ภาคที่ 2 บทที่ 79 ซับซ้อน

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 79 ซับซ้อน

“100 ละอองฝันแลกกับวิชาลับเช่นนี้ แม้จะขายไปหมื่นเล่มก็มีค่าไม่ถึงหินพลังต้นกำเนิดล้านก้อน จะมีสักกี่คนในแดนฝันที่จะยอมซื้อวิชาของคุณชายกัน ? เมื่อวิชาลับถูกเผยแพร่ออกไป อย่างมากก็ขายได้เพียงแสนเล่มเท่านั้น หรือก็คือมันสามารถทำเงินได้มากที่สุดเพียง 10 ล้าน อีกทั้งนั่นยังเป็นการประเมินขั้นสูงสุด และในโลกแห่งความจริงคุณชายอาจขายได้ไม่ถึงหมื่นเล่มด้วยซ้ำ”

“เกราะรบเหล็กกล้าของคุณชายก็เป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ ? ไม่แน่ว่าผ่านไปปีหนึ่งอาจมีคนนับหมื่นใช้วิชาเกราะรบเหล็กกล้า แต่คงมีเพียงคนไม่กี่พันที่ยอมเสียเงินซื้อวิชา…… ความจริงเป็นเช่นนี้ คิดจะหาเงินจากแดนฝันนั้นเป็นไปได้ยาก”

จูเฉินยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมซูเฉินในร้านน้ำชาต่อไป

ได้ยินเขาแล้วซูเฉินก็ตอบ “ข้าว่าท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าขายตำราเปิดพลังไคฮวงไม่ใช่เพื่อให้ร่ำรวย แต่เป็นเพราะข้าต้องการให้คนอื่น ๆ ได้เรียนรู้และทำให้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขึ้น”

“คุณชายคิดจะทำให้เผ่ามนุษย์เจริญรุ่งเรืองขึ้นหรือ ?” จูเฉินหัวเราะ

เขาส่ายหัว “ก่อนหน้าที่ข้าจะมาหาคุณชายข้าก็คิดแล้ว เหตุใดคุณชายจึงขายมันในแดนฝันด้วยราคาต่ำเช่นนั้น ? สุดท้ายจึงได้คำตอบเช่นคุณชาย หากแต่คุณชายซูไม่คิดว่าตนเองไร้เดียงสาเกินไปหรอกหรือ ?”

“ไร้เดียงสา ?” เด็กหนุ่มถามกลับ

“ถูกต้อง ไร้เดียงสา !” จูเฉินพยักหน้ารับ “คุณชายคิดว่าตำราเปิดพลังไคฮวงคือสิ่งใด ? สุดท้ายก็เป็นวิธีธรรมดาวิธีหนึ่งในการทะลวงสู่ด่านกลั่นโลหิต คุณชายคิดว่ามีเท่านี้จะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของเผ่ามนุษย์ได้เลยหรือ ? คุณชายอย่าคิดน้อยไปหน่อยเลย เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้”

“ข้ารู้เรื่องนั้นดี แต่อย่างไรก็แข็งแกร่งขึ้นใช่หรือไม่ ? วันนี้ข้าคิดค้นตำราเปิดพลังไคฮวงขึ้นมาได้ ดังนั้นวันข้างหน้าข้าอาจคิดค้นวิธีเปิดด่านทะลวงลมปราณโดยไร้สายเลือด หรือกระทั่งด่านสู่พิสดารและด่านที่สูงกว่านี้ไปอีกก็เป็นได้”

“ไร้เดียงสา !” จูเฉินเอ่ยขึ้นในพลัน “หากวิชาลับเช่นนี้สร้างขึ้นได้ง่ายดาย เหตุใดเผ่ามนุษย์เมื่อหมื่นปีก่อนถึงยังไม่ผงาดขึ้นครองใต้หล้าเล่า ? แล้วถึงคุณชายทำได้แล้วอย่างไร ? คุณชายคิดว่าตนเองจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ถึงขั้นนั้นเลยหรือ ? ไม่หรอก สุดท้ายคุณชายไม่อาจเปลี่ยนมันได้ และถึงแม้จะทำได้ ก็จะมีแต่พาเผ่ามนุษย์ไปสู่ความย่อยยับ !”

