ตอนที่ 86

Taming Master

อัศวินของราชวงศ์นั้นแข็งแกร่ง

และในหมู่พวกเขานั้น เฮลเลมโดดเด่นที่สุด

‘ว้าว…เหยี่ยวสายฟ้าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว’

หน้าที่ของเอียนนั้นคือเป็นคนคอยซัพพอร์ต

ตอนแรกเขาพยายามที่จะทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ไม่นานเขาก็คิดได้ว่าการช่วยบัฟให้กับใครสักคนมันจะดีกว่า

‘อย่างน้อยดุ๊กเดและเรคค่อนข้างตื่นตัว’

หลุมอเวจีของดุ๊กเดสามารถผูกมัดฝ่ายตรงข้ามได้เป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่และเนื่องจากพลังโจมตีของเรคแข็งแกร่งมากมันจึงสร้างความเสียหายค่อนข้างมากกับ AoE ของมัน

ไลที่เพิ่งเรียนรู้สกิลใหม่มานั้นก็ขยันเช่นกัน แต่ความเสียหายของมันไม่เพียงพอเท่าไหร่นัก และฮัลลิที่ตอนนี้มีเลเวลถึง50แล้วก็คอยสอดส่องและเลี่ยงมอนสเตอร์

การกระทำทั้งหมดของเอียนและสัตว์เลี้ยงของเขาเทียบได้กับแนวหน้าของอัศวินหลวงหนึ่งถึงสองคน

แน่นอนว่ามันทำให้เฮลเลมยิ่งมองเอียนสูงขึ้นไปอีก

“เจ้าเป็นซัมมอนเนอร์ที่ยอดเยี่ยมมากกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก”

“ฮ่าฮ่า อย่างนั้นหรอ?”

สำหรับเฮลเลมเขาคิดว่าเอียนที่มีเลเวลเพียง100จะไม่สามารถช่วยอะไรได้ในการต่อสู้

และเมื่อการต่อสู้ซ้ำไปซ้ำมา เอียนก็ยิ้มปากถึงรูหู

‘ฮาฮ่าฮ่า นี่คือวิธีที่ได้รับค่าประสบการณ์อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องทำอะไรมาก!’

พวกเขาสู้กันโดยประมาณ3ชั่วโมงแต่เอียนที่มีเลเวล100ก็ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มมา25% และไลก็เลเวลถึง101 ขณะที่ฮัลลิที่ตอนแรกเลเวลเพียง1…

สัตว์เลี้ยง ‘ฮัลลิ’ เลเวลเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 57

เลเวลของันเพิ่มชึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

‘นับตั้งแต่มันเลเวลถึง50 ความเร็วในการเพิ่มเลเวลของมันก็ช้าลงเรื่อยๆ แต่มันก็น่าจะไปถึงเลเวล80พอดีตอนที่จบเควสต์นี้’

เอียนที่กำลังมีกำลังใจก็ได้ยิงลูกบอลเวทไปโดยรอบ

ไม่นานนักเฮลเลมก็ยกมือขึ้นและให้พัก

“เราจะพักสักครู่เพื่อเตรียมพร้อมกันก่อน”

เอียนทำท่าทางที่สับสนเล็กน้อย

‘หืม…? พวกเขาไม่ควรได้รับความเสียหายมาก แล้วทำไมพวกเขาถึงรีบพักกันนักละ?’

มันแน่นอนอยู่แล้วที่เอียนจะสงสัย

ตั้งแต่ที่กองอัศวินของเฮลเลมเข้ามาราวกับพวกเขาจะฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดในที่แห่งนี้

และเฮลเลมก็ตอบข้อสงสัยของเอียนในทันที

“เมื่อเราข้ามสันเขานั่นก็คือทะเลทรายสกาย และเริ่มจากตรงนั้นมีมัมมี่นักบวชที่มีเลเวลมากกว่า 150 จะปรากฏขึ้น”

เอียนซึ่งได้ยินคำเหล่านั้น กลายเป็นความกังวลพร้อมกับหัวใจที่สั่น

‘มอนสเตอร์เลเวล 150… มันเป็นเลเวลที่ไม่เคยเห็นมาก่อน’

แน่นอนว่ามันจะเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมาก

อย่างไรก็ตามพร้อมกับสิ่งนั้นค่าประสบการณ์จะน่าหอมหวานยิ่งกว่าเดิม

เฮลเลมประกาศอีกครั้ง

“มันไม่ใช่การต่อสู้ที่ง่ายดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อม”

 

* * *

 

“เฮิร์ซ”

“ว่าไง?”

