ตอนที่ 61 ปะทะอาจารย์อสูร

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 61

ปะทะอาจารย์อสูร

 

“นายน้อยยย”ในตอนเช้า เสียงของต้าเฉินก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตูห้อง แถมน้ำเสียงของมันยังร้อนรนแปลกๆอีกต่างหาก

“นายน้อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นขอรับ”คำถามของต้าเฉินทำให้ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วทันที มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ แต่พอเริ่มปล่อยสัมผัสของตนออกไปหน้าห้องไป๋จูเหวินก็เข้าใจทันทีว่าทำไมต้าเฉินถึงร้อนรนนัก

“พะ พวกท่านมาทำอะไรกันขอรับ”ไป๋จูเหวินเปิดประตูออกมาพลางมองอาจารย์อสูรในสำนักที่ยืนล้อมรอบหน้าประตูห้องเอาไว้ แม้แต่อาจารย์จิ้งจอกที่พึ่งหายจากอาการบาดเจ็บก็ยังมากับเขาด้วย

“พวกข้าสัมผัสพลังอสูรที่ไม่เคยพบได้ ข้าก็เลยพากันมาดู”อาจารย์ท่านหนึ่งพูดพลางมองไป๋จูเหวินด้วยท่าทีตกตะลึง มันเคยได้ยินมาว่าในกลุ่มนักล่าอสูรมีคนที่สามารถฝึกฝนพลังอสูรขึ้นมาได้เช่นเดียวกับพลังวิญญาณ แต่คนแบบนั้นก็มีน้อยมาก แทบจะนับนิ้วมือข้างเดียวเอาได้เลย การที่ได้เห็นมนุษย์มีพลังอสูรระดับทองนับว่าหายากมากเลยทีเดียว

“ขออภัยด้วยที่ทำให้พวกท่านกังวล”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองเหล่าอาจารย์ที่มายืนกันอยู่รอบๆ ไม่ใช่แค่อาจารย์เท่านั้นแม้แต่เหล่าอสูรเลี้ยงของอาจารย์และของศิษย์ในสำนักยังพากันมายืนหน้าห้องไป๋จูเหวินราวกับสัตว์ที่มารวมตัวกันดื่มน้ำกลางทุ่งเลย

“มะไม่เป็นไรๆ เราได้ศิษย์ดีๆแบบนี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว”เหล่าอาจารย์พากันส่ายหน้าอย่างเกรงอกเกรงใจทันทีเมื่อไป๋จูเหวินก้มหัวขออภัย

“จะ จริงสิเช้านี้เป็นการฝึกฝนฝีมือ เจ้าคงหาคู่ซ้อมมือได้ยาก พวกเราจะช่วยเจ้าฝึกฝนเอง”อาจารย์เต่าว่าพลางยิ้มกว้าง นอกจากอาจารย์เต่ากับอาจารย์จิ้งจอกแล้วในสำนักเขี้ยวมังกรยังมีอาจารย์อสูรอยู่อีก 3 ตน รวมเป็น 5 ตน แต่ละตนอยู่ระดับทองขึ้นไปทั้งนั้น หากนับในแดนมนุษย์พวกมันก็คืออสูรระดับสูงที่เก่งกาจพอๆกับมนุษย์ที่ฝึกฝนถึงขั้นหลอมรวมวิญญาณแล้วนั่นเอง

“รบกวนด้วยขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางประสานมือให้เหล่าอาจารย์อสูร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหล่าอสูรและอาจารย์อสูรต่างโดนความสามารถพิเศษของไป๋จูเหวินกันจนหมดแล้ว แม้แต่อาจารย์จิ้งจอกที่ควรจะระแวงไป๋จูเหวินกลับยิ้มกว้างรอการฝึกฝนร่วมกับไป๋จูเหวินเสียอย่างนั้น

