ตอนที่ 62 อุ้มแบบเจ้าหญิง / ตอนที่ 63 ผมอยากดื่มเหล้า

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 62 อุ้มแบบเจ้าหญิง 

 

 

ชุยหังพูดไม่ออกแล้ว เพราะความรู้สึกแบบนี้ไม่มีวิธีที่จะใช้ภาษาสื่อสารมันออกมาได้เลยจริงๆ 

 

 

ทำไมตัวเขาต้องมาพบเจอกับครูฝึกแบบนี้ด้วยนะ?  

 

 

ที่จริงคนแบบนี้เป็นพวกที่เขาไม่อยากจะยุ่งด้วยมากที่สุด เพราะเขาเป็นผู้ชายแท้ที่มักจะทำอากัปกิริยายั่วเย้าคนอื่นอยู่ตลอด ถ้าหากตัวเองตกหลุมรักขึ้นมาจริงๆ เขาก็คงจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น 

 

 

คนแบบนี้เป็นพวกที่ทำร้ายคนอื่นมากที่สุด 

 

 

อีกอย่างต่อให้เขาทำร้ายคุณเข้าแล้ว เขาก็จะไม่มีทางเข้าใจว่าตัวเขาทำอะไรผิด 

 

 

เพราะในสายตาของเขา ทุกการกระทำที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นการล้อเล่นเท่านั้น 

 

 

ความรักระหว่างคนเพศเดียวกันก็มักจะถูกกระตุ้นขึ้นมาจากตอนที่พวกเขาเริ่มพูดคุยล้อเล่นกันแบบนี้ แต่พวกเขากลับไม่มีวิธีการไหน และไม่มีความกล้าหาญมากพอที่จะยอมรับมัน 

 

 

ตอนนี้ชุยหังเริ่มจะรู้สึกไม่สนุกแล้ว ทำไมหลูจื้อถึงเอาแต่พุ่งเป้าหมายมาที่ตัวเขาแบบนี้ตลอด? 

 

 

ในใจของชุยหังมีเสียงโห่ร้องที่แสนบริสุทธิ์กำลังดังก้องก็คือ เขาชอบตน 

 

 

แต่ว่ามันก็ปฏิเสธตัวเองในทันทีว่านี่มันเป็นไปไม่ได้ 

 

 

เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยมีเสน่ห์เลย 

 

 

ขนาดหลิวเฮ่อยังสามารถหาใครคนใหม่ทางนั้นได้เพียงเพราะความเหงา แก้ไขปัญหาที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้ 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นคนอย่างหลูจื้อเป็นถึงผู้บังคับการทหารอนาคตไกล 

 

 

เขายังหนุ่มยังสามารถเป็นถึงรองผู้บังคับการกองร้อยแล้ว อนาคตข้างหน้าของเขาย่อมไม่ต้องกลัดกลุ้มใจอะไรเลย 

 

 

แล้วตนล่ะ? ถ้าหากตกหลุมรักเข้าแล้วจริงๆ แล้วถูกทิ้งอย่างโหดเ**้ยมอย่างคราวก่อนอีกครั้งแล้วจะยังเหลืออะไร 

 

 

ดังนั้นสีหน้าของเขาในตอนนี้จึงดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ 

 

 

แต่ว่าหลูจื้อก็เหมือนยังไม่ลดละความตั้งใจของเขา สักพักก็โจมตีมาอีก ในมือเขาถือต้นหญ้ากลับมาจากนั้นก็ทำเหมือนวันนั้นคือทำเป็นวงแหวนแล้วห้อยกับจมูกของชุยหัง 

 

 

ชุยหังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป จู่ๆ ต่อมน้ำตาก็ถูกกระตุ้น สายตาไม่ทันหันมองหน้าหลูจื้อก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาแล้ว สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกจากขอบตาทั้งสองข้าง 

 

 

วินาทีนั้นหลูจื้อถึงกับนิ่งไป เพราะคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น 

 

 

“เป็นอะไร ไม่สบายหรอ หรือทำนายเจ็บหรอ” หลูจื้อถามอย่างระมัดระวัง 

 

 

ครั้งนี้เขาเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองเล่นใหญ่เกินไปแล้ว 

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “เปล่า ไม่เจ็บ” 

 

 

แต่ขณะที่เขาพูดอยู่นั้นก็เม้มริมฝีปากแน่นอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่อยากให้หลูจื้อมองเห็นความอ่อนแอในตัวเขา 

 

 

เขากลัวว่าถ้าอ้าปากกว้างกว่านี้แล้วมันจะหลุดเสียงร้องไห้ออกมา และจะยิ่งทำให้หลูจื้อตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นทำไมน้ำตาตกล่ะ” หลูจื้อกระซิบถามเสียงเบา ถือว่ายังไว้หน้าชุยหังอยู่ 

