หลอมวายุอสนีครั้งที่สาม

 

 

 

หานลี่ไม่ได้หยัดกายลุกขึ้นในทันที แต่ขบคิดอยู่ภายในห้องลับ

 

 

หลังจากผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ เขาถึงสะบัดแขนเสื้อ วงแหวนกลมๆ สีเขียววงหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ

 

 

นั่นก็คือกำไลเก็บของของเสี่ยวหงแห่งเผ่าหงส์ทมิฬ

 

 

วันนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ภูเขาเทวะดูดปราณทับสตรีผู้นั้นให้ถึงตาย แต่กลับเอากำไลเก็บของของนางมาอย่างไม่เกรงใจ

 

 

ก็นับว่าเขาปรานีซื้อชีวิตเอาไว้แล้ว

 

 

ในฐานะปีศาจผู้บำเพ็ญเพียรสายตรงของเผ่าหงส์ทมิฬ หานลี่รู้สึกสนใจของที่อยู่ในกำไลเก็บของวงนี้อยู่หลายส่วน

 

 

จิตสัมผัสกวาดเข้าไปด้านในได้ไม่นาน หานลี่ก็เผยสีหน้ายินดีออกมา

 

 

ด้านในมีสมบัติล้ำค่าอยู่ไม่น้อย!

 

 

ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แค่วัตถุดิบอสูรปีศาจที่กินพื้นที่เกือบครึ่งของกำไลเก็บของ ก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากในย่านร้านค้าแล้ว ฐานะหนึ่งในเจ็ดเผ่าปีศาจที่ยิ่งใหญ่ วัตถุดิบที่รวบรวมมาได้เหล่านี้ แน่นอนว่าหาได้สบายกว่าเผ่ามนุษย์หลายเท่า อีกอย่างมุมหนึ่งของกำไลเก็บของมีศิลาวิญญาณระดับสุดยอดเปล่งแสงหลากสีสันออกมาอยู่เจ็ดแปดก้อน ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึงจริงๆ

 

 

ถึงแม้จะบอกว่าในแดนวิญญาณ ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดจะไม่ได้หายากเท่าแดนมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะหามาได้อย่างง่ายๆ ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงทุกคนเกลียดที่มีน้อยแต่ไม่เกลียดที่มีมากแน่

 

 

โดยเฉพาะผลึกศิลาสีขาวนวลเม็ดหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นศิลาวิญญาณธาตุวายุที่หาได้ยาก นี่จึงทำให้หานลี่รู้สึกดีใจอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในเมืองเทวะสวรรค์ ก็อยากได้ศิลาวิญญาณธาตุวายุสักก้อนมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยได้มา

 

 

นอกจากของเหล่านี้แล้ว ในกำไลเก็บของก็มียุทธภัณฑ์และสมบัติโบราณอยู่สองสามชิ้น หานลี่กลับไม่สนใจ ของเหล่านี้แค่อานุภาพก็ไม่อาจเทียบเคียงกับภูเขาเทวะดูดปราณและสมบัติสะท้านฟ้าของเขาแล้ว

 

 

เกรงว่าแม้แต่เสี่ยวหงเองก็ไม่สนใจของเหล่านี้ มิเช่นนั้นการต่อสู้ก่อนหน้าคงเอาออกมาต่อสู้กับศัตรูแล้ว

 

 

แต่ขวดต่างๆ ที่บรรจุยาวิเศษเอาไว้ในกำไลเก็บของนั้น กลับทำให้หานลี่รู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กๆ

 

 

เมื่อเขาได้มาอยู่ในมือ ก็เปิดฝาออกแยกแยะ กว่าครึ่งล้วนเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บ มีอยู่แค่สองสามชนิดที่เป็นยาเพิ่มพลังยุทธ์และสมุนไพรการปรุงยาที่หายาก

 

 

ผลเห็ดมังกรเม็ดนั้นก็อยู่ในกล่องไม้เหล่านี้

 

 

