ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 283
เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือแล้ว มหาเสนาบดีเซี่ยได้ให้เซี่ยฉวนคอยเฝ้าอยู่ที่ด้านหน้าประตู เมื่อปิดประตูลง
เขาถอดเสื้อคลุมออก ค่อย ๆ นั่งลงพร้อมเอ่ย “เรื่องนี้ท่านย่าของเจ้าพูดกับเจ้าแล้วรึ?”
“เจ้าค่ะ ท่านย่าพูดแล้ว บุตรสาวอยากรู้ว่าทำไมท่านพ่อถึงได้มีความคิดเยี่ยงนี้” เซี่ยหว่านเอ๋อค่อย ๆ ลอบมองมหาเสนาบดีเซี่ย อยากจะลองใจของเขาดู
นางรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก กลัวว่าที่นั่งรอมาตลอดบ่ายนี้ เกรงกังวลว่าเรื่องที่มารดาพูดจะเป็นเรื่องจริง
นางคิด ๆ ไป ต่อให้นางจะเป็นบุตรสาวของเฉินเอ้อร์ ขอเพียงท่านพ่อไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
มหาเสนาบดีเซี่ยเอื้อมมือออกไปขยี้คิ้วเอ่ยตอบด้วยใบหน้าอันเหนื่อยล้า “เจ้าเองก็รู้แล้วว่ามารดาของเจ้านั้นชื่อเสียงด่างพร้อยไปแล้ว นางจะคู่ควรเป็นมารดาของพระชายาองค์รัชทายาทได้อย่างไร? น้ำลายของคนอื่นจะได้ถ่มใส่เจ้าจนตาย ส่วนซีเหมินเสี่ยวเย่วนั้นมิใช่คนธรรมดา ตระกูลของนางนั้นดีนัก ชื่อเสียงก็ดี สามารถสนันสนุนให้เจ้าได้ตำแหน่ง และยังสามารถใช้ชื่อของจินกั๋วกงช่วยให้เจ้าได้เป็นฮองเฮา”
เซี่ยหว่านเอ๋อผงกศีรษะ มองไปยังเขาแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “ท่านพ่อ ข้างนอกต่างพูดกันว่าข้ามิใช่บุตรสาวของท่าน ท่านเชื่อหรือไม่?”
มหาเสนาบดีเซี่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยอย่างโกรธเคือง “คำพูดประเภทนี้ต่อไปอย่าได้พูดออกไปอีก ผู้อื่นจะพูดกันว่าอย่างไรเป็นเรื่องของผู้อื่น ปากยื่นยาวบนกายของผู้อื่นพวกเราห้ามไม่ได้ ข้าแน่ใจว่าเจ้าเป็นบุตรสาวสุดรักของข้า”
เซี่ยหว่านเอ๋อน้ำตาจะไหลออกมา “ท่านพ่อคิดเยี่ยงนี้จริงหรือ?”
มหาเสนาบดีเซี่ยมองมายังนาง ถอนหายใจเบา ๆ สายตาที่มองนางเต็มไปด้วยความรัก “เจ้าเด็กโง่ของข้า ข้ายอมที่จะเชื่อว่าเซี่ยจื่ออันไม่ใช่บุตรสาวของข้า แต่จะไม่ยอมเชื่อว่าเจ้านั้นไม่ใช่บุตรสาวของข้า ตอนเจ้ายังเล็ก ทุกคนต่างก็บอกว่าเจ้าเหมือนกับข้า เพียงแต่เมื่อเติบโตขึ้น รูปลักษณ์จึงเปลี่ยนไปไม่เหมือนกัน เจ้าจงจำไว้ เจ้าเป็นดั่งไข่มุกของพ่อ หลายปีมานี้ คนที่พ่อรักมากที่สุดคือเจ้า มากกว่าหลินเอ๋อร์ หากมีคนต่อหน้าข้าพูดว่าเจ้ามิใช่บุตรสาวข้า ข้ายอมเดิมพันด้วยชีวิตนี้ เพื่อฆ่าพวกเขาซะ”
คำพูดนี้พูดมาเกินจริงไปบ้าง ถ้าหากเป็นเรื่องจริงแล้ว คำพูดก็จะไม่พูดเกินไปเยี่ยงนี้ อาจจะทำให้สูญเสียความรู้สึกที่แท้จริงไปได้
เพียงแต่เซี่ยหว่านเอ๋อกลับเชื่อทั้งหมดนี้
เพราะว่านางเองก็รู้สึกผิดและกระสับกระส่ายเช่นกัน ต้องการใช้คำพูดที่ดุดันแสดงออกถึงความรัก เพื่อมาพิสูจน์ว่านางในใจของท่านพ่อนั้นอยู่ในสถานะใด
นางจู่ ๆอก็นึกถึงเรื่องของน้องชายขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถาม “ใช่แล้ว ทำไมถึงยังไม่ได้รับหลินเอ๋อร์ออกมาจากในวังกันหรอกหรือเจ้าคะ?”