 

 

ชุยหังตอบ: “ทรมาน” 

 

 

หลูจื้อนึกว่าเขามึนหัวลายตาอีก แต่พอแหงนหน้ามองฟ้าก็ไม่มีพระอาทิตย์แล้ว ทำไมถึงลายตาอีกล่ะ 

 

 

มองดูท่าทีของชุยหังแล้วก็ไม่เหมือนกับแกล้งทำด้วย 

 

 

ไม่มีทางเลือก เขาจึงพูดขึ้นว่า: “พอแล้ว ถ้ามันทรมานมากก็กลับไปนั่งพักที่ใต้ต้นไม้อีกสักพักเถอะ” 

 

 

พูดจบก็ไม่สนใจว่าชุยหังจะยินยอมหรือไม่ แต่เขาโน้มตัวลงอุ้มชุยหังขึ้นด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิงอีกครั้ง 

 

 

ภายในใจของชุยหังเหมือนมีปลาน้อยใหญ่จำนวนมากกำลังพลิกตัวไปมาตรงผืนน้ำ สะกดความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่เลย 

 

 

อิริยาบถนี้ ก่อนหน้านี้เขาก็อุ้มชุยหังไปที่ต้นไม้แบบนี้หรอ 

 

 

เขาเองก็พูดไม่ออกว่าความรู้สึกในใจตอนนี้คือความหวาดกลัวหรือว่าตื่นเต้น 

 

 

เขาไม่รู้ว่ามือของตัวเองควรจะเอาวางไว้ตรงส่วนไหนดี ก็เลยเอาวางทิ้งลงอีกฝั่งอย่างขัดหูขัดตา 

 

 

“โอบคอฉันไว้” หลูจื้อพูดกับเขาออกมาหนึ่งประโยค 

 

 

ชุยหังก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกสิ่งชั่วร้ายอะไรเข้าสิง มือทั้งสองข้างตะกายขึ้นไปวางไว้ตรงคอของเขาอย่างงุ่มง่าม แล้วประทับมันไว้บนนั้น 

 

 

“กอดแน่นๆ ล่ะ อีกเดี๋ยวตกลงไปห้ามร้องไห้นะ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 63 ผมอยากดื่มเหล้า 

 

 

ชุยหังเป็นเหมือนพวกหุ่นเชิดที่ถูกหลูจื้อคอยออกคำสั่ง ขณะเดียวกันก็กังวลว่าคนอื่นจะมองออก ดังนั้นมือทั้งสองข้างนั้นจึงกำกำปั้นเอาไว้แล้ววางไว้ที่คอของหลูจื้อแทน 

 

 

หน้าอกของหลูจื้อแข็งแรงและอบอุ่นมาก ขณะที่เขาก้าวเท้าเดินก็ไม่ทำให้ชุยหังรู้สึกสั่นสะเทือนเลยสักนิด 

 

 

อันที่จริงระยะห่างจากแถวมาถึงใต้ต้นไม้ไม่ได้ไกลมากนัก แต่ชุยหังก็แอบหวังอยากให้เขาเดินไปไกลกว่านี้อีกหน่อย 

 

 

ความรู้สึกแบบนี้บอกไม่ถูก มันทั้งอันตราย ทั้งสวยงาม 

 

 

ถึงแม้เขาจะคอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าความสงบและความอบอุ่นนี้มันไม่ใช่ของเขาอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะใช้หัวใจซึมซับมัน 

 

 

บางทีนี่คงเป็นสันดานเลวอย่างหนึ่งของมนุษย์ล่ะมั้ง ยิ่งรู้ว่าตัวเองไม่มีทางได้มันมา ก็ยิ่งเรียกร้องหาด้วยความโลภ 

 

 

หลูจื้อค่อยๆ วางชุยหังลงพื้นอย่างเบามือพลางถามเขา: “นายอยากจะนอนหรืออยากนั่ง?” 

 

 

ชุยหังตอบ: “นั่งก็โอเคแล้ว ยังไม่ได้เป็นลมสักหน่อยไม่ใช่หรอ” 

 

 

“เมื่อกี้นายเป็นอะไร ร้องไห้ใช่ไหม อย่าบอกว่าแสบตานะ เมื่อกี้มันไม่มีลม” หลูจื้อก้มหน้าลงมาถาม 

 

 

ชุยหังไม่ได้พูดอะไร เหตุผลนี้เขาไม่รู้จะบอกหลูจื้อยังไง 

 

 

“ดูสิ วันนั้นก็คุยกันแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้ามีอะไรก็ให้พูดมันอย่างตรงไปตรงมา แล้วทำไมตอนนี้ก็มาทำตัวเหมือนพวกผู้หญิงอีกแล้ว” หลูจื้อพูด 