“ตอนนี้เราเหลือเวลานานเท่าไหร่แล้วในการปกป้องฐานของเรา?”

เมื่อฟิโอลันถาม เฮิร์ซตรวจสอบหน้าตาข้อมูลฐานทันที

และเขาก็เกาหลังหัว

“ว้าว ดูเหมือนว่าสองเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เราได้รับฐานกิลด์มา เราเหลือเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนในการป้องกันฐานกิลด์ของเรา”

“เอ่อ พวกเรามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว หนึ่งเดือนต่อจากนี้และทวีปทางตอนเหนือน่าจะตกอยู่ในความโกลาหลแล้วสินะ?”

เฮิร์ซพยักหน้า

“ดูจากท่าทางแล้วมันน่าจะเป็นอย่างนั้น”

กิลด์โลตัสได้รับฐานมาด้วยเวลาไม่ถึงสัปดาห์หลังจากการอัพเดตทวีปทางเหนือมา

พูดอีกนัยนึงก็คือ กิลด์ระดับสูงอื่นๆก็ได้รับฐานมาด้วยเวลาที่ไม่ต่างจากกิลด์โลตัสมากนัก

กิลด์ไททั่นที่ได้รับฐานมาเร็วที่สุดก็ใช้เวลาสามวันหลังจากการอัพเดต ดังนั้นการจากคาดเดาแล้วการป้องกันฐานกิลด์ส่วนใหญ่ก็จะได้รับการปลดปล่อยก่อนหรือหลังวันที่กิลด์โลตัสได้รับการปลดปล่อยเช่นเดียวกัน

ฟิโอลันเต็มไปด้วยความกังวล

“หากกิลด์ใหญ่ตัดสินใจโจมตี มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านพวกเขา… นี่แหละที่กังวล”

อย่างไรก็ตามน่าประหลาดใจที่เฮิร์ซดูเหมือนผ่อนคลาย

“ไม่ฟิโอลัน หากพวกเราเพิ่มระดับฐานให้เป็นเมืองก่อนระยะการป้องกันจบ พวกเราจะสามารถป้องกันมันได้เช่นกัน”

“จริงหรอ?”

เมื่อคำถามข้ามเรื่องของฟิโอลัน เฮิร์ซพยักหน้า

“ใช่แล้ว ตอนนี้เราเป็นระดับหมู่บ้าน พวกเรายังไม่สามารถที่จะฝึกทหารได้แต่เมื่อไหร่ที่เรากลายเป็นระดับเมือง เราจะสามารถฝึกทหารที่เป็นNPCได้ เราก็จะสามารถสร้างป้อมปราการที่แข็งแกร่งได้พอสมควร”

“เอ่อ ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเหล่านั้น”

เฮิร์ซพูดต่อ

“ฉันได้ยินมาว่าเธอสามารถติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นหอคอยป้องกันได้เช่นกัน”

“เอ่อ ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นสิ่งนั้นในบอร์ด แต่ฉันได้ยินมาว่าค่าปลูกสร้างนั้นสูงมาก…”

ในส่วนนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่เฮิร์ซรู้ เขาจึงตอบทันที

“ถูกตัอง นั่นคือเหตุผลที่เมื่อเราไปถึงระดับเมือง เราจะต้องลงทุนทรัพยากรของกิลด์ทั้งหมดในการปรับปรุงพลังป้องกันของเมือง แม้ว่าจะยืดออกเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีสิ่งอื่นที่เราสามารถทำได้แล้ว”

ฟิโอลันหดหู่เล็กน้อย

“หืม…แล้วในกรณีที่เราล้มเหลวในการปกป้องฐานของเราจะไม่เกิดความเสียหายใหญ่เกินไปหรอ แม้ว่าเราจะสามารถป้องกันได้หนึ่งหรือสองครั้งถ้าเราถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องมันจะยาก…”

เฮิร์ซส่ายหน้า

“ไม่หรอก ฉันคิดว่าถ้าหากเราทนได้มันก็น่าจะสงบลงอีกครั้ง ถ้าหากเราทนได้จนถึงตอนนั้นละก็เราก็จะสามารถจัดการทุกอย่างได้”

เท่าที่ดูแล้วดูเหมือนว่าเฮิร์ซในฐานะของหัวหน้ากิลด์แล้วเขาหาข้อมูลมามากทีเดียว

‘แม้ว่าจะเป็นกิลด์อันดับหนึ่งหรือสอง พวกเขาก็ไม่อาจที่จะโจมตีฐานได้โดยง่าย นั่นจึงทำให้เราต้องรีบเพิ่มระดับฐานให้ได้ก่อนจะถึงตอนนั้น’