แน่นอนว่าหานลี่ก็ไม่เกรงใจที่จะหยิบมันขึ้นมา

 

 

ฉับพลันนั้นในมือของหานลี่พลันมีขวดสีเงินประหลาดๆ ที่สลักรูปหงส์เพลิงสีแดงปรากฏขึ้น

 

 

ด้านบนมียันต์ต้องห้ามสีทองเรืองรองแปะอยู่ ท่าทางเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้น แน่นอนว่าพลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

 

 

ฉีกยันต์ออกเปิดฝาออกมา

 

 

เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น หานลี่ยังไม่ทันเห็นของในขวดชัดๆ ก็มียาลูกกลอนสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือสามเม็ดพุ่งออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นหงส์เพลิงสีดำขนาดเล็กสามตัว พุ่งตรงหนีไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน

 

 

“เอ๋”

 

 

หานลี่ร้องอุทานออกมา แต่กลับลูบไปที่ท้ายทอย ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเทาพลันพุ่งออกมา ชั่วครู่ก็กวาดหงส์น้อยสามตัวเข้ามาอยู่ข้างใน

 

 

ชั่วขณะนั้นหงส์ทมิฬสามตัวพลันหมุนติ้วๆ สองสามรอบกลางลำแสงสีเทา ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นยาลูกกลอนสีดำสนิทสามเม็ดดังเดิม

 

 

ลำแสงสีเทาม้วนกลับมา ยาลูกกลอนสามเม็ดปรากฏขึ้นในมือของหานลี่อย่างว่าง่าย

 

 

เขายื่นนิ้วสองนิ้วออกไปคีบยาลูกกลอนขึ้นมาเม็ดหนึ่ง และพิจารณาอยู่เบื้องหน้าอย่างละเอียด

 

 

คาดไม่ถึงว่ายาลูกกลอนนี้จะแปลงกายบินออกมา ไม่ใช่ของธรรมดาเลยแม้แต่น้อย

 

 

หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม ในเวลาเดียวกันในหัวพลันย้อนนึกถึงยาลูกกลอนในตำนานชนิดต่างๆ ที่ตนเองรู้จัก ดูว่ามีชนิดไหนที่คล้ายคลึงกับยาลูกกลอนเบื้องหน้า

 

 

“ยาเพลิงทมิฬ”

 

 

จากรูปร่างที่สะดุดตาของยาลูกกลอนทั้งสามเม็ด หลังจากที่แววตาของหานลี่เปล่งประกายสองสามครั้ง ก็แยกแยะออก ทันใดนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าดีใจอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ในใต้หล้านี้มีเพียงหงส์ทมิฬจากเผ่าปีศาจ ที่จะสามารถใช้เพลิงประจำกายปรุงยาลูกเพลิงทมิฬขึ้นมาได้ มิเช่นนั้นต่อให้เป็นปรมาจารย์ด้านการปรุงยา ก็ไม่มีทางปรุงยาชนิดนี้ได้

 

 

การปรุงยาชนิดนี้จำเป็นต้องดูดซับสิ่งลึกลับบางอย่างในเพลิงประจำกายของหงส์ทมิฬ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นผ่าหงส์ทมิฬ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปรุงยาชนิดนี้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยปกติแล้วหลังจากที่หงส์ทมิฬผู้ฝึกตนระดับเทพแปลงขึ้นไปหลอมเพลิงประจำกายได้แล้ว ถึงจะปรุงยาลูกกลอนเพลิงทมิฬได้พันปีหนึ่งเม็ด

 

 

จากปีศาจผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงที่หายากของเผ่าหงส์ทมิฬ ก็เห็นได้ชัดว่ายาลูกกลอนเพลิงทมิฬนี้หายากขนาดไหน ส่วนสาเหตุที่ยาลูกกลอนชนิดนี้มีชื่อเสียงเกรียงไกรในเผ่ามนุษย์และปีศาจนั้น สาเหตุหลักๆ ก็คือยาชนิดนี้เป็นหนึ่งในยาที่ช่วยเสริมให้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงทะลวงจุดคอขวดขึ้นไประดับหลอมสุญตาที่ยอดเยี่ยมที่สุด

