ตอนที่244 ใครส่งเสริม ใครต่อต้าน

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่244 ใครส่งเสริม ใครต่อต้าน

ณ ห้องประชุม จางต้าเฉิงกำลังกล่าวสุนทรพจน์ประดุจผู้นำทางสู่แสงสว่างในอนาคต โดยกล่อมให้เหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหลายจินตนาการถึงความสำเร็จหลังจากนี้

“ภายในสามปี ผมขอสัญญาเลยว่า มูลค่าการซื้อขายของบริษัทจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ภายในห้าปี กำไรสุทธิ์ประจำปีของบริษัทจะไม่น้อยกว่าร้อยล้านหยวน ภายในสิบปี เราจะขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ ขอเพียงพวกคุณเชื่อใจผมและสนับสนุนผมต่อไป ทุกคนจะมีเงินใช้….”

แต่ยังไม่ทันที่จางต้าเฉินจะพูดจบ เสียงประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก ปรากฏว่าเป็นเฉิงต้าซีที่เดินเข้ามา

ทุกคนรีบหันควับ เห็นว่าเฉิงต้าซียังมีหน้ากลับมาที่นี่ แต่ละคนตะโกนกรนด่าสาปแช่งทันที

“ไอ้ขยะ กล้าดียังไงถึงกลับมา!”

“เปลี่ยนใจแล้วรึไง? พร้อมคุกเข่าขอขมาคุณจางแล้วเหรอ?”

“ฮ่าฮ่า…เพิ่งมารู้สึกกลัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว! เมื่อกี้แกอวดเก่งดีหนิ ตั้งแต่คิดริเริ่มคลานกลับมาแบบนี้แกก็เป็นหมาแล้ว!”

……..

จางต้าเฉินยิ้มเยาะกล่าวว่า

“เฉิงต้าซี มีอะไรรึเปล่า?”

เฉินต้าซีเดินยืดอกเข้ามาด้วยความมั่นใจ ตะโกนลั่นขึ้นว่า

“ยินดีต้อนรับคุณจ้าวและคุณหนูเหริน!”

ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือ จ้าวเฉียนคือใคร?

ทันใดนั้นจ้าวเฉียนและเหรินจานซวนก็เดินตรงเข้ามาหาจางต้าเฉิน ทั้งสามได้เผชิญหน้ากัน

เฉิงต้าซีก้าวขึ้นหน้าออกไปกล่าวกับจางต้าเฉินโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัว

“ทำไมยังนั่งโง่อยู่อีก? คุณหนูเหรินกับคุณจ้าวยืนอยู่ตรงหน้า ยังไม่ลุกขึ้นเคารพอีกงั้นเหรอ!”

ในเวลานั้นเอง บรรดากลุ่มคนในห้องประชุมก็โห่ร้องขึ้นว่า

“เฉิงต้าซี นี่แกกำลังทำบ้าอะไรอยู่? คุณจ้าวอะไรของแก? หมอนี่คือใคร?”

“นี่ยังอยู่ในระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้น ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา!”

“ออกไปซะ! คุณจ้าวบ้าบออะไร! ที่นี่แห่งนี้คุณจางใหญ่ที่สุด คุณเหรินตอนนี้ไม่มีสิทธิ์อะไรอีกแล้ว!”

……..

จางต้าเฉินยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ แสร้งปั้นหน้าดูสับสน เอ่ยถามอย่างไร้เดียงสาขึ้นว่า

“พ่อหนุ่ม ฉันว่าฉันไม่เคยเห็นนายมาก่อนนะ? นายเป็นใคร?”

จ้าวเฉียนหัวเราะคำหนึ่ง เดินเข้าไปถีบจางต้าเฉินอย่างแรงจนร่วงจากเก้าอี้ประธานโดยตรง

“แกทำบ้าอะไรของแก!!?”

“ให้ตายเถอะ! ไอ้สวะนั้นพาไอ้เด็กเหลือขอจากที่ไหนมาก็ไม่รู้! รนหายที่ตายแล้วเจ้าหนู! กล้าทำตัวหยาบคายกับคุณจางงั้นเหรอ!”

การที่จ้าวเฉียนสามารถพาเหรินจานซวนมาที่นี่ได้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่า ศัตรูในครั้งนี้ของจางต้าเฉินค่อนข้างแข็งแกร่งไม่น้อย

แถมยังกล้าทำตัวหยาบคายขนาดนี้กับเขาได้ แสดงว่าภูมิหลังต้องไม่ธรรมดา

“พ่อหนุ่ม หยุดทำกิริยาต่ำทรามแบบนี้ซะ แล้วที่สำคัญ นายไม่ใช่ผู้ถือหุ้นของบริษัทเรา ถ้ายังไม่ออกไปฉันจะเรียกรปภ.ให้ลากตัวออกไปเดี๋ยวนี้!”