ตูม!! ฝ่ามือเพลิงพิโรธส่งเสียงดังกระหึ่มกลางลานฝึกฝน ทำเอาเหล่าศิษย์และเหล่าอาจารย์อสูรต่างหน้าซีดเผือดไปตามๆกัน ฝ่ามือนี้เป็นวิชาของน้าราชสีห์ ว่าด้วยกำลังทำลายล้วนๆ แต่ระยะโจมตีกลับแผ่ออกไปราวับคลื่นที่ถาโถมใส่ศัตรู การหลบหลีกจึงยากอย่างมาก แม้แต่อาจารย์เต่าที่มั่นใจในการป้องกันของตนเองยังไม่มั่นใจว่าเจอฝ่ามือนี้เข้าไปจะเป็นเช่นไร

“ไป๋จูเหวิน ข้าว่าเจ้าอย่าใช้ฝ่ามือนี้เลยนะ มันรุนแรงเกินไป”อาจารย์จิ้งจอกว่าพลางเอามือจับที่อกของตน เมื่อวานมันโดนเข้าไปเต็มรักยังเจ็บหน้าอกไม่หาย นี่ขนาดมันกินยาประสานกระดูกเข้าไปแล้วนะ..

“ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางพยักหน้าอย่างใสซื่อ แต่ตัวไป๋จูเหวินกลับรู้สึกได้ว่าพลังของฝ่ามือเพลิงพิโรธมีกำลังสูงขึ้นมาก บางทีวิชาอื่นๆอาจจะพัฒนาขึ้นก็ได้

“งั้นก็ข้าก่อนเลย”อาจารย์ท่านหนึ่งเดินขึ้นมาก่อนจะเปลี่ยนร่างตนเองกลายเป็นพังพอนสีน้ำตาลที่ดูราวกับพังพอนธรรมดา

ฟิ้ว… อยู่ๆสายลมรอบตัวของไป๋จูเหวินก็ราวกับพัดแรงขึ้น ท่าทางอาจารย์พังพอนจะเป็นอสูรธาตุลมแน่ๆ

“รบกวนด้วย”ไป๋จูเหวินประสานมือให้อาจารย์พังพอนครั้งหนึ่งก่อนจะยืนด้วยท่าทางสบายๆไม่ได้ตั้งท่าต่อสู้แต่อย่างไร

“เอาล่ะ”อาจารย์พังพอนพูดจบสายลมรอบๆตัวก็ราวกับจะพัดแรงขึ้นอีก ตัวอาจารย์พังพอนได้เห็นฝ่ามือของไป๋จูเหวินแล้ว แม้เมื่อวานมันจะไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่เชื่อว่าฝ่ามือนั้นรุนแรงจริงๆ เพียงแต่วิชาที่รุนแรงเช่นนี้มักจะมาพร้อมจุดอ่อนเรื่องการควบคุมและความแม่นยำ ด้วยธาตุลมของมันย่อมสามารถหลบฝ่ามือนั่นได้ไม่ยาก

ฟิ้ววว ร่างของอาจารย์พังพอนราวกับล่องถลามาตามลม พริบตาหนึ่งเหล่าศิษย์รอบๆราวกับมองอาจารย์พังพอนเป็นใบไม้ที่โดนลมพัดปลิวไปหาไป๋จูเหวินไม่มีผิด

วูม..นอกจากจะเร็วแล้ว จุดเด่นของอาจารย์พังพอนคือจับตัวได้ยากเพราะการเคลื่อนไหวของอาจารย์พังพอนไม่ได้พุ่งตรงเข้าหาศัตรู แต่จะพลิ้วไปมาราวกับใบไม้โดนแรงลม

ผั๊ว! ไม่ต้องรอให้เสียเวลา อยู่ๆไป๋จูเหวินก็ฟาดใส่อาจารย์พังพอนอย่างรวดเร็นจนแม้แต่เหล่าอาจารย์ยังมองแทบไม่ทัน นับว่าโชคดีแล้วที่อาจารย์พังพอนมีพลังถึงระดับทองไม่อย่างนั้นได้หมดสติเพราะฝ่ามือเดียวนี้แน่ๆ

“เร็วมาก”อาจารย์พังพอนว่าพลางถอยออกมา มันกำลังอ้อมเข้าไปด้านหลังไป๋จูเหวินแต่กลับโดนฝ่ามือฟาดเข้าใส่เสียก่อน