ยิ่งกิลด์ใหญ่มากเท่าไหร่พวกเขาจำเป็นต้องปกป้องมันมากขึ้นเท่านั้น

กิลด์ 10 อันดับแรกมีฐานสองถึงสามฐานอยู่แล้วและเพราะเช่นนั้นก็จึงค่อนข้างเสี่ยงที่พวกเขาจะเสียฐานของพวกเขาถ้าหากยกกำลังพลออกไปโจมตีฐานอื่น พวกเขาไม่มีทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน

กิลด์โลตัสที่อยู่ในระดับสูงนั้นต้องการเพียงเตรียมพลังป้องกันให้เพียงพอเพื่อให้กิลด์ที่มีอันดับสูงสุดไม่สามารถเข้ามายึดได้

นอกจากพลังป้องกันที่ต่ำและป้องกันฐานแทบไม่ได้ เฮิร์ซก็เลือกที่จะลงทุนกับพลังป้องกันเพื่อที่จะไม่ให้ใครมาโจมตีได้

‘อย่างไรก็ตามฐานที่ไม่สามารถอัปเกรดจากหมู่บ้านได้จะกลายเป็นเหยื่อที่ดี’

แม้แต่สัปดาห์ก่อนเฮิร์ซก็อยู่ในภาวะวิตกกังวล

นี่เป็นเพราะข้อกำหนดสำหรับการเพิ่มระดับฐานนั้นเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าโครบานจะสามารถกลายเป็นขุนนางได้หรือไม่

อย่างไรก็ตามเขาก็ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินว่าเอียนกำลังทำเควสต์เมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน

‘ฉันหวังว่าจินซุงจะทำเควสต์สำเร็จเร็วๆนะ ในเมื่อพวกเราเกือบจะผ่านเงื่อนไขอื่นๆได้ภายในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดไป’

เขาบอกโครบานเช่นกันแต่เขาก็ไม่ได้บอกให้เขาหยุดการรวบรวมค่าชื่อเสียงแต่อย่างใด

เผื่อไว้ในกรณีที่เอียนทำเควสต์เมืองไม่สำเร็จ แต่มันก็จะเป็นการดีกว่าหากคนในกิลด์เป็นขุนนางมากกว่าหนึ่งคน

‘เนื่องจากเราต้องการสมาชิกที่มีฉายาขุนนางหลายๆคนเพื่อที่จะอัพเกรดฐานเป็นระดับอาณาจักร และยิ่งกว่าทุกสิ่งถ้าพี่โครบานได้รับฉายามาละก็พวกเราก็จะได้รับอัศวินประจำเมืองในทันที’

แผนของเฮิร์ซดำเนินไปอย่างช้าๆ

ต้องขอบคุณการที่พวกเขาพยายามพัฒนาฐานอย่างไม่หยุดพักจนทำให้อันดับกิลด์ของพวกเขาสูงขึ้นไปจนถึงอันดับท็อป500

‘เราจะปกป้องฐานให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น’

ยิ่งพวกเขาพัฒนาฐานมากเท่าไหร่ เนื้อหาของมันก็ยิ่งเหมือนกับห่านทองคำมากเท่านั้น

เฮิร์ซกำหมัดของเขาแน่น

 

* * *

 

เป็นกว่าหนึ่งวันแล้วตั้งแต่ที่เอียนและเฮลเลมเดินทางมาถึงดินแดนรกร้าง

เขานั้นไม่ได้หลับให้เพียงพอมาสักพักนึงแล้ว ดวงตาของเอียนจึงแทบจะปิดอยู่แล้ว

‘อืม มันน่าจะโอเคสำหรับฉันถ้าฉันออกไปหลับสัก5ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นก่อนที่จะกลับเข้า…ฉันมันใจเสาะเกินไป’

NPC ก็ยังต้องหลับตอนกลางคืน

ด้วยเหตุนี้อัศวินของเฮลเลมจึงตั้งค่ายพักแรมเมื่อกลางคืนมาถึงและเข้านอน

แน่นอน เอียนก็ออกจากระบบระหว่างนั้นและเข้านอนก่อนจะกลับมา

อย่างไรก็ตามเขากังวลว่าเขาจะถูกทิ้งไว้ในใจกลางของดินแดนรกร้างเพราะว่าเขาเข้าเกมช้าเกินไป ปัญหาก็คือเขาล็อกอินเข้ามาหลังจากนอนได้เพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้น

เพราะเช่นนั้นเขาต้องแหกตารอเป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมงก่อนที่อัศวินจะเดินทางอีกครั้ง