จางต้าเฉินกล่าวขู่

จ้าวเฉียนหยิบเอกสารสัญญาการโอนกรรมสิทธิ์หุ้นขึ้นมา และป่าวประกาศเสียงดังว่า

“คุณเหรินได้โอนหุ้นทั้งหมดในมือเธอให้แก่ผมเป็นที่เรียบร้อย นี่เป็นสัญญาการโอน ถ้าไม่เชื่อก็นำไปตรวจสอบได้เลย ต่อจากนี้เป็นต้นไป ผมคือเจ้าของบริษัทเซียนเหว่ยแห่งนี้!”

ทุกคนทั่วห้องประชุมตื่นตกใจอย่างมาก รีบเร่งเข้ามทาตรวจสอบเอกสารสัญญาดังกล่าว ซึ่งมีทั้งลายเซ็นและลายนิ้วประทับของทั้งจ้าวเฉียนและเหรินจานซวน สิ่งเหล่านี้มันไม่สามารถปลอมแปลงได้

จางต้าเฉินที่เห็นแบบนั้นก็โกรธอย่างมาก เขาสบถด่าขึ้นลั่น

“นังตัวดี! ทีฉันขอซื้อหุ้นต่อกลับเล่นตัวไม่ยอม! ทีตอนนี้กลับโอนหุ้นให้หมอนี่หน้าตาเฉย! ทำไม? เห็นเขาหล่อรึไงเลยใจอ่อน!!”

เหรินจานซวนที่มีจ้าวเฉียนคอยหนุนหลัง ยามนี้เธอไม่เกรงกลัวจางต้าเฉินแม้แต่น้อย เธอเดินออกไปตบหน้าอีกฝ่ายดังฉัใหญ่ หลังจากเธอเธอทนโดนอีกฝ่ายกดขี่อยู่นาน ในที่สุดก็ได้ระบายออกมาเสียที

การตบในครั้งนี้มันไม่ได้แค่กระทบจางต้าเฉินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบรรดาผู้สนับสนุนของเขาอีกด้วย อย่างน้อยที่สุดก็รู้สึกสำเหนียกใจเล็กน้อย

 เหรินจางซวนเหนื่อยกับชีวิตเธอแล้วรึไง? ถึงกล้าตบหน้าคุณจางทั้งแบบนั้น?

จางต้าเฉินเองก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นเตรียมจะตบเหรินจางซวนกลับ

แต่จ้าวเฉียนก็หูไวตาไวไม่ใช่น้อย ยกบาทาขึ้นมาทีมยอดอกของจางต้าเฉินจนล้มลงกับพื้น พร้อมกล่าวเย้ยเยาะขึ้นว่า

“คุณจางงั้นเหรอ? เปลี่ยนเป็นคุณนายจางดีกว่าไหม? เป็นผู้ชายแท้ๆแต่กล้าลงมือลงไม้กับผู้หญิง ไปใส่กระโปรงซะไป!”

สถานการณ์ ณ ปัจจุบันยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ บรรดาผู้สนับสนุนของฝ่ายจางต้าเฉินยามนี้ไม่กล้าแม้แต่ปริปาก หากเจ้าหนุ่มคนนี้มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการขึ้นมา มีหวังพวกเขาตายหยังเขียดแน่นอน

แต่จางต้าเฉินยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้เพียงเท่านี้ เขาตะโกนสวนตอบขึ้นทันที

“โอนหุ้นแล้วยังไงล่ะ? ขอเพียงพวกเราทุกคนลงมัติให้แกไม่มีสิทธิ์ในการบริหารจัดการ ทุนในมือแกก็แค่เสือกระดาษ ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอรับเงินปันผล!”

เหรินจานซวนยืนนิ่งไม่ตอบโต้ใดๆ เรื่องการชิงไหวชิงพริบด้านธุรกิจแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กสาวเพิ่งจบใหม่จะสามารถรับมือได้ นอกจากนี้เอง เธอก็ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกต่อไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องออกหน้ามาจัดการกับจางต้าเฉินด้วยตัวเอง

ตอนนี้ เธอฝากฝังหน้าที่ทั้งหมดให้จ้าวเฉียนออกไปสู้แทนตัวเธอแล้ว

จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับระเบิดหัวเราะลั่น และตอบไปว่า

“สมองคิดได้แค่นี้เหรอครับ? วางแผนร่วมมือเพื่อกีดกันสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทำไมปากเก่งกันจังครับ? ไม่เคยเรียนกฎหมายธุรกิจกันรึไง? ถึงพูดอะไรโง่ๆออกมาแบบนี้ได้? ลองลงมัติดูสิครับ ผมจะได้นำเรื่องนี้ขึ้นศาลแล้วถอดถอนสิทธิ์ผู้ถือหุ้นของคุณทั้งหมด แถมผมยังสามารถเรียกค่าชดเชยได้อีกมากโข อุ๊บ! ผมไม่น่าพูดเลยแหะ งั้น…ทุกคนก็รีบลงมัติกันเลยสิครับ เร็วเข้าสิครับ! ผมรอฟ้องอยู่! ฮ่าฮ่าๆๆ…ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทนวัตกรรม แต่ทำไมปล่อยให้ควายมาบริหารได้ล่ะเนี่ย?”