“อาจารย์พังพอนท่านไหวหรือไม่”อาจารย์เต่าว่าพลางมองอาจารย์พังพอนที่พึ่งโดนตบออกมา

“ไหว ฝ่ามือนี้ไม่หนักเท่าไหร่”อาจารย์พังพอนตอบ เมื่อเทียบกับฝ่ามือเพลิงพิโรธแล้วฝ่ามือประกายอัสนีเบากว่ามาก แต่ความเร็วที่มองแทบไม่ทันนั่นทำเอาอาจารย์พังพอนไม่กล้าบุกเข้าไปง่ายๆ

“งั้นก็รีบเข้าไปเสียที พวกข้าก็อยากช่วยสอนให้ไป๋จูเหวินเหมือนกัน”อาจารย์หญิงคนเดียวในกลุ่มว่าพลางทำท่าไม่พอใจที่อาจารย์พังพอนเอาแต่ยืนมองไม่ยอมเข้าไปเสียที

“ดะ ได้”อาจารย์พังพอนพูดจบก็กระโจนเข้าไปหาไป๋จูเหวินอีกครั้ง แต่ทันทีที่ร่างของมันพลิ้วเข้าใกล้ไป๋จูเหวิน ดวงตาสีแดงของไป๋จูเหวินก็มองตามตัวมันราวกับมันมองการเคลื่อนไหวทั้งหมดของอาจารย์พังพอนออกจนหมด

กึก!!! อยู่ๆร่างของอาจารย์พังพอนก็หยุดลงกลางอากาศ แถมยังค้างอยู่แบบนั้นไม่ขยับไปไหนอีกต่างหาก

“……..อะไรกัน”อาจารย์พังพอนถึงกับพูดไม่ออก มันรู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างจับเอาไว้ ทำให้มันใช้สายตาเพ่งมองอย่างตั้งใจ

“เส้นด้าย!”พอเพ่งมองดีๆแล้วกลับพบว่าร่างกายของมันถูกเส้นด้ายบางๆพันเอาไว้ มันบางมากเสียจนมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น หากไม่มีแสงแดดยามเช้าสะท้อนออกมาละก็มันคงไม่เห็นเลยแน่ๆ

“เส้นด้ายนี่มันอะไร เหนียวมาก”อาจารย์พังพอนพยายามดิ้นออกจากเส้นด้าย แต่กลับโดนพันเรื่อยๆ มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีเส้นด้ายชนิดใดสามารถจับมันเอาไว้ได้ แม้แต่โซ่มันยังกระชากขาดมาแล้ว

“จริงสิ แก่นอสูรที่ไป๋จูเหวินกลืนเข้าไปเป็นแก่นอสูรของแมงมุม นั่นต้องเป็นใยแมงมุมแน่ๆ”อาจารย์เต่าว่าพลางตบเข่าตัวเองเบาๆ

“ใยแมงมุม?”อาจารย์พังพอนว่าพลางมองไปที่ไป๋จูเหวิน ใบแมงมุมเหล่านี้มาจากไป๋จูเหวินจริงๆ แม้จะบางมากแต่ก็แข็งแรงมากเช่นกัน น่าเสียดายที่ไป๋จูเหวินไม่สามารถสร้างใยเส้นใหญ่ได้เหมือนท่านแม่ ไม่งั้นมันคงเอามาถักทำชุดไปแล้ว

“พอแล้ว ข้ายอมแพ้ เจ้าปล่อยข้าเถอะ”อาจารย์พังพอนว่าพลางขยับตัวไปมา แต่ทันทีที่การต่อสู้จบใยแมงมุมก็สลายหายไปทันทีราวกับมันโดนละลายเสียอย่างนั้น

“เจ้าเก่งมากทีเดียว แต่เจ้าจะรับมือข้าได้หรือเปล่า”อาจารย์หญิงว่าพลางเดินออกมาแทนอาจารย์พังพอนที่กลับร่างเป็นมนุษย์ด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน มันไม่คิดเลยว่าจะถูกศิษย์ของสำนักจัดการง่ายๆเช่นนี้ สมแล้วที่ซัดอาจารย์จิ้งจอกเสียสลบในฝ่ามือเดียว

“รบกวนด้วยขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองอาจารย์หญิงที่เดินเข้ามา นางยิ้มหวานก่อนจะกลายร่างเป็นร่างอสูรของนางในทันที

พรึบ! ปีกสีขาวสะอาดคู่หนึ่งกระพือขึ้นอย่างงดงาม ร่างอสูรของอาจารย์หญิงท่านนี้คืออสูรกระเรียนนั่นเอง นั่นหมายความว่านางเป็นอสูรธาตุลมเช่นกันงั้นหรือ?

