แอสรันได้กลายเป็นพระเจ้าเสียเองเพื่อเอาชนะพระเจ้าบรรพกาลที่บรรจุอยู่ในกระดานชนวน จากนั้นก็หายตัวไป แม้จะบอกว่าไม่ได้สูญสิ้นไปอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังเป็นข้อสงสัยว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถพบเขาได้อีกครั้งจริงหรือไม่ กลุ่มตัวตนที่ครอบครองความแข็งแกร่งที่มนุษย์ไม่กล้าจะจินตนาการ

สำหรับตัวตนที่เกือบจะเป็นอมตะ สิ่งที่เรียกว่าตอนนี้เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ไร้ความหมาย และโลกใบนี้ที่พวกเขายืนอยู่อาจจะมีขนาดเป็นเพียงก้อนหินเล็กๆ ที่อยู่บนพื้นดินกว้างใหญ่อันไร้จุดสิ้นสุดก็ได้

ในโลกที่กว้างใหญ่นั้น สุดท้ายแล้วจะมีปาฏิหาริย์ให้เราได้พบกันอีกครั้งหรือไม่

ตลอดระยะเวลาที่พักอยู่ในพระราชวัง ลีน่าได้พิจารณาดูปรากฏการณ์ประหลาดที่ถูกรายงานมาจากทั่วทวีป นางพอจะรู้อยู่บ้างเพราะจดจำบันทึกของวิหารหลวงได้ ปรากฏการณ์เหล่านั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นในชั่วขณะที่โลกอื่นกับโลกทางฝั่งนี้ซ้อนทับกัน

โลกชนกันขณะเดียวที่เขตแดนก็เริ่มเลือนราง ส่วนใหญ่ปีศาจจะข้ามมาผ่านเส้นทางเหล่านั้น ทว่าสิ่งที่ปรากฏตัวที่นั่นไม่ได้มีแค่ปีศาจ

เหล่าทวยเทพสั่นคลอนและเตร็ดเตร่พเนจรอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางความโกลาหล บ่อยครั้งที่ตัวตนเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้นที่รอยร้าวของโลกที่อ่อนแอ กระดานชนวนที่แอสรันมีไว้ในครอบครองก็เป็นพระเจ้าที่ลงมายังโลกนี้จากวิธีเช่นนั้นเหมือนกัน

พอได้อ่านบันทึก ลีน่าก็เอ่ยว่าอยากออกไปท่องเที่ยว ได้ยินดังนั้น ราธบันกับเลออนก็ช่วยนางเตรียมตัวเพื่อออกเดินทางโดยไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น แม้จะรู้ว่านางเคยบอกว่าอยากไปท่องโลกด้วยตัวเองมาก่อน แต่เห็นได้ชัดว่านางมีเหตุผลที่สำคัญกว่าเหตุผลเรียบง่ายนั้น

เวลาผ่านไปหลายปีเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ผลกำไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทว่าราธบันและเลออนรู้ดีว่านางยังไม่ยอมแพ้

“ท่านแม่ มาเล่นกับข้านะ”

พอทั้งสองคนเงียบลง เลโอน่าก็ออกมาจากอ้อมกอดของเลออน วิ่งเข้าไปหาลีน่า แล้วเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของนาง ลีน่าวางกระดาษที่อยู่ในมือ จากนั้นอุ้มเลโอน่าขึ้นมา

เด็กน้อยที่แสนน่ารัก นางเป็นเด็กที่เกิดจากตนและแอสรัน แม้แอสรันจะลบอัตลักษณ์ของปีศาจออกไปทั้งหมดแล้ว แต่บางครั้งนิสัยติดตัวที่มีมาตั้งแต่เกิดก็ยังเผยออกมา ลีน่ากอดเลโอน่าแล้วเดินไปที่ระเบียง ดวงตาสีฟ้าของเลโอน่าที่ประกายวิบวับใต้แสงแดดเจิดจ้าพลันมีประกายแสงสีแดงแวบผ่านไปชั่วขณะ