ทุกคนโดนจ้าวเฉียนสวดไปชุดใหญ่ถึงกับพูดไม่ออก และพวกเขาเองก็ทราบดีอยู่ในใจว่าจ้าวเฉียนมีสิทธิ์ฟ้องร้องได้จริงๆ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่

สัดส่วนหุ้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนคน และเหรินจานซวนมีหุ้นอยู่ในมือทั้งหมด50.5% เท่ากับว่าตอนนี้จ้าวเฉียนได้ส่วนของเธอมาครอบครองทั้งหมด ต่อให้ทุกคนในที่นี่รวมหุ้นในมือกันก็มีไม่พอที่จะไปสู้เขาได้เลย ดังนั้นถ้าเรื่องนี้ถึงโรงถึงศาล จ้าวเฉียนจะชนะอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่จางต้าเฉินยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้อยู่ดี และขอให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันต่อจ้าวเฉียน ไม่ให้เข้ามาบริษัทในบริษัท

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มเล็กน้อยและกล่าวขึ้นว่า

“เอาล่ะหยุดพล่ามกันได้แล้ว น่ารำคาญ งั้นต่อจากนี้ผมจะทำการสรุปการประชุมในวันนี้นะครับ จางต้าเฉินพ้นสภาพจากตำแหน่งรองประธานบริษัท ส่วนทุกคนในห้องประชุมแห่งนี้ไม่อนุญาตให้ออกเสียงใดๆอีกต่อไป เป็นอันจบการประชุมมีใครคัดค้านไหมครับ?”

ทันทีสิ้นเสียง เฉินต้าซีและเหรินจานซวนก็ตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงว่า ไม่มีข้อคัดค้าน ทว่าจางต้าเฉินและคนอื่นๆกลับยกมือขึ้นคัดค้านโดยตรง ส่วนพวกที่ให้การสนับสนุนตระกูลเหรินก่อนหน้า ยามนี้เริ่มที่จะลังเล

จ้าวเฉียนหัวเราะและตอบไปว่า

“นี่พวกคุณยังกล้ายกมือกันอีกเหรอ? สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่เป็นคำสั่งไม่ใช่คำถาม เฉิงต้าซี สั่งหุ้กคนหยุดทำงานและไปรวมตัวที่จัตุรัสเพื่อเตรียมป่าวประกาศเรื่องการเปลี่ยนแปลงในวันนี้”

เฉิงต้าซีตอบรับคำสั่งกลับทันทีด้วยความเคารพว่า

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบดำเนินการเดี๋ยวนี้ คุณจ้าวโปรดรอสักครู่”

ทันที่ที่พูดจบ เฉิงต้าซีก็รีบวิ่งออกไปแจ้งตามแผนกต่างๆในบริษัท สั่งให้ทุกคนวางงานบนมือลงไปก่อนและรวมตัวที่จัตุรัสโดยเร็วที่สุด

ยี่สิบนาทีต่อมา ทุกคนได้มารวมตัวที่จัตุรัสหน้าบริษัทอย่างพร้อมหน้า ตั้งแต่พนักงานทำความสะอาดยันผู้จัดการของแต่ละแผนกครบ

เฉิงต้าซนวิ่งกลับเข้ามาในห้องประชุมและกล่าวรายงานกับจ้าวเฉียนเสียงดังฟังชัด

“เรียนคุณจ้าว พนักงานทุกคนได้มารวมตัวกลางจัตุรัสพร้อมแล้วครับ!”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและยิ้มตอบกลับไปว่า

“ไปกันเถอะ ออกไปให้ทุกคนเห็นหน้ากันหน่อย ฮ่าฮ่าฮ่า…”

พอพูดจบ จ้าวเฉียนก็พาเฉิงต้าซีและเหรินจานซวนเดินออกไป

“คุณจาง เราควรทำยังไงกันต่อไปดี? จพยอมแพ้ทั้งแบบนี้เหรอครับ?”

“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ? ทุนในมือของอีกฝ่ายมีมากกว่าพวกเรารวมกันซะอีก? เราไม่สามารถอะไรมันได้!”

“ถ้ายอมแพ้ทั้งแบบนี้ ทุกอย่างที่เราพยายามกันมาจะต้องสูญเปล่านะครับ คุณจางจะปล่อยให้คนพวกนั้นทำลายบริษัทของเราต่อไปงั้นเหรอครับ?”

“ใช่ครับ! นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะครับ ขอให้คุณจางลองคิดดูอีกที!”

“คุณจางอย่าได้ลังเลไปเลยครับ พวกผมจะคอยสนับสนุนเอง!”

“ใช่แล้วครับ! อย่ายอมแพ้กับเรื่องแค่นี้…”

ทุกคนพยายามเกลี้ยกล่อมจางต้าเฉิยนให้ลุกขึ้นสู้อีกครัง จนท้ายที่สุดเขาก็ทนต่อแรนงกระตุ้นไม่ไหวและพยักหน้าเห็นด้วยทันที

“เข้าใจแล้ว! ไปบอกให้ทุกคนรู้กันว่า ใครกันแห่งที่เป็นเจ้าของเซียนเหว่ยตัวจริง!”

จางต้าเฉินกล่าวเรียกกำลังใจอย่างเดือดดุ และพาทุกคนออกไปทันที