วูบ…อยู่ๆรอบกายของอาจารย์กระเรียนก็ปรากฏดอกไม้สีส้มจำนวนหนึ่งงอกขึ้นมา อย่างที่อาจารย์จื่อพูดเอาไว้ แม้จะเป็นสัตว์น้ำก็ไม่ใช่ว่าจะต้องธาตุน้ำเสมอไป กระเรียนนางนี้ก็เช่นกันแม้จะเป็นสัตว์ปีกแต่นางก็เป็นอสูรธาตุไม้ ทำให้นางสามารถเรียกต้นไม้ให้งอกออกมาเช่นนี้ได้ แต่นางเรียกดอกไม้ออกมาทำไมกัน

พรึบ! อาจารย์กระเรียนกางปีกออกก่อนจะใช้มันแทนพัดสร้างลมแรงพุ่งเข้าใส่ไป๋จูเหวินในทันที แต่ลมนี้ไม่ได้รุนแรงอะไรมากมาย เพียงแต่ภายในกระแสลมมีกลิ่นหอมจางๆของดอกไม้เท่านั้น

“เริ่มง่วงหรือยังล่ะลูกศิษย์เอ๋ย”อาจารย์กระเรียนว่าพลางยิ้มออกมา ดอกไม้ชนิดนี้คือดอกไม้ที่มีกลิ่นชวนเคลิ้มหากสูดดมเป็นจำนวนมากจะทำให้สลบได้ เพียงแต่ไป๋จูเหวินเคยกินสมุนไพรหายากที่ทำให้ตนไม่ได้ผลจากพิษ แม้แต่การกินเนื้ออสูรยังเป็นเรื่องปกติของไป๋จูเหวิน อะไรกับกลิ่นดอกไม้เช่นนี้

“……”อาจารย์กระเรียนมองไป๋จูเหวินที่ยังยืนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยท่าทีสงสัย นางจึงลองเรียกดอกไม้ออกมาใหม่ คราวนี้เป็นดอกไม้สีแดงสดที่ปล่อยเกษรพิษออกมาตลอดเวลา เกสรเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของมนุษย์รู้สึกชาได้

“……”ไร้ผล ไม่ว่าจะพัดเกสรเข้าไปกี่ครั้งก็ตาม

“อาจารย์ ข้าลืมบอกท่านไปว่าพิษไม่มีผลกับข้า”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา นางพยายามอย่างมากในการรมพิษของนางใส่ไป๋จูเหวิน แต่กลับไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย

“หะ… ทำไม่เจ้าไม่บอกข้าแต่แรก”อาจารย์กระเรียนว่าพลางทำลายดอกไม้ต่าๆงที่นางสร้างขึ้นมากลับไป

“งั้นต่อไปก็ตาข้าสินะ”อาจารย์คนสุดท้ายว่าพลางเดินออกมาแทนที่อาจารย์กระเรียนที่สะบัดหางกลับไปแล้ว

“ไม่ต้องเกรงใจ ใส่เข้ามาได้เต็มที่เลย”อาจารย์หนุ่มว่าพลางเปลี่ยนร่างเป็นร่างอสูรในทันที หากวัดจากพลังอสูรแล้วอาจารย์ท่านนี้มีพลังอสูรมากที่สุดในเหล่าอาจารย์ทั้ง 5 เลยทีเดียว

ตึงๆๆ ทันทีที่ร่างอสูรของอาจารย์หนุ่มปรากฏขึ้น กระทิงยืนสองขาตนนั้นก็วิ่งเข้ามาอย่างดุดัน

