ตอนที่ 987 ราวกับเขาเป็นพระเจ้า!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“นั่นมันเพราะว่า…”

 

 

“เพราะว่าผมไม่เคยลงไม้ลงมือกับคุณเลยยังไงล่ะ” โม่ถิงต่อประโยคของประธานฟ่าน “คนเราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อทำให้ตัวเองมีความสุขหรอกนะครับ”

 

 

“คุณคงต้องใช้เงินมหาศาลในการติดสินบนพี่เขยของผมแน่” ประธานฟ่านหัวเราะ

 

 

“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก ยังไงผมก็ได้กลับคืนมาอยู่แล้วล่ะ” โม่ถิงตอบกลับ “อีกอย่างคนเราก็ต้องลงเงินพนันในการเล่นเกมอยู่แล้วนี่ครับ”

 

 

ท่ามกลางความมืดมิด ประธานฟ่านจ้องมองโม่ถิงที่นั่งอยู่ห่างออกไป พลันรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา

 

 

เพราะในเวลานี้เขาได้รู้แล้วว่ามีบางคนที่เขาไม่อาจต่อกรได้

 

 

“ผมมั่นใจว่ารักแรกของคุณคงไม่อยากตาย ถ้าเธอรู้ว่าคุณพยายามปกป้องน้องชายของเธอขนาดนี้”

 

 

เมื่อพูดถึงความทรงจำในอดีต ประธานฟ่านก็ตาแดงก่ำขึ้นมาทันใด

 

 

“โม่ถิง ถ้าคุณกล้าลงมือกับเขา ผมจะทำให้คุณมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น”

 

 

“จริงเหรอ” เสียงโม่ถิงดังขึ้นท่ามกลางเงามืด “คุณคิดว่าจะทำอย่างนันได้จริงๆ เหรอครับ งั้นก็มาเล่นเกมของเราต่อกันดีกว่า”

 

 

พูดจบ โม่ถิงก็ส่งสัญญาณให้บอดีการ์ด ก่อนหนึ่งในพวกเขาจะไปเปิดประตูให้คนด้านนอกเข้ามา

 

 

ในตอนนี้เองที่ประธานฟ่านได้เห็นทนายความของตัวเอง

 

 

“ประธานฟ่าน…” ทนายความเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นจึงเอ่ยกับโม่ถิง “ประธานโม่ครับ สิ่งที่คุณทำอยู่มันผิดกฎหมายนะครับ คุณกักขังหน่วงเหนี่ยวคนโดยไม่ได้รับความยินยอม”

 

 

หลังจากเขาพูดจบก็รีบเข้าไปอยู่ข้างๆ ประธานฟ่านและเอ่ยกับบอดีการ์ดของโม่ถิง “ปล่อย!”

 

 

โม่ถิงสั่งให้บอดีการ์ดปล่อยประธานฟ่านไป พวกเขาจึงผละมือออกตามคำสั่ง ก่อนประธานฟ่านบอกกับทนายความของเขา “ผมต้องการข้อมูลในมือของโม่ถิง คุณต้องไปเอามาให้ผม”

 

 

ทนายความเหลือบมองโม่ถิงและเลื่อนสายตาไปยังบอดีการ์ด “ประธานฟ่านครับ มีบางอย่างผิดปกติ ให้ผมพาคุณออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะครับ”

 

 

ความจริงแล้วหากโม่ถิงส่งข้อมูลในมือให้กับทางตำรวจตั้งแต่ตอนนั้น พวกเขาคงจะต้องเดือดร้อนไม่น้อย

 

 

“ประธานโม่ ผมจะจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ในวันนี้เอาไว้ เรายังมีเวลาอีกมาก” หลังจากประธานฟ่านว่าจบ ทนายความก็ช่วยพยุงเขาออกไปจากบ้าน เขาสังเกตเห็นพี่สาวและพี่เขยของตัวเองในขณะที่เขาเดินจากไป

 

 

โม่ถิงยิ้มมุมปาก พี่สาวประธานฟ่านเดินเข้ามาและเอ่ยด้วยความกังวล “ประธานโม่คะ คุณจะปล่อยเขาไปอย่างนั้นเหรอคะ เขาจะต้องหาทางล้างแค้นพวกเราแน่”

 

 

“รีบไปทำไมล่ะครับ” โม่ถิงถาม

 

 