“ความย่อยยับหรือ ?”

“ถูกต้อง ความย่อยยับ ! คุณชายคิดว่าพวกเราไม่เข้าใจความคิดของสามัญชนไร้สายเลือดงั้นหรือ ? สิ่งที่คนพวกนี้ต้องการอยู่ทุกวันคือการทำลายขีดจำกัดทางสายเลือด คุณชายรู้สึกว่าหากทำให้เป็นความจริงได้ก็จะสามารถนำพาเผ่ามนุษย์สู่ความรุ่งเรือง ช่างน่าขันนัก ! เรื่องเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ หากไม่ทำลายขีดจำกัดทางสายเลือด เผ่ามนุษย์ยังพอมีทางรอด แต่หากทำได้จริง เผ่ามนุษย์มีแต่ต้องพบกับความหายนะ” จูเฉินหัวเราะเสียงเย็น

น้ำเสียงเขาดังไปเล็กน้อย คนที่อยู่ใกล้จึงหันมามอง

ซูเฉินถามเสียงสนใจ “เหตุใดท่านจูจึงกล่าวเช่นนั้น ?”

จูเฉินจึงกล่าว “คุณชายซูคงเคยอ่านตำราประวัติศาสตร์มาก่อนกระมัง ? จำได้หรือไม่ว่าเหตุใดอาณาจักรอาร์คาน่าจึงล่มสลาย ?”

ซูเฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนตอบ “เป็นเพราะเทพอสูรบรรพกาลใช่หรือไม่ ?”

“ถูกต้อง !” จูเฉินกล่าว “ตอนที่มันเจริญรุ่งเรืองจนขีดสุด มันเชื่อว่าตนเองจะสามารถครอบครองใต้หล้าได้ พวกมันเอาชนะเผ่าสัตว์อสูร ไล่ล่ามันอย่างดุเดือด แต่เผ่าสัตว์อสูรทำเช่นไร ? มันทำเพียงสิ่งเดียว……นั้นคือการปลุกเทพอสูรบรรพกาลขึ้นมา เท่านั้นอาณาจักรอาร์คาน่าก็ล่มสลาย”

เขาทำท่ามือ คล้ายกับบางอย่างแตกสลายลง “อาณาจักรใหญ่ล่มสลายลงเช่นนั้น”

ซูเฉินมองดูเขา

จูเฉินกล่าว “เทพอสูรบรรพกาลเพียงตัวเดียวกลับกวาดล้างเผ่าอาร์คาน่าทั้งเผ่าหายไปได้ ถึงเผ่าอาร์คาน่าจะสามารถสร้างเครื่องมือสกัดสายเลือด อารามพลังต้นกำเนิด แกนพลังงานแห่งซาร์ค เครื่องมือกลายวิญญาณ สายลมแห่งเสรี และยังมีสิ่งประดิษฐ์ยิ่งใหญ่อีกมากมาย หากแต่อาณาจักรที่แข็งแกร่งขนาดนั้นกลับถูกกวาดล้างหายไป ถูกโยนทิ้งราวกับขอนไม้ผุท่อนหนึ่ง !”

ซูเฉินดูท่าทางสับสนอยู่เล็กน้อย “ข้ารู้เรื่องนั้นแล้ว ท่านพยายามจะพูดสิ่งใด ?”

จูเฉินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กล่าวพร้อมหัวเราะเสียงเบา “ข้าเพียงต้องการบอกคุณชายว่าท่านไม่ควรคิดฝันนำพาเผ่ามนุษย์ผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุด ไม่สิ ! คุณชายอาจไม่มีความสามารถนั้นเสียด้วยซ้ำ และถึงจะทำได้ สุดท้ายก็จะรับรู้ว่าสิ่งที่นำมามีแต่เภทภัย…… เป็นความหายนะเดียวกันกับที่อาณาจักรอาร์คาน่าเคยประสบ”

ซูเฉินเข้าใจในที่สุด “ท่านเลยคิดว่าเผ่ามนุษย์เราไม่ควรแข็งแกร่ง เพราะอาจดึงความสนใจจากเทพอสูรบรรพกาล และอาจถูกกวาดล้างหายไปได้งั้นหรือ ?”