 

 

หากกินยาเพลิงทมิฬสามเม็ดเบื้องหน้าเข้าไป อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะทะลวงจุดคอขวดระดับหลอมสุญตาได้สองส่วน

 

 

จะไม่ทำให้หานลี่ดีใจอย่างบ้าคลั่งได้อย่างไร

 

 

ตรวจสอบยาลูกกลอนทั้งสามเม็ดอย่างระมัดระวังอีกครั้ง หลังจากมั่นใจว่าคือยาลูกกลอนเพลิงทมิฬอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว หานลี่ก็ฝืนระงับความตื่นเต้นเอาไว้ เก็บขวดยาสีเงินกลับไป ใช้ยันต์วิเศษกักเอาไว้อีกครั้ง แล้วเก็บลงไปอย่างระมัดระวัง

 

 

การทะลวงขึ้นไประดับหลอมสุญตา สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องผนึกพลังเบญจธาตุในร่าง จุดนี้หลังจากที่เขามีลำแสงเทวะดูดปราณแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร

 

 

ส่วนยาลูกกลอนเพลิงทมิฬสามเม็ดนั้น แค่หายาลูกกลอนและเคล็ดวิชาลับในการทะลวงระดับหลอมสุญตาเพิ่มอีกสักหน่อย คิดดูแล้วก็น่าจะมั่นใจในการทะลวงระดับหลอมสุญตาได้มากขึ้นแล้ว

 

 

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ ทำให้พลังยุทธ์ของตนเองเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นปลายถึงจะได้ อาศัยยาลูกกลอนจำนวนมาก การทะลวงจุดคอขวดของระดับเทพแปลงขั้นกลาง ก็น่าจะเกิดขึ้นได้ในเร็วๆ นี้

 

 

สิ่งที่ยุ่งยากก็คือ ยาลูกกลอนเดิมที่มีนั้นมีผลกับระดับเทพแปลงขั้นปลายน้อยมาก มีเพียงยาลูกกลอนระดับสูง ถึงจะสามารถเพิ่มพลังยุทธ์ได้ต่อ

 

 

แต่ยาลูกกลอนที่มีประโยชน์กับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงขั้นปลายนั้น แน่นอนว่ามีไม่มากนัก ชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือของเหลวคางคกเที่ยงแท้ และครั้งนี้ที่เขายอมเสี่ยงรับภารกิจมาเผ่าพฤกษา มาปรากฏตัวที่นี่ก็เกี่ยวข้องกับของเหลวชนิดนี้

 

 

ภายใต้การขบคิดของหานลี่ ชั่วขณะนั้นในหัวพลันมีแขนลึกลับที่มาหาถึงที่ตอนที่เพิ่งจะออกจากเมืองเทวะสวรรค์ไม่นานปรากฏขึ้น สองตาอดที่จะหรี่ลงเล็กๆ ไม่ได้

 

 

ถ้าหากราบรื่นดังที่คนเหล่านั้นพูด เขาก็จะได้ของเหลวคางคกเที่ยงแท้ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเจ้าสิ่งนั้นจะไม่อาจวางไข่ได้ และไม่อาจกินได้อย่างไร้ขีดจำกัดอย่างยาลูกกลอนชนิดอื่น แต่ก็เพียงพอที่จะประหยัดเวลาในการฝึกบำเพ็ญเพียรแล้ว

 

 

ครุ่นคิดถึงคำรับปากของคนเหล่านั้นอย่างละเอียดในใจ หลังจากที่หานลี่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ถึงได้พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่งแล้วโยนเรื่องนี้ทิ้งไป มือหนึ่งปัดไปที่กำไลเก็บของ หยิบของที่ได้มาในการเดินทางครั้งนี้ออกมา

 

 

ขนนกห้าสีสีสันแวววาวเส้นหนึ่ง

 

 

นั่นก็คือขนของหงส์สวรรค์ที่ได้มาจากพวกของเยี่ยอิ่ง

 

 

หานลี่ใช้มือหนึ่งปัดไปที่ขนนกเบาๆ ชั่วขณะนั้นลำแสงห้าสีพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แทบจะกลืนกินห้องทั้งห้องเอาไว้ข้างใน

 

 

หานลี่หน้าเปลี่ยนสี

 

 

คู่ควรกับขนประจำกายของหงส์สวรรค์ระดับจิตวิญญาณเที่ยงแท้จริงๆ แค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมา ก็เหนือกว่าขนวิหคมัจฉาที่ได้มาในแดนมนุษย์แล้ว

 

 

หานลี่จ้องขนนกในมือเขม็ง แววตาเปล่งประกายระยิบระยับ ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออก พ่นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งออกมา

 

 

หลังจากเสียงฟ้าร้องต่ำๆ ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าพลันผนึกรวมกันแล้วสร้างภาพลวงตาขึ้น กลายเป็นขนนกสีเขียวขาวขนาดสองสามชุ่นคู่หนึ่ง

 

 

หานลี่ใช้มือหนึ่งกวักเรียก ปีกวายุอสนีขนาดจิ๋วร่อนลงในมือของเขา

 

 

สายตากวาดออกไป เขาอดที่จะขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาไม่ได้

 

 

ปีกขนนกนี้มีรูเล็กๆ ปรากฏขึ้นคู่หนึ่ง ท่าทางเสียหายไปเล็กน้อย

 

 

นั่นก็คือตอนที่พฤกษาวิญญาณกลายเป็นมนุษย์ยักษ์ ใช้เล็บสองท่อนทะลุผ่าน จึงเหลือร่องรอยความเสียหายเอาไว้

 

 

ทันใดนั้นหานลี่พลันมีสีหน้าผ่อนคลายลงไม่ได้สนใจอีก

 

 

เขาตัดสินใจแล้วว่าจะหลอมปีกวายุอัสนีขึ้นใหม่ ความเสียหายแค่นี้ถึงครานั้นคงซ่อมแซมได้อย่างราบรื่น

 

 

จากที่ร่างแยกของอสูรศักดิ์สิทธิ์เทียนหลานกล่าว สาเหตุที่ปีกวายุอัสนีผสมขนนกวิหคมัจฉาเข้าไปแล้ว ยังไม่อาจกลายเป็นสมบัติวิญญาณได้ ก็เพราะว่าขนของวิหคมัจฉามีธาตุวายุผสมอยู่ จำต้องหาศิลาวิญญาณระดับสุดยอดธาตุวายุมาหนึ่งก้อนถึงจะกระตุ้นได้

 

 

นี่คือสาเหตุที่เขาสนใจศิลาวิญญาณระดับสุดยอดธาตุวายุมาตลอด

 

 

ตอนนี้เขาได้วัตถุดิบระดับจิตวิญญาณเที่ยงแท้อย่างขนนกของหงส์สวรรค์มา แน่นอนว่าจึงต้องเปลี่ยนแผนการอีกครั้ง

 

 

ต้องผสมขนนกเส้นนี้เข้าไปในปีกวายุอสนี

 

 

ขนนกของหงส์สวรรค์นั้นไม่เหมือนกับขนของวิหคมัจฉา กฎของฟ้าดินที่แฝงอยู่ในนั้นกลับเป็นพลังห้วงเวลาที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว หากนำพลังของขนชนิดนี้ไปหลอมในปีกวายุอสนีจริงๆ อานุภาพจะมากมายแค่ไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว

 

 

ครั้งต่อไปหาพบกับศัตรูที่น่ากลัวอย่างพฤกษาวิญญาณสีเงินอีก ก็ไม่จำเป็นต้องสู้อย่างสุดตัว ก็หนีออกมาได้แล้ว

 

 

หานลี่เล่นขนนกห้าสีในมือ พลางขบคิดในใจ

 

 