“…”

ลีน่าคิดพลางลูบหัวของเลโอน่าที่เอาแต่หอมแก้มตน

‘โชคดีที่เป็นองค์หญิง’

ไม่เช่นนั้นจักรวรรดิคงต้องพบกับจุดจบด้วยมือของเลโอน่าเป็นแน่ เพราะฉะนั้นไม่สู้เอาทุกอย่างไว้ในมือของเลโอน่าแต่แรกดีกว่า ลีน่าหมุนตัวกลับขณะยังกอดเลโอน่าอยู่ พบว่าเลออนยื่นแขนออกมาพลางขอให้จุ๊บจุ๊บพ่อด้วย ส่วนราธบันก็กำลังมองเขาอย่างรับไม่ได้ ตอนที่ลีน่ากำลังหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นภาพนั้น จู่ๆ เลโอน่าก็ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของนาง

“…”

จากนั้นเลโอน่าก็จ้องมองไปไกลๆ ใบหน้าของเด็กน้อยที่เคยมีแต่รอยยิ้มสดใสกลับแข็งกระด้าง สีหน้าสับสนวุ่นวายจนไม่สมกับความเป็นเด็ก หวาดกลัวและตึงเครียด ยินดีและโกรธเคือง ลีน่าเอ่ยถามขณะอ่านอารมณ์มากมายที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กน้อย

“เลโอน่า? เป็นอะไรไป”

ทันใดนั้น เลโอน่าก็ยกมือขึ้นแล้วชี้ตรงที่ไกลออกไป

“นั่น….”

ทั้งสามคนมองไปยังจุดที่เลโอน่าชี้ พวกเขาเห็นเทือกเขาสูงอยู่ไกลออกไปตรงนั้น เลโอน่าพึมพำโดยที่ไม่อาจละสายตาออกไปจากที่นั่น

“กลับมาแล้ว”

หลายวันต่อมา มีคนขี่ม้ากลับมาพระราชวังอาร์เดนเบลอย่างเร่งรีบ ในมือของเขาถือจดหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกลางเทือกเขาลึกตั้งแต่หลายวันก่อน

***

เช้าวันนี้มีผู้ส่งข่าวขี่ม้ามาจากชายแดน จดหมายที่เขานำมาผ่านการตรวจสอบอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็ถูกส่งมาให้เลออนทันที

“ถ้าไม่ใช่เรื่องกบฏจะดีมาก”

หลังจากลีน่ากลับมา แม้กลุ่มคนที่พยายามกุเรื่องเกี่ยวกับนักบุญหญิงจะเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง แต่เลออนรู้ดีว่านั่นก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น แม้เขาจะสาบานว่าจะจัดการพวกมันให้สิ้นซากระหว่างที่พักอยู่ในอาร์เดนเบล แต่ก็ไม่อยากทำขณะที่ลีน่าอยู่ เลออนเปิดซองโดยสัญญาว่าหากพวกมันก่อเรื่องขึ้นล่ะก็ เขาจะตัดแขนและขาทั้งสองข้างโยนให้หมูกิน หลังจากอ่านจดหมาย ใบหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เกิดกบฏยังดีเสียกว่า…”

หลังจากเสยผมอย่างรุนแรง เขาก็พิจารณาเนื้อหาในจดหมายอีกครั้ง

…ผลลัพธ์ที่ได้จากการเข้าไปตรวจสอบถ้ำแนวตั้งในเทือกเขาเพราะได้รับการรายงานจากชาวบ้าน พบว่าคำพูดของชาวบ้านเป็นความจริง ส่วนที่ลึกที่สุดสะท้อนภาพทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นเคยและน่าพิศวงที่ไม่ใช่ของโลกนี้ราวกับเชื่อมต่อกับอีกที่หนึ่ง