ไม่กี่นาทีต่อมา ตำรวจอีกชุดก็มาถึงบ้าน เมื่อพวกเขาเห็นคนที่อยู่ด้านในก็เอ่ยขึ้น “เรามาที่นี่เพื่อจับกุมประธานฟ่านครับ”

 

 

“แต่คนของคุณพาตัวเขาออกไปแล้วนะคะ” พี่สาวประธานฟ่านบอกด้วยความงุนงง

 

 

เป็นจังหวะเดียวกับที่ประธานโม่ก้าวออกมาอย่างสงบนิ่งก่อนจับมือทักทายกับเจ้าหน้าที่ “นี่เป็นหลักฐานทั้งหมดของความผิดที่ประธานฟ่านก่อไว้ครับ คุณเอาไปเลยก็ได้ อีกอย่างเมื่อกี้มีคนอีกกลุ่มเพิ่งเข้ามา ตอนนั้นผมไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ แต่ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว เครื่องแบบของพวกเขาดูไม่ใช่ของจริงนะครับ”

 

 

ทีแรกหัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจงุนงงกับคำพูดที่โม่ถิงพยายามจะสื่อเล็กน้อย แต่เขาก็เข้าใจได้ในทันทีและออกคำสั่งกับลูกน้อง “แย่แล้ว คนร้ายหนีไปได้ รีบออกหมายจับเดี๋ยวนี้!”

 

 

อะไรจะแย่ไปกว่าการเป็นนักโทษหนีคดีกันล่ะ

 

 

หลังจากตำรวจออกไป โม่ถิงก็หันหลังจะเดินจากไปเช่นกัน เป็นเวลาเดียวกับที่พี่สาวประธานฟ่านเรียกเขาด้วยความเป็นกังวล “ประธานโม่คะ…”

 

 

โม่ถิงไม่ได้หันกลับมา ทำเพียงแต่เดินต่อไปข้างหน้าพร้อมเสียงที่ตอบกลับ “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เขาคงไม่มีโอกาสได้แก้แค้นแล้วล่ะ”

 

 

พูดจบโม่ถิงก็ก้าวขึ้นรถสปอร์ตของตัวเองก่อนออกรถไป ทิ้งให้คนทั้งคู่ตกอยู่ในความขนลุก ผู้อำนวยการหลินได้เรียนรู้สิ่งหนึ่งจากประสบการณ์ในครั้งนี้ ว่าต่อให้โม่ถิงจะยอมให้เข้ากลับเข้าดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหาร หากแต่ก็ไม่ได้เป็นการกลับไปอย่างแท้จริง อย่างไรเสียโม่ถิงเองก็น่าหวาดกลัวเกินกว่าจะคาดคิดได้

 

 

 

 

ประธานฟ่านพยายามหลบหนี ทว่าทางตำรวจได้ออกหมายจับอย่างรวดเร็ว และด้วยมีวงการบันเทิงเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงกลายเป็นเรื่องที่สร้างความแตกตื่นทันที

 

 

“ประธานฟ่านครับ ดูสิ” ทนายความอ่ยหลังจากได้เห็นหมายจับ “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

 

 

“แล้วตำรวจที่พาเรามาส่งที่บ้านล่ะ”

 

 

“พวกเขากลับกันไปหมดแล้ว” อีกฝ่ายตอบ “ถามทำไมครับ”

 

 

ประธานฟ่านรู้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนของโม่ถิง ทว่าเขาได้แต่ด่าตัวเองอยู่ในใจก่อนจะเร่งให้ทนายความของเขารีบเก็บข้าวของ

 

 

แต่ทว่าบัญชีของเขาถูกระงับเอาไว้ คนทั้งโลกได้รับรู้ว่าเขาเป็นอาชญากรรมไปเสียแล้ว

 

 

“แล้วก็พาลัวชีมาหาผมด้วย ผมจะพาเขาหนีไปกับผม”

 

 

“ประธานฟ่าน ไม่มีเวลาแล้วครับ ตำรวจมาถึงชั้นล่างแล้ว รีบไปเถอะครับ หนีไปทางประตูหลังกันครับ…” ทนายความเอ่ยเร่งคล้ายเตือนให้เขาอย่ายึดติดกับสิ่งของมากนัก

 

 

