

เมื่อพฤกษาวิญญาณกลับคืนร่างเดิม แววตาก็เปล่งประกายขณะมองไปยังจุดที่หานลี่อยู่สองแวบ

 

 

“คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะมีแมลงกลืนทอง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีมากกว่าสองสามร้อยตัว ช่างรับมือยากเสียจริง หากข้าเตรียมพร้อมสมบูรณ์ล่ะก็ ก็อาจจะลองเสี่ยงสังหารอีกฝ่ายดู ให้แมลงฝูงนั้นไร้ซึ่งการควบคุม แต่ตอนนี้ตัวเองก็บาดเจ็บหนักถึงสองครั้ง ทำให้ต้นไม้วิญญาณประจำกายได้รับบาดเจ็บ หากปะทะกับฝูงแมลงของอีกฝ่ายอีกล่ะก็ เกรงว่าจะเพลี่ยงพล้ำไปจริงๆ ดูแล้วคงทำได้เพียงผละมือ ปล่อยอีกฝ่ายไป” มู่รุ่ยมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสอยู่ชั่วครู่ แล้วถึงได้สั่นศีรษะขณะตัดสินใจ

 

 

ฉับพลันนั้นเขาพลันกลายเป็นลำแสงสีเงินพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า พุ่งตรงไปยังป่าใบดำ

 

 

ไม่นานนัก หลังจากหานลี่ที่อยู่อีกฝ่ายฟื้นฟูจิตสัมผัสกลับมาเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่กล้ารั้งรออยู่ที่นี่นานนักเช่นกัน จึงฝืนความเจ็บปวดในหัว กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศออกไป

 

 

จุกที่เขาไป นั่นก็คือเส้นทางสวรรค์!

 

 

สองเดือนต่อมา ลำแสงหลีกหนีของหานลี่พลันปรากฏเหนือป่ารกร้าง หาภูเขารกร้างมาลูกหนึ่ง ลำแสงสีเหลืองเปล่งประกายพลางพุ่งเข้าไป

 

 

เขาสร้างห้องลับขนาดสิบจั้งเศษขึ้นมาบนเขาอย่างง่ายๆ หลังจากเก็บกวาดเล็กน้อย ก็กินยาลูกกลอนลงไปสองสามเม็ดอย่างไม่สนใจสิ่งใดอีก ทันใดนั้นก็หลับตานั่งสมาธิ ฟื้นฟูพลัง

 

 

หนึ่งเดือนต่อมา เมื่อหานลี่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาก็กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง สีหน้ามีชีวิตชีวาดังเดิม