ดูจากการที่บางครั้งก็สะท้อนภาพภายในทวีปให้เห็นเช่นกัน นี่น่าจะเป็นปรากฏการณ์การล่มสลายของมิติที่เกิดจากการเกิด ‘การซ้อนทับ’ และสิ่งที่ปรากฏซ้ำไปซ้ำมาจากภาพที่สะท้อนออกมาคือปีศาจที่มีรูปร่างเป็นสิงโตขนาดใหญ่และมีขนสีแดง

จากการไปตรวจสอบร่วมกับคนที่เคยเห็นการล่มสลายของวิหารหลวงในอดีต ได้รับการยืนยันว่าเป็นปีศาจในเวลานั้นจริง ตอนนี้ได้สั่งห้ามการเดินทางเข้าออกของผู้คนรอบข้าง…

“แอสรัน…”

เลออนหลุดพึมพำชื่อนั้นออกไปอย่างไม่รู้ตัว ปีศาจผู้แข็งแกร่ง ครึ่งเทพ และยังเป็นคนที่จากไปหลังจากทิ้งหนี้ทางใจไว้ให้ลีน่าจนทำให้นางยังยึดติด

“แอสรันอย่างนั้นหรือ”

“…!”

เลออนหันศีรษะไปด้วยความตกใจเพราะเสียงของราธบันที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราธบันเข้ามายืนใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เลออนพลันขนลุกเมื่อเห็นดังนั้น ตัวเขาเองก็นับเป็นอัศวินที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร

อย่างน้อยเขาก็มีทักษะเพียงพอที่จะเป็นผู้บัญชาการหน่วยอัศวินแห่งจักรวรรดิ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับการจับความรู้สึกรอบตัว แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกตัวเลยว่าราธบันอยู่ด้านข้างจนกระทั่งอีกฝ่ายเปิดปากพูด

‘แข็งแกร่งขึ้นหรือ’

นี่เป็นเรื่องที่ดีแต่เขากลับหงุดหงิด แม้จะไม่ใช่อัศวินแห่งวิหารอีกแล้วแต่ราธบันก็ยังต่อสู้กับปีศาจอยู่เสมอ ในเวลาเดียวกับที่ต้องปกป้องลีน่าเขาก็ต้องช่วยชีวิตผู้คนจากปีศาจที่ปรากฏตัวขึ้นบ่อยกว่าในอดีตด้วย ประสบการณ์เหล่านั้นได้ทำให้อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปกลายเป็นตัวประหลาด

‘ไม่ใช่ราธบันเองก็กลายเป็นครึ่งเทพไปด้วยแล้วหรอกนะ?’

เมื่อคิดได้ดังนั้น ใบหน้าของเลออนพลันบิดเบี้ยว จะคนไหนคนไหนก็เป็นตัวประหลาด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเป็นองค์จักรพรรดิจะสู้ใครไม่ได้ แต่ฝ่ายตรงข้ามเลวเกินไป

เลออนโยนจดหมายที่อยู่ในมือให้ราธบันอย่างหงุดหงิด เป็นอย่างที่คิด พออ่านจดหมายไปเรื่อยๆ ราธบันเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกับเลออน

“ดูเหมือนจะปรากฏตัวออกมาแล้วจริงๆ”

“…”

เลออนเอ่ยถามราธบันอย่างหมันไส้

“จดหมายนั่น ถ้าจุดไฟเผาก็น่าจะไม่เหลือซาก…คิดว่าไง?”

ได้ยินคำถามของเลออน ราธบันก็ไม่ได้ตอบอะไรและทำเพียงมองจดหมาย หากเผามันไปเลยล่ะก็…ลีน่าก็จะไม่รู้ความจริงที่ว่าแอสรันปรากฏตัวขึ้น นี่คือ ‘การซ้อนทับ’ เป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้ตัวตนที่คิดว่าจะไม่ได้พบกันแล้วในชาตินี้กลับปรากฏตัวขึ้นมา และเขาก็ไม่คิดว่าจะมีโชคดีที่จะได้พบการซ้อนทับอีกเป็นครั้งที่สอง