ประธานฟ่านพึมพำขึ้นก่อนรีบออกไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเขามาถึงชั้นล่างก็เห็นรถของคุณปู่ฟ่านจอดอยู่ เขาวิ่งไปหาในทันที เมื่อได้พบหน้ากับชายสูงวัยเขาก็รู้สึกราวกับมีความหวังขึ้นมา

 

 

“ปู่ครับ ผมรู้ว่าปู่จะไม่ทิ้งผมในเวลาแบบนี้”

 

 

“ฮึ่ม” ชายสูงวัยสบถออกมาก่อนสั่งให้คนขับออกรถ

 

 

“ปู่ครับ ให้ผมซ่อนที่บ้านของปู่สักสองสามวันแล้วผมจะหาทางแก้แค้นโม่ถิงเองครับ”

 

 

“เดี๋ยวฉันพาแกไปที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ดีกว่า” คุณปู่ฟ่านเอ่ยอย่างมีความหมายซ่อนเร้น น่าเสียดายที่ประธานฟ่านไม่ทันรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

 

 

เขาคิดตื้นๆ ว่าตัวเองปลอดภัยและคงไม่ถูกโจมตีแล้ว แต่ไม่นานก็รู้ตัวว่าปู่ของตัวเองพาเขามาส่งถึงสถานีตำรวจ

 

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดประตูรถ ประธานฟ่านก็จ้องหน้าปู่ของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ

 

 

“ผมไม่คิดว่าปู่ก็หักหลังผมด้วย ผมเป็นหลานปู่นะ”

 

 

“ฉันหวังให้แกได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้นแหละ” ชายสูงวัยถอนหายใจออกมา

 

 

ประธานฟ่านถึงกับใจแตกสลายด้วยถูกคนที่เขารักทรยศถึงสองครั้งภายในวันเดียว

 

 

“ปู่ครับ…ปู่ ทำไมทำกับผมอย่างนี้ล่ะ”

 

 

“ถ้าฉันไม่ทำอย่างนี้ แกคงถูกทำลายย่อยยับไปแล้วล่ะ”

 

 

 

 

[ที่แท้ประธานฟ่านก็เป็นคนผลักซย่าหันโม่ตกลงมาจากตึกนี่เอง จริงๆ แล้วเขาทำร้ายคนอื่นมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ด้วย]

 

 

[หลายคนในวงการรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขาดี ฉันพูดได้แค่ว่าสะใจมากที่ได้เห็นเขาถูกจับสักที]

 

 

[ได้ยินมาว่าประธานฟ่านถูกใครบางคนหลอกด้วย]

 

 

[ไม่สำคัญหรอกว่าใครเป็นคนวางแผนเล่นงานเขาน่ะ แค่ปีศาจตัวนี้ถูกจับก็ดีกับสังคมนี้แล้ว]

 

 

 

 

ว่ากันง่ายๆ คือประธานโม่ได้แสดงให้เห็นว่าความเฉียบขาด แม่นยำ และเลือดเย็นเป็นอย่างไรได้อย่างไร้ที่ติ เขายังทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้คิดทบทวนมุมมองที่พวกเขามีต่อเขาเสียใหม่

 

 

เสือตัวนี้ไม่ได้ถอดเขี้ยวเล็บของเขาออกไปเพราะหลงใหลในตัวภรรยาและการเป็นพ่อคน ในยามที่เขาต้องโหดเ**้ยม เขายังคงโจมตีอย่างไม่ยั้งมือและทำลายฝ่ายตรงข้ามอย่างที่ไม่ทันได้รู้ตัว

 

 

เมื่อหลงเจี่ยเห็นข่าวขณะอยู่ที่โรงพยาบาล เธอถึงกับนิ่งค้างไป

 

 

“นายใหญ่ทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน ภายในเวลาสั้นๆ แค่นี้น่ะเหรอ ราวกับเขาเป็นพระเจ้าเลย!”

 

 

ในความเป็นจริงแล้วแม้แต่ถังหนิงเองก็ยังอดทึ่งไม่ได้ เธอเคยเห็นฝีมือสามีของเธอมาก่อน ทว่าไม่เคยเห็นว่าจะจัดการพวกเขาได้โหดร้ายขนาดนี้ เธอคิดมาตลอดมาตัวเองเป็นคนฉลาด แต่ที่แท้คนรักของเธอแค่ทำให้เธอได้ใจเท่านั้น

 

 

เพราะเมื่อเทียบกับเขาแล้ว การจู่โจมของเธอถือว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย