บทที่ 482

บทที่ 482

เจียงหลูกลืนน้ำลายของเขาและพูดด้วยความลำบากใจ “อย่างน้อย…ทองคำอย่างน้อยหนึ่งหมื่น…ขอรับ”

ใช้ทองคำหนึ่งหมื่นเพื่อซื้อเหล่าข้าราชการในราชสำนัก?

แม้ว่าเขาจะมีเงินคงคลัง แต่ก็ไม่สามารถเติมเต็มหลุมลึกนี้ได้! ดูเหมือนว่าการประมาณค่าของซงหยวนจะไม่ผิด เขาต้องเดินทางไปเมืองหลวงเป็นการส่วนตัว มิฉะนั้น จะไม่สามารถรอคำสั่งของจักรพรรดิได้

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เขาจึงหันกลับมาและพูดกับหลีเทียน “ข้าอยากให้เจ้าตามหาใครสักคน!”

“ใครหรือขอรับ?

“หัวหน้าองครักษ์ของเจ้าหญิง เสี่ยวมิน! ข้าอยากรู้ว่าเมื่อออกจากวังแล้ว เขามักจะไปที่ไหน จำต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการค้นหา”

โดยไม่รอให้หลีเทียนพูด ทันใดนั้นดวงตาของเจียงหลูก็วาววับ และตอบกลับอย่างรวดเร็ว “นายท่านต้องการพบเสี่ยวมินอย่างนั้นหรือขอรับ?”

“ถูกต้อง!”

“…ข้าจะให้พวกท่านได้พบกันในคืนนี้!” เขาพูดด้วยความมั่นใจ

“อย่างนั้นเหรอ…?” ถังหยินมองเจียงหลูด้วยความตกใจ “หรือว่าพวกเจ้าทั้งสองจะเคยเจอกันมาก่อน”

ความประทับใจของถังหยินต่อองครักษ์นามเสี่ยวมิน คือ ‘ห่างเหิน’ และ ‘ดูแคลน’ เป็นอย่างมาก

เจียงหลูหัวเราะและพูดว่า “นายท่าน ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้จักเสี่ยวมิน แต่ข้าย่อมรู้จักเสี่ยวฉิงเฟิงลุงของนาง ข้าคิดว่าหากให้เขาไปเชิญนางด้วยตัวเอง นางจะต้องยอมมาแน่ ๆ”

เสี่ยวฉิงเฟิงเป็นทหารที่ดูแลทรัพย์สินส่วนตัวของราชวงศ์ แม้ว่าตำแหน่งของพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้เล็ก อย่างไรก็ตามเสี่ยวฉิงเฟิงเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิ เมื่อถังหยินได้ยินว่าเจียงหลูรู้จักกับลุงของเสี่ยวมิน เขาก็มีความสุขมาก เพราะวิธีนี้จะทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น

“แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวฉิงเฟิงเป็นลุงของนาง”

“ข้ารับประทานอาหารกับเขามาสองสามครั้งแล้ว ในระหว่างรับประทานอาหาร ข้าได้ยินเขาพูดถึงเสี่ยวมินอยู่สองสามครั้ง เพราะฉะนั้นไม่มีทางพลาดแน่นอนขอรับ”

“โอ้…ฮ่า ๆ!” ถังหยินหัวเราะและกล่าวว่า “งั้นคืนนี้เราจะจัดงานเลี้ยงและเชิญเสี่ยวฉิงเฟิงมา”

“รับทราบขอรับ นายท่าน!” เจียงหลูตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”

“ดีมาก” ถังหยินไม่คัดค้าน เมื่อเห็นว่าเจียงหลูกำลังจะจากไป ถังหยินจึงพูดกับเจี๋ยงฟานอย่างเป็นห่วง “เจี๋ยงฟานตามไปคุ้มครองเขาด้วย” จากเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ถังหยินก็อดไม่ได้ที่จะกังวล

เจี๋ยงฟานยกมือขึ้นเพื่อรับทราบและเดินตามออกไป

เจียงหลูและเสี่ยวฉิงเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ดี นับตั้งแต่ที่พวกเขามาถึง เจียงหลูได้ผูกสัมพันธ์กับคนของราชสำนักจักรพรรดิไว้มากมาย ด้วยการทำตัวใจกว้างและหว่านเงินไปทั่ว ซึ่งประจวบเหมาะกับที่อำนาจของจักรวรรดิในยามนี้อ่อนแอและอำนาจของราชสำนักก็ต่ำลง ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างราบรื่น

เมื่อมาถึงจวน เจียงหลูก็พบกับเสี่ยวฉิงเฟิง พวกเขาแลกเปลี่ยนบทสนทนากัน หลังจากที่เขาพูดจบเจียงหลูก็เข้าเรื่องสำคัญ

“ท่านขอรับ คืนนี้พวกเราจะจัดงานเลี้ยง ข้าขอเชิญท่านให้ไปเข้าร่วมงานด้วยนะขอรับ?”

เสี่ยวฉิงเฟิงตกตะลึงในตอนแรก แต่แล้วเขาก็หัวเราะออกมาดัง ๆ และกล่าวว่า “เจ้ามาเชิญข้าเป็นการส่วนตัวขนาดนี้ ยังไงข้าก็ต้องไปอย่างแน่นอน!”

เจียงหลูก็หัวเราะด้วยความพึงพอใจ “ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอท่านในคืนนี้”

“เเน่นอน”

“ยังมีอีกอย่างหนึ่งด้วยขอรับ” เจียงหลูหัวเราะ “ข้าจำได้ว่าท่านเคยบอกว่าหลานสาวของท่านเป็นองค์รักษ์ที่เก่งกาจมากฝีมือ ข้าสงสัยว่า… ท่านจะเชิญนางมาด้วยได้หรือไม่?”

เจียงหลูคิดเชิญเสี่ยวมิน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เสี่ยวฉิงเฟิงประหลาดใจมาก หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เจ้าตัวจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมถึงอยากเชิญนางด้วยอย่างนั้นหรือ?”

“โปรดอย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากที่จะเห็นหน้าค่าตาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด”

“โอ้ เป็นอย่างนั้นหรอกหรือ” เสี่ยวฉิงเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่งจากนั้นพยักหน้าและสัญญาว่า “ไม่ต้องห่วง คืนนี้ข้าจะพานางไปด้วย”

“ขอบพระคุณท่านมากขอรับ!”

เจียงหลูไม่ได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะจากไป

ณ หนึ่งในสี่ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในชางจิง ที่แห่งนี้ทั้งกว้างขวางโอ่อ่าและหรูหรา ยิ่งเป็นเวลากลางคืนร้านอาหารก็จะเต็มไปด้วยผู้คน

เมื่อถังหยินและเจียงหลูเข้ามา ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นความฟุ่มเฟือยของเจียงหลู พลันรู้ได้ทันทีว่าทองคำของเขาถูกใช้ไปอย่างไร

ทุกคนในร้านอาหารตั้งแต่เจ้าของร้านไปจนถึงเสี่ยวเอ้อร์ดูแลเจียงหลูด้วยความอบอุ่น วิธีที่พวกเขามองเจียงหลูแตกต่างจากการมองคนอื่นตาของพวกเขาสว่างขึ้นราวกับว่ากำลังมองไปยังเทพเจ้าแห่งโชคลาภ

และแม้ว่าเจียงหลูจะปากบอกว่าจองห้องเดี่ยว หากแต่แท้จริงแล้วมันคือการจองห้องมากถึงสามห้อง! เรื่องนี้ทำให้ถังหยิน หลีเทียน และเจี๋ยงฟานต่างรู้สึกงงงวย พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจองห้องพักจำนวนมากขนาดนี้

เมื่อเห็นว่าถังหยินสงสัย โดยไม่รอให้ถาม เจียงหลูก็เริ่มอธิบาย “นายท่านคงคิดว่าข้าจองห้องพักมากเกินไปใช่หรือไม่ แต่แท้จริงแล้วท่านต้องเข้าใจเสียก่อน ว่าในขณะที่ทานอาหาร พวกคนใหญ่คนโตมักไม่ชอบให้คนอื่นรบกวน ถ้ามีใครอยู่ห้องข้าง ๆ พวกเขาก็จะไม่วางใจ และอาจสร้างความไม่พอใจขึ้นได้ ดังนั้นพวกเขาจึงมักจองห้องข้าง ๆ ทั้งซ้ายและขวา เพื่อจะได้ตัดปัญหาหมดกังวลว่าจะถูกใครได้ยินหรือมารบกวน นอกจากนี้ยังสามารถผ่อนคลายจิตใจ ทำให้กินดื่มได้อย่างสนุกสนาน และพูดจาอย่างสบายใจ”

เป็นอย่างนี้นี่เอง! ถังหยินส่ายหัวและหัวเราะออกมา …แม้ว่าจะเป็นจริงตามที่ว่า แต่มันก็นับเป็นค่าใช้จ่ายที่มากเกินไปอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร้านอาหารชื่อดังเช่นนี้ อย่างต่ำ ๆ การจองห้องจะมีราคาอย่างน้อยร้อย หรือเงินแปดร้อยทองด้วยซ้ำ!

ถังหยินไม่ได้พูดอีกต่อไป ในขณะที่ทั้งสามเข้าไปในห้องตรงกลางและนั่งลง

เป็นเวลาเย็นแล้วเมื่อทั้งสามคนมาถึง พวกเขาไม่ต้องรอนานก่อนที่เสี่ยวฉิงเฟิงจะมาพร้อมกับองครักษ์หญิงหญิงท่าทางมืดมน…

ตามปรกติแล้ว เมื่อเป็นงานเลี้ยงเช่นนี้ เหล่าขุนนางหรือข้าราชการก็ใช่ว่าจำเป็นจะต้องสวมใส่ชุดทางการ แต่ตรงกันข้าม องครักษ์หญิงผู้นี้กลับสวมเครื่องแบบทหารเต็มยศ!

เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวฉิงเฟิงมาถึงแล้ว ทั้งสามต่างนั่งอยู่กับที่ และเป็นเจียงหลูที่ลุกขึ้นแล้วเดินลงไปรับแขก ซึ่งเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนได้พาหลานสาวมาที่นี่ด้วย เจียงหลูก็ยิ้มกว้าง เขารีบเดินไปข้างหน้าและโค้งคำนับให้พลางกล่าวว่า “ข้าขอทักทายท่านเสี่ยว!”

จังหวะที่เขาพูดเช่นนั้น สายตาก็ได้หันไปทางหญิงสาวข้าง ๆ ปากถามว่า “ท่านคงจะเป็นเสี่ยวมิน?”

“เจียงหลู?” โดยไม่ต้องรอให้เสี่ยวฉิงเฟิงแนะนำ องครักษ์หญิงผู้นั้นก็พลันถามก่อน

“ถูกต้อง” เจียงหลูพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมถึงอยากจะเจอข้าเล่า?” น้ำเสียงขององครักษ์หญิงผ่อนคลายลงเล็กน้อย เจียงหลูอายุน้อยกว่าที่นางคิดไว้มาก เขาดูเหมือนจะอายุประมาณยี่สิบปี และรูปร่างหน้าตาของก็นับว่าไม่เลวเลย

“หึหึ!” เจียงหลูหัวเราะเบา ๆ หันมาพูดว่า “ท่านคงจะต้องไปถามกับนายของข้าเองแล้ว”

นางเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทั้งสองเดินตามหลังเจียงหลูมายังห้องที่เขาจองเอาไว้

เมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้าสามคนนั่งอยู่ในห้อง เสี่ยวฉิงเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่กังวลมากนัก เพียงหันกลับมาถามเจียงหลูที่อยู่ข้างหลังว่า

“สามคนนี้คือ…?” เจียงหลูไม่รู้ว่าจะแนะนำถังหยินและอีกสองคนอย่างไร

ยังไม่ทันให้เจียงหลูได้พูด ถังหยินก็ชิงลุกขึ้นยืน เดินไปหาเสี่ยวฉิงเฟิงและองครักษ์หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยิ้มให้นาง “เราไม่ได้เจอกันมาเกือบสองปีแล้วสินะ…”

องครักษ์หญิงไม่อยากที่จะเชื่อสายตาของตัวเอง นางถอยหลังไปด้วยความตกใจ ปลายนิ้วชี้ไปที่ถังหยิน เอ่ยปากอย่างตะกุกตะกัก

“จะ…จ…เจ้า…?”

“ประหลาดใจหรือ?!” ขณะที่ถังหยินพูด เขาก็มองไปที่เสี่ยวฉิงเฟิงตรงหน้าอีกครั้ง และจับมืออีกฝ่าย “การที่ข้าไปเยี่ยมเยียนท่านเป็นการส่วนตัวไม่ได้ ช่างเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยเสียจริง”

“ถังหยิน?” นับประสาอะไรกับองครักษ์หญิงที่หน้าซีดด้วยความตกใจ แม้แต่เสี่ยวฉิงเฟิงก็ยังสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นเยียบ หลังจากได้ยินชื่อถังหยิน แม้ว่าแคว้นเฟิงจะอยู่ห่างจากชางจิงนับหมื่นลี้ แต่ก็ยังพอรู้เกี่ยวกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในแคว้นเฟิงอยู่บ้าง ทว่าสิ่งที่ทำให้เสี่ยวฉิงเฟิงงุนงงมากกว่าคือ… ทำไมถังหยินดูเหมือนจะรู้จักเสี่ยวมิน?!

ในทางกลับกัน หลังองครักษ์หญิงได้สติ สายตาของนางก็พลันมองถังหยินด้วยความประหลาดใจและพูดว่า

“เจ้า…ถังหยิน…มาที่นี่ได้อย่างไร? “ หญิงสาวคนนี้ ที่แท้นางก็คือ องครักษ์ของเจ้าหญิงหยินโหรว …เสี่ยวมิน!

แน่นอนว่านางคุ้นเคยกับถังหยิน และมีความประทับใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเขา ครั้งสุดท้ายตอนที่ไปยังแคว้นเฟิง ครานั้นถังหยินในฐานะแม่ทัพชั้นยอดได้แสดงทักษะอันยอดเยี่ยมในระหว่างทาง และไล่ล่ามือสังหารที่พยายามจะลอบสังหารองค์หญิง ทว่าเป็นที่น่าเสียดายนัก เพราะไม่นานถังหยินก็ถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่เมืองปิงหยวน และไม่ได้รับข่าวคราวใด ๆ อีกเลยนับจากนั้น

แต่ตอนนี้ถังหยินไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เสี่ยวมินอยากรู้ใจจะขาดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่ถ้าพูดตรง ๆ มันก็หยาบคายเกินไป ส่วนฝ่ายถังหยินก็ทำได้เพียงแค่ระงับแรงกระตุ้นของเขา และนั่งลงข้า ๆ เสี่ยวฉิงเฟิง

จนกระทั่งเขานั่งลง สายตาของเสี่ยวมินยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าของถังหยิน มันแปลกที่จะบอกว่าในตอนนั้นเขากับนางมักจะทะเลาะกันเสมอ และเมื่อพวกเขาแยกทางกันในภายหลัง นางก็มักจะคิดถึงเขา แล้วตอนนี้เมื่อนางได้พบกับถังหยินอีกครั้ง มันก็เหมือนกับการได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี!

ถังหยินยิ้มให้เสี่ยวมิน แต่เขาไม่ได้เปิดโอกาสให้นางพูดในทันที กลับมุ่งความสนใจไปที่เสี่ยวฉิงเฟิง และหันหน้าไปมองหลีเทียน ซึ่งฝ่ายหลังก็เข้าใจ หยิบกล่องผ้าที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา วางลงตรงหน้าเสี่ยวฉิงเฟิงเบา ๆ ถังหยินยิ้ม “ของขวัญแรกพบขอรับ…”