…แอสรันกลับมาแล้วอย่างไร

ราธบันเงยหน้าขึ้นมองเลออน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายก็คงตัดสินใจเหมือนกับตนแต่กลับมาพูดหยั่งเชิงใส่ นี่เป็นการล้อเล่นที่ไม่สนุกสักนิด ราธบันหมุนตัวกลับ ต้องรีบเอาสิ่งนี้ไปให้ลีน่าดู ราธบันเปิดประตูและเอ่ยถามเลออนโดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง

“ไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะแอสรันขนาดนั้นเลย”

เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความขบขับต่างจากตัวเขาปกติ ด้วยเหตุนั้น กว่าเลออนจะเข้าใจว่าราธบันหัวเราะเยาะตนเองก็เป็นหลังจากร่างของเขาหายไปแล้ว

“ใครบอกว่าไม่มีความมั่นใจวะ!”

เลออนตะโกนเสียงดัง แต่ก็เป็นหลังจากที่ราธบันห่างออกไปไกลแล้ว

***

“ไม่เอา ไม่ให้ไป!”

เลโอน่าจับเสื้อของลีน่าแล้วตะโกน น้ำตาเริ่มคลอที่ดวงตาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

“ไม่ไป ท่านแม่ไม่ปายยยย!”

แม้จะดึงเสื้อ แต่ลีน่าก็ยังไม่นั่งลงบนเก้าอี้ ตอนนี้เลโอน่าเลยจับเสื้อของลีน่าและเกาะขึ้นไปแล้ว ริบบิ้นที่ผูกให้ตอนเช้าหลุดออกหมดเพราะเลโอน่าสะบัดหัวอย่างแรงและร้องไห้ เสื้อผ้าสวยๆ ที่ตั้งใจเอามาให้ลีน่าดูกลิ้งไปกับพื้นจนยับยู่ยี่ ลีน่าเห็นรองเท้าของเลโอน่าที่ลอยไปตกตรงมุมห้องแล้วก็ไม่รู้ต้องปลอบเลโอน่าอย่างไร

“เลโอน่า ไม่ร้อง ฮึ้บ”

“ไม่เอา! ไม่เอา! ฮือๆๆๆ!”

พอบอกไม่ให้ร้อง เลโอน่าก็อ้าปาก ส่งเสียงฟึดฟัดแล้วระเบิดเสียงร้องไห้ดังกว่าเดิม ลีน่าปวดใจเมื่อเห็นลูกร้องไห้อย่างหนักราวกับจะหมดลมหายใจไปเดี๋ยวนั้น เมื่อคืนระหว่างที่นอนกับเลโอน่า นางรู้ดีว่าเลโอน่ารอคอยนางมากเพียงใด

เด็กน้อยที่กลับมาหลังจากไปจับปีศาจกับราธบันนอนหลับไปครึ่งวัน และทันทีที่ลืมตาขึ้นก็อ้อนวอนนางกำนัลออกไปที่ใดสักแห่ง ตอนที่เลโอน่ากลับมาหลังจากนั้นสักพัก ลีน่าถึงได้รู้ว่าลูกไปที่ไหนมา

เส้นผมที่เปื้อนเหงื่อและฝุ่นที่ไม่รู้ว่าตั้งใจสระไปมากเท่าไร ถูกถักอย่างสวยงามและตกแต่งด้วยริบบิ้นหลากสี นางสวมเสื้อผ้าน่ารักที่ทำให้ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติทันทีที่เห็นและถือตุ๊กตาออกมา พอลีน่ายิ้มและกางแขนออก เลโอน่าก็วิ่งหัวเราะก๊ากเข้ามาหาทันที ร่างกายของลูกในอ้อมกอดทั้งอุ่นและเต็มไปด้วยกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กน้อยที่ชวนให้อารมณ์ดี

พอลีน่าเอ่ยชมว่าน่ารักจนปากแห้ง เลโอน่าก็จับมือลีน่าลากไปที่ห้องๆ หนึ่ง ทันทีที่เข้าไปด้านในนั้น ลีน่าก็ไม่อาจหุบปากได้เลย

สิ่งที่เข้ามาในสายตาเป็นอันดับแรกคือเสื้อผ้าที่กองเป็นภูเขา

“ข้าเอาเสื้อผ้าสวยๆ มาหมดเลย!”