‘เฮ้อ ทนอีกหน่อยฉันก็จะได้กลับไปนอนสบายๆแล้วหลังจากทำเควสต์จบ’

ความจริงแล้วความอ่อนเพลียนี้ไม่มีอะไรเทียบได้กับตอนที่เขาล่าอย่างคนบ้าเพื่อไปถึงเลเวล 93

เอียนเพิ่มกำลังใจอีกครั้ง

Whoosh-

ลมที่รุนแรงเริ่มพัดจากทุกที่

เอียนมีลางสังหรณ์ว่าสถานที่นี้เป็นสกายไฮแลนด์ที่เฮลเลมพูดถึง

‘เราควรตรวจสอบแผนที่ใช่ไหม?’

และอย่างที่เขาคิดชื่อ ‘สกายไฮแลนด์’ นั้นถูกพิมพ์ลงบนแผนที่

เอียนปิดแผนที่และเป็นช่วงเวลาที่เขาหันความสนใจไปข้างหน้าอีกครั้ง

Neigh-!

เฮลเลมหยุดม้าของเขา

เมื่อเขาทำอย่างนั้น ปาร์ตี้หยุดตามคำสั่งอย่างเป็นธรรมชาติ

“ในที่สุดพวกเราก็มาถึงแล้ว”

เฮลเลมบ่นพึมพัมและหันหัวม้าไปทางคณะสำรวจ

“สกายไฮแลนด์นั้นอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะมอนสเตอร์ Teranodone แข็งแกร่งมาก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเอียนก็ไม่อาจยับยั้งความอยากรู้เอาไว้ได้และเอ่ยปากถาม

เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อของมอนสเตอร์ที่มีชื่อว่า Teranodone และก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าเฮลเลมเกรงในมอนสเตอร์

“เลเวลของ Teranodone อยู่ที่เท่าไหร่ครับ?”

หลังจากคิดสักครู่ เฮลเลมพูดอีกครั้ง

“ถ้าจากที่ข้าจำได้ ข้าคิดว่ามันประมาณเลเวล 190 เจ้าลองนึกภาพของกิ้งก่าที่มีขนาดเท่าช้างดู”

เอียนถึงกับอึ้ง

“…”

เขาอาจจะตายได้

นั่นเป็นความคิดแรกที่นึกขึ้นได้

เอียนเกือบตายมาแล้วหลังจากโดนนักบวชเลเวล150โจมตีเพียงสองถึงสามครั้ง เหงื่อเย็นก็ไหลออกมาตามฝ่ามือของเขา

เฮลเลมพูดต่ออีกครั้ง

“ที่แห่งนี้อันตรายอย่างมากสามารถฆ่าเราทั้งหมดได้ด้วยความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว เพราะเช่นนั้นแล้วเราจะเดินทางในแบบที่ต่างออกไปจากเดิม”

ทุกคนฟังคำพูดของเฮลเลมอย่างตั้งใจ

“หลังจากเข้าไปประมาณ 10 นาทีเจ้าจะสามารถเห็นแท่นบูชาสูงตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้า”

ดูเหมือนว่าคอของเขาแห้งขณะที่เฮลเลมกินก่อนที่คำพูดของเขาจะดำเนินต่อไป

“เราจะสู้กับศัตรูให้น้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้และเดินทางไปยังแท่นบูชาด้วยทางที่สั้นที่สุด และเอียนจะขึ้นไปยังแท่นบูชาพร้อมกับไข่กริฟฟิน”

เฮลเลมหันความสนใจไปหาเอียน

“ในขณะที่เอียนกำลังฟักไข่อยู่บนแท่นบูชา พวกเราจะล้อมแท่นบูชาเอาไว้และปกป้องมันด้วยการจัดการกับศัตรูที่เข้ามาหาเรา เราจะไม่ทำอะไรผลีผลาม เข้าใจมั้ย?”

“ครับ รับทราบ!”

เฮลเลมดูจริงจังมากกว่าแต่ก่อน

เอียนรู้สึกถึงอันตรายจากสกายไฮแลนด์ผ่านผิวหนังอีกครั้งและให้กำลังใจตัวเอง

‘ฉันไม่สามารถที่จะล้มเหลวเมื่อเรามาถึงที่นี่’

เอียนหันความสนใจไปที่สกายไฮแลนด์

และการสำรวจได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

มันเป็นการเคลื่อนไหวที่แตกต่างจากเมื่อก่อน

มันเป็นการเดินทัพที่ช้าและระมัดระวังเท่าที่จะทำได้