มหาเสนาบดีเซี่ยเอ่ยอย่างโมโห “พระสนมเหมยต้องการให้พ่อเป็นพึ่งพิงนาง ดังนั้นนางจึงได้ลักพาตัวน้องชายเจ้าเอาไว้ในวังชั่วขณะนี้น้องชายเจ้าคงจะกลับมาไม่ได้”
เซี่ยหว่านเอ๋อตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “แต่ว่าบุตรสาวได้เข้าวังอยู่ครู่หนึ่ง ไปถามหายาลดรอยแผลเป็นจากพระสนมเหมย กลับมิพบว่าน้องชายอยู่ภายในวัง”
“นางจะให้เจ้าเจอกับเขาได้อย่างไร? จะต้องนำตัวไปแอบเอาไว้ เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของหลินเอ๋อร์ พระสนมเหมยต้องการจะหลอกใช้เขา จะต้องไม่ทำให้เขาลำบากใจเป็นแน่”
เซี่ยหว่านเอ๋อก็ไม่ได้กังวลใจ ยังไงซะน้องชายเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกอันใด คนสติปัญญาไม่ดี นำออกไปข้างนอกก็ทำให้ขายหน้า นอกจากนั้นเจ้าคนสติไม่ดีก่อนหน้านี้มักจะชอบช่วยเหลือเซี่ยจื่ออัน น่ารังเกียจยิ่งนัก
นางเพียงแต่ได้ยินท่านพ่อเอ่ยถึงเท่านั้น ถึงได้นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้พบหน้าเจ้าสติไม่ดีนั้นเป็นเวลานานแล้ว
“ใช่แล้ว” มหาเสนาบดีเซี่ยนึกถึงเรื่องของเรือนเซี่ยจื่อหย่วนขึ้นมาได้ในชั่วขณะนั้น “เรื่องที่ต้องจัดหาของให้เรือนเซี่ยจื่อหย่วนนั้น ให้เจ้าทำเหมือนเดิม มิอาจขาดได้”
เซี่ยหว่านเอ๋อตกใจ “ท่านพ่อ ทำไมถึงยังต้องทำดีกับพวกนาง? ทั้ง ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในคราวนี้ก็เป็นเพราะเซี่ยจื่ออันคนชั้นต่ำก่อเรื่องขึ้นมา นางทำให้ท่านอับอายขายหน้า ท่านยังต้องทำดีกับนางขนาดนี้รึ?”
มหาเสนาบดีเซี่ยโบกมืออกไป “ไม่ใช่ว่าทำดีกับนาง เพียงแต่เฉินหลิวหลิ่วและแม่นมหยางยังอยู่ในจวน หากแพร่ออกไป จะส่งผลให้ชื่อเสียงของเจ้าไม่ดี พ่อไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะตายหรือเป็น เพียงแต่สนใจว่าเจ้าจะโดนคนอื่นว่าร้าย และไม่อยากให้แม่นมหยางนำความไปกราบทูลเรื่องไม่ดีข้างหูฮองเฮา”
เซี่ยหว่านเอ๋อคิดแล้วคิดอีก ก็รู้สึกว่าถูกต้อง แม่นมหยางผู้นั้นเป็นคนข้องกายของฮองเฮา “โชคดีนักที่ท่านพ่อเอ่ยเตือน ไม่เช่นนั้นบุตรสาวคงจะทำผิดไปมากกว่านี้”
“อืม ทำการใดคิดให้รอบด้านจะต้องไม่ผิดพลาดแน่ เจ้าออกไปก่อนเถอะ พ่อมีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการ” มหาเสนาบดีเซี่ยปลอบประโลมนางเสร็จแล้ว จึงไม่อยากจะพบหน้านางอีก จึงได้ให้นางนั้นออกไป
“เจ้าค่ะ บุตรสาวขอตัว” เซี่ยหว่านเอ๋อหมุนกายออกไป