แค่การเลือกมาเฉพาะเสื้อสวยๆ ก็มีจำนวนมากพอจะนำไปยัดจนเต็มห้องขนาดใหญ่สี่ห้อง ถ้าถึงกับนำเสื้อผ้าที่ไม่ชอบมาด้วยคงได้กลายเป็นคฤหาสน์ที่ไม่เลวหลังหนึ่งไปแล้ว ต่อจากเสื้อผ้าคือรองเท้า ต่อจากรองเท้าคือตุ๊กตา ขณะที่กำลังวิงเวียนเพราะเห็นของเกินกว่าร้อยชิ้นในคราวเดียว เลโอน่าก็จับมือลีน่าลากไปอีกครั้ง

“ท่านแม่ ต้องหลับตานะคะ”

“ทำไมล่ะ”

“เร็ว!”

ลีน่าหลับตาเพราะเลโอน่าเร่งเร้า คราวนี้อะไรอีกล่ะถึงกับต้องให้หลับตาเลย ลีน่าหลับตาพร้อมกับที่กังวลว่าคราวนี้คงไม่ได้ให้ดูของมากกว่าพันชิ้นใช่หรือไม่ เสียงเปิดประตูดังขึ้น มือเล็กๆ อุ่นๆ ของเลโอน่าจับมือนางและดึงไป สัมผัสนั้นชวนให้อารมณ์ดี ลีน่าหัวเราะและเดินตามเลโอน่าเข้าไป

“ตอนนี้ลืมตาได้แล้วล่ะค่ะ!”

ได้ยินดังนั้น ลีน่าก็ลืมตา และชั่วขณะที่เห็นของตรงหน้าก็ไม่อาจหุบปากได้

“เลโอน่า…”

พอหันศีรษะกลับไปมองเลโอน่าที่จับมือตนอยู่ เลโอน่าก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ข้าเอาของที่ท่านแม่ชอบมาหมดเลยค่ะ!”

ห้องที่เลโอน่าลากลีน่ามาเต็มไปด้วยสิ่งของหลายร้อยชนิด สร้อยคอฝังอัญมณีเม็ดใหญ่ ภาพวาดของป่าไม้และทะเลสาบ ดอกไม้หายากที่ในห้าสิบปีจะบานหนึ่งครั้ง เปลือกหอยเปลี่ยนสี…

ทุกอย่างที่นางเคยพูดอย่างผ่านๆ ว่า ‘แม่ว่าอันนี้สวย’ ขณะที่พูดคุยกับเลโอน่าอยู่ในห้องนี้ทั้งหมด เลโอน่าจดจำคำพูดทุกคำที่นางเคยพูด และเมื่อใดที่พบของที่คล้ายคลึงกันก็รวบรวมมาทั้งหมด เพราะอยากจะมอบให้เป็นของขวัญในตอนที่แม่กลับมา

เมื่อลีน่ารู้สึกคอตีบตันและดึงเลโอน่าเข้ามากอด เลโอน่าก็เอ่ยถามอย่างทำตัวไม่ถูก

“ท่านแม่ร้องไห้หรือ?”

“…ไม่ได้ร้อง”

แม้จะพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ได้มากที่สุด แต่ก็หลอกเลโอน่าไม่ได้

“ท่านพ่อออออ! ท่านแม่ร้องไห้!”

ทันทีที่เลโอน่าตะโกนออกไปด้านนอก เสียงวิ่งตึกตักก็ดังขึ้นพร้อมกับที่เลออนปรากฏตัวขึ้น

“อะไร ทำไม เอ่อ…”

หลังจากเห็นห้อง เลออนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ราธบันที่ตามมาทีหลังก็เข้าใจทันทีที่เห็นของในห้อง

“เป็นของที่ลีน่าชอบหมดเลย”

ราธบันกล่าวเช่นนั้นพลางเดินเข้าไปใกล้ดอกไม้ เลโอน่ากระโดดลงจากอ้อมกอดของลีน่าแล้ววิ่งมาขวางหน้าราธบันทันที

“เซอร์ราธบันไปตรงนู้นเลย! ทั้งหมดเป็นของท่านแม่! ข้าให้ท่านแม่! ห้ามแตะต้องนะ!”