ผั๊วๆๆๆๆ  ฝ่ามือประกานอัสนี 5 ฝ่ามือซัดใส่ร่างของอาจารย์กระทิงอย่างรวดเร็ว แม้จะทำให้ร่างของอาจารย์กระทิงชะงักไปบ้างแต่ก็ไม่สามารถหยุดร่างของท่านได้เลยแม้แต่น้อย

วูม…กำปั้นใหญ่โตของอาจารย์กระทิงทุบลงมาใส่ไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว ทำให้ไป๋จูเหวินยกฝ่ามือขึ้นมารับตรงๆ วินาทีนั้นฝ่ามือหิมะละลายกลางนภาก็ถูกใช้ออกมาในทันที ทำให้คนภายนอกเห็นเหมืนกับไป๋จูเหวินรับแขนของอาจารย์กระทิงเอาไว้อย่างง่ายดาย แต่คนที่แตกตื่นที่สุดย่อมเป็นอาจารย์กระทิงอย่างแน่นอน เพราะตนไม่สามารถกดแรงลงไปได้มากกว่านี้

ฟุบ! อยู่ๆดวงตาของไป๋จูเหวินก็กลายเป็นสีเขียวไปครู่หนึ่ง มันมองร่างของอาจารย์กระทิงก่อนจะหมุนตัวหนึ่งรอบฟาดฝ่ามือไปยังข้อพับขาของอาจารย์กระทิงอย่างรวดเร็ว

พลัก! ร่างของอาจารย์กระทิงล้มลงทั้งยืน นี่คือหนึ่งในฝ่ามือที่ง่ายที่สุดของท่านน้าไก่ฟ้า ปักษาสะบัดปีก เน้นใช้งานกับศัตรูที่มีร่างกายแข็งแรงสามารถฝ่าการโจมตีของตนได้โดยไม่ล้ม การโจมตีของฝ่ามือปักษาสะบัดหางเป็นการโจมตีเน้นตัดเข้าจุดสำคัญทำให้ศัตรูเสียสมดุลอย่างรุนแรง

ผั๊วๆ ฝ่ามือประกานอัสนีลงซ้ำใส่ร่างของอาจารย์กระทิงได้เพียง 2 ฝ่ามือไป๋จูเหวินก็ต้องชะงักมือเอาไว้เพราะอาจารย์กระทิงเปลี่ยนร่างกายตนเองให้แข็งขึ้นด้วยธาตุทองของท่านเอง ทำให้กำลังของฝ่ามือประกายอัสนีไม่สามารถทำร้ายอาจารย์กระทิงได้

แปะ… ไป๋จูเหวินเปลี่ยนจากการฟาดฝ่ามือมาเป็นการวางฝ่ามือเอาไว้บนหน้าอกของอาจารย์กระทิงแทน

เปรี้ยง! ฝ่ามือของไป๋จูเหวินราวกับไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน แต่กลับส่งกำลังทำลายลงไปบนร่างของอาจารย์กระทิงอย่างรุนแรงจนพื้นลานประลองเกิดรอยร้าว

“อัก…”อาจารย์กระทิงกระอักเลือดออกมาพลางใช้มือกุมหน้าอกตัวเองเอาไว้

“อาจารย์…ข้าขออภัยด้วย ข้าพึ่งเคยใช้ท่านี้เป็นครั้งแรกเลยไม่ทราบว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองเลือดที่ไหลออกมาจากปากอาจารย์กระทิง ฝ่ามือเมื่อครู่เรียกว่าฝ่ามือตราประทับอัสนี เป็นการโจมตีด้วยความเร็วสูง แต่จะไม่เน้นกำลังทำลายภายนอกเพียงจะส่งแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเข้าไปในร่างกายอีกฝ่ายแทน

“มะ ไม่เป็นไร แคกๆ”อาจารย์กระทิงว่าพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ ยามนี้นอกจากพลังจะเพิ่มขึ้นแล้ววิชาทีไป๋จูเหวินเคยใช้ไม่ได้ก็ใช้ได้อีกหลายท่า ตอนนี้อสูรระดับทองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋จูเหวินอีกต่อไปแล้ว