 

 

“ทุกข์ใจไง ไม่ได้หรอ” ชุยหังพูด 

 

 

หลูจื้อนิ่งไปก่อนจะถามขึ้น: “ทำไมถึงทุกข์ใจล่ะ” 

 

 

“คุณเอาแต่รังแกผม ผมจะทุกข์ใจก็ไม่ได้หรอ ตั้งแต่วันนั้นที่พึ่งรู้จัก คุณก็เอาแต่รังแกผม” ชุยหังพูด 

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “วันที่รู้จักกัน? ก็ไม่ใช่แค่ให้นายรายงานชื่อหรอ นั่นก็นับว่ารังแกนายหรอ” 

 

 

ชุยหังพูดต่อ: “ไม่ใช่วันนั้น วันที่ผมไปขวางหน้ารถคุณวันนั้นต่างหาก” 

 

 

“ใช่ๆๆ วันนั้นพวกเราเคยเจอกันแล้ว ตอนนั้นนายยังบอกอีกด้วยว่าอยู่มหา’ ลัยโพลีเทคนิค ฉันคิดไม่ถึงเลยนะว่านายจะเป็นนักเรียนของฉันพอดีเลย” 

 

 

“ผิดหวังมากใช่ไหม เซอร์ไพรส์ไหม แปลกใจหรือเปล่า” ชุยหังถาม 

 

 

หลูจื้อพูดตอบ: “ตื่นตกใจยังพอว่า พูดไปถึงเซอร์ไพรส์โน่น” 

 

 

“เพราะแบบนั้นคุณก็เลยแกล้งผม?” ชุยหัง 

 

 

หลูจื้อยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นฟันขาวสะอาดโผล่ออกมา: “ถ้าฉันอยากจะแกล้งนายจริงๆ นายคงหมอบไปนานแล้ว” 

 

 

ชุยหังถาม: “นี่ยังไม่นับว่าแกล้งผมอีกหรอ” 

 

 

“ไม่นับแน่นอนอยู่แล้ว นายอย่าใจแคบขนาดนั้นเลยน่ะ” 

 

 

เมื่อชุยหังได้ยินเขาใช้คำว่าใจแคบมาบรรยายตัวเอง ก็ยิ่งไม่ชอบใจมากขึ้นไปอีก 

 

 

เขาก็เลยเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แล้วก็ไม่พูดอะไรเลยด้วย 

 

 

“นายเป็นอะไรโกรธอีกแล้วหรอ นี่ฉันว่านายโกรธง่ายมากกว่าแฟนฉันอีกนะ ยังไม่ทันทำอะไรก็ชักสีหน้า คิดว่าตัวเองโกรธแล้วสวย?” หลูจื้อพูด 

 

 

ชุยหังยังคงไม่พูดไม่จา ผู้ชายแบบนี้มีแฟนสาวได้ยังไงนะ 

 

 

เดาว่าแฟนของเขาก็คงจะถูกอีคิวของเขาทำให้โมโหตายไปแล้วเหมือนกันแน่ 

 

 

ต่อให้โตมาหน้าหล่อ รูปร่างดีแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร 

 

 

หลูจื้อมองท่าทางของชุยหังที่ดูเหมือนจะโกรธเข้าแล้วจริงๆ ก็ครุ่นคิดว่าที่ตัวเองทำไปเมื่อครู่นี้มันมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า 

 

 

อีกอย่างนักศึกษาพวกนี้ก็ไม่ใช่ทหารจริงๆ การล้อเล่นในบางทีอาจจะไม่เหมาะที่จะเอามาเล่นกับพวกเขา 

 

 

“เอาล่ะ ถ้านายรู้สึกทุกข์ใจก็ขอฉันมาสักอย่างสิ ถ้าฉันสามารถทำได้ก็จะพยายามทำให้สมใจนาย” หลูจื้อพูด 

 

 

หลังจากที่ชุยหังได้ฟังก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดถึงเรื่องหลิวเฮ่อขึ้นมา 

 

 

จำได้ว่าตอนที่เขาจีบตัวเองใหม่ๆ ก็เคยพูดแบบนี้เหมือนกัน 

 

 

ตอนนี้กลายเป็นทุกอย่างเหมือนเดิมเพียงแต่คนเปลี่ยนไปแล้ว 

 

 

“ผมอยากออกไปดื่มเหล้าได้ไหม” 

 

 

“นายอยากทำอะไรนะ” หลูจื้อนึกว่าตัวเองฟังผิดไป 

 

 

ชุยหังพูดซ้ำอีกรอบ: “ครูฝึกครับ ผมอยากออกไปดื่มเหล้าได้ไหมครับ”