ทันใดนั้นเลออนถามขึ้นด้วยความมั่นใจ

“พ่อล่ะ?”

“ท่านพ่อก็ไม่ได้!”

ลีน่าเอ่ยถามเลออนที่ตัวแข็งไปแล้ว

“ตายแล้ว นี่ท่านอนุญาตให้นำมาหมดนี่เลยหรือ?”

“ก็ทั้งร้องไห้งอแงจะเอามาให้ได้จนวุ่นวายไปหมดแล้วจะให้ทำอย่างไร? ก็ต้องบอกให้เอามาได้สิ”

ได้ยินคำตอบนั้น ลีน่าก็เริ่มกังวลว่าแผนการสอนของเลออนถูกต้องหรือเปล่า

“ทั้งหมดเป็นของท่านแม่”

พอเห็นภาพเลโอน่ายืนขวางราธบันขณะพูดเช่นนั้น ลีน่าก็ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ นี่นางรอคอยวันที่จะได้พบตนอีกครั้งพร้อมกับรวบรวมของพวกนี้ทีละชิ้นๆ ระหว่างที่ตนไม่อยู่มากแค่ไหนกัน คืนวันนั้นลีน่ากล่อมเลโอน่าที่บอกว่าอยากเล่นด้วยกันมากกว่านี้ว่าพรุ่งนี้และมะรืนก็จะได้เล่นด้วยกันอีกก่อนจะหลับไปด้วยกัน นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน

‘ก็คงจะคาดหวังล่ะสิ’

ลีน่ามองเลโอน่าที่หยุดร้องไห้ไม่ได้แล้วปลายนิ้วพลันรู้สึกชาขึ้นมา ครั้งนี้นางกลับมาหลังจากผ่านไปหนึ่งปีเพราะเดินทางไกลมาก แต่ปกติแล้วหลังจากที่ฝากเลโอน่าไว้กับเลออน ลีน่าจะกลับมาพระราชวังให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเจอกับเลโอน่า และทุกครั้งที่กลับมาจะใช้เวลาอยู่กับเลโอน่าค่อนข้างนาน ดังนั้นคราวนี้จึงตั้งใจว่าจะพักอยู่ที่นี่อย่างน้อยสองถึงสามสัปดาห์

‘แต่ว่า…’

ลีน่ามองกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ สิ่งที่ราธบันนำมาให้คือรายงานเกี่ยวกับ ‘การซ้อนทับ’ ที่เกิดขึ้นในเทือกเขาหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก พอได้อ่านเนื้อหาในนั้นลีน่าก็เก็บสัมภาระทันที เป็นแอสรัน เป็นแอสรันไม่ผิดแน่

‘การซ้อนทับจะอยู่ได้ไม่นานแล้วหายไป’

สิ่งที่เรียกว่าการซ้อนทับก็เหมือนกับบาดแผลที่เกิดขึ้นในขณะที่ชนกับโลกอื่น ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป การซ้อนทับจึงหายไปราวกับบาดแผลดีขึ้น ก่อนที่โลกใบนี้จะฟื้นฟู นางต้องรีบไปพบแอสรันที่อยู่ที่นั่น

“เลโอน่า ขอโทษนะ แม่ไปแปปเดียวแล้วจะกลับมา”

“โกหก! ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกันสักพักไง!”

พูดจบ เลโอน่าก็คว่ำหน้าลงไปดิ้นบนพื้น ก่อนจะตะโกนขึ้น

“จะไปหาสิ่งนั้นนี่นา! สิ่งที่อยู่ในเทือกเขา!”

“…!”