นี่โชคดีที่เขาเคยมีประสบการณ์การนำขนนกวิหคมัจฉาใส่เข้าไปในขนของวายุอันสี มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะลงมือหลอมขนหงส์นี้อีกครั้งอย่างไร

 

 

เมื่อตัดสินใจแล้ว หานลี่ก็หยิบศิลาวิญญาณระดับสุดยอดหกก้อนออกมาจากกำไลเก็บของ แต่ละก้อนมีธาตุแตกต่างกัน

 

 

ทั้งห้าก้อนสอดคล้องกันธาตุทั้งห้าพอดี ก้อนสุดท้ายคือศิลาวิญญาณสีขาวธาตุวายุ

 

 

จากความสามารถของหานลี่ในครานี้ จึงไม่จำเป็นของหาของธาตุเพลิงธรณีอะไรอีก

 

 

อ้าปากออก พ่นลูกบอลเพลิงสีเงินกลุ่มหนึ่งออกมา หลังจากผนึกรวมกัน ก็กลายเป็นเตาเพลิงขนาดยักษ์ที่มีเปลวเพลิงสีเงินคุกรุ่น

 

 

หานลี่โยนปีกวายุอัสนีเข้าไปในเตาเพลิง แล้วชี้ไปที่ศิลาวิญญาณธาตุวายุก้อนนั้น

 

 

หลังจากเสียง “สวบๆ” ดังขึ้น มันก็จมหายวับเข้าไปในเตาเพลิงตามลำดับ

 

 

หานลี่ปัดแขนเสื้อไปบนพื้น ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวก็เปล่งแสงสว่างวาบ บนพื้นมีวัตถุดิบและขวดต่างๆ ปรากฏขึ้นกองใหญ่

 

 

นั่นก็คือวัตถุดิบเสริมที่จำเป็นต้องใช้หลอมปีกวายุอัสนีอีกครั้ง

 

 

โชคดีที่เขานึกถึงการหลอมปีกคู่นี้อีกครั้ง จึงเก็บวัตถุดิบที่จำเป็นทั้งหมดเอาไว้ก่อนแล้ว

 

 

หานลี่โยนขวดวารีสีเงินที่ดูเหมือนของเหลวเข้าไปในเตาเพลิง ปากพลันบริกรรมคาถา นิ้วทั้งสิบร่ายอาคมใส่เตาอย่างต่อเนื่อง…

 

 

หลังจากผ่านไปสิบวันสิบคืน ในห้องลับก็มีเสียงหัวเราะยกใหญ่ของหานลี่ดังขึ้น

 

 

เห็นเพียงเข้ายืนอยู่ตรงใจกลางของห้องลับ ในมือถือปีกสีสันแวววาวเอาไว้คู่หนึ่ง ใบหน้าตื่นเต้นยินดี

 

 

ปีกคู่นี้มีลำแสงสีเขียวเรืองรอง ลำแสงห้าสีถูกห่อหุ้มเอาไว้ข้างใน แต่ล้วนดูโปร่งใส่ดุจผลึกวารี กะพริบวาบๆ ในมือของหานลี่ราวกับจะหายไปได้ตลอดเวลา

 

 

เมื่อครู่หานลี่ได้ลองทดสอบอานุภาพของปีกวายุอัสนีที่พัฒนาเป็นสมบัติวิญญาณแล้ว ความมหัศจรรย์ของมัน เหนือกว่าที่เขาคิดเอาไว้

 

 

มิน่าล่ะไม่ว่าขนของวิหคมัจฉาหรือว่าขนของหงส์สวรรค์ ขอแค่หลังจากหลอมเสร็จแล้วกระตุ้นอานุภาพของมันได้ การหลอมสมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าก็ไม่ใช่ปัญหา

 

 

ครานี้เมื่อหลอมของสองสิ่งเข้าไปในสมบัติชิ้นเดียวกันแล้ว แน่นอนว่าอานุภาพของมันก็ทำให้หานลี่พึงพอใจเป็นอย่างมาก