“ไม่ใช่แค่ข้าที่คิดเห็นเช่นนั้น แต่มันเป็นสิ่งที่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงต่างรับรู้ เผ่ามนุษย์ไม่อาจเอาชนะเผ่าพันธุ์ต้นกำเนิดได้ ที่เผ่าเราสามารถลงหลักปักฐานในทวีปแห่งนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเราแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะเรายังแข็งแกร่งไม่มากพอต่างหาก !”

เด็กหนุ่มที่ได้ยินเช่นนี้ก็พลันชะงักไป

นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินความเห็นจากมุมมองอื่น ๆ ต่ออนาคตของเผ่ามนุษย์

แม้ความคิดเช่นนี้จะถูกปรับมาให้ตรงกับความคิดส่วนตนของเหล่าสายเลือดชั้นสูง ว่าถ้าทำให้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขึ้นอาจทำให้กลายเป็นล่วงเกินเผ่าสัตว์อสูร จนพวกมันเลือกที่จะไปปลุกเทพอสูรบรรพกาลขึ้นมา แต่กระนั้นแล้ว มันก็ยังมีความเป็นเหตุเป็นผลอยู่

เมื่อเห็นซูเฉินเบิกตากว้าง จูเฉินก็หัวเราะพอใจออกมา

เขากล่าว “ทีนี้คุณชายเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ ? ตอนนี้การรักษาสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือสิ่งที่ดีที่สุด เผ่ามนุษย์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้คุณชายยื่นมือเข้าแทรก หากคุณชายสร้างความเปลี่ยนแปลงในเผ่ามนุษย์มากเกินไป อาจกลายเป็นทำร้ายได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่คิดสร้างผลประโยชน์ให้ตนเองหน่อยเล่า ?”

ซูเฉินพยักหน้ารับหลายครั้งหลายครา

ท่าทางเช่นนั้นทำให้จูเฉินยินดีนัก

“คุณชายคิดตกแล้วใช่หรือไม่ ?” เขาถาม

“อืม พอท่านพูดมาเช่นนี้ ข้าก็คิดตกได้หลายเรื่อง” ซูเฉินกล่าว

เขาวางถ้วยชาลง เอนหลังพิงเก้าอี้เพื่อผ่อนคลายร่าง ก่อนกล่าวขึ้น “ที่ผ่านมาข้าสงสัยมาโดยตลอด ว่าเหตุใดหลายพันปีที่ผ่านมาจึงไม่มีผู้ใดเต็มใจเผยแพร่วิชาหรือวิธีที่สามารถทำให้ทะลวงสู่ด่านกลั่นโลหิตโดยไร้สายเลือดได้ออกมา ในเมื่อก็มีตั้งหลายคนที่คิดหลากหลายวิธีขึ้นมาได้ จะไม่มีใครเลยหรือที่ไร้ความเห็นแก่ตัว ? ข้าไม่พอใจ ข้าไม่เข้าใจ และข้าไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว”

จูเฉินพยักหน้า “ถูกต้อง ไม่ใช่เพราะพวกเขาเห็นแก่ตัว แต่เป็นเพราะรู้ดีว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ แต่คุณชายอย่าได้กังวล มันอาจไร้ประโยชน์กับเผ่ามนุษย์ แต่มันมีประโยชน์กับตระกูลสายเลือดชั้นสูงบางตระกูลได้ พวกข้าอ่านเนื้อหาตำราเปิดพลังไคฮวงแล้ว นับเป็นวิชาชั้นยอด ดีกว่าวิชาใดที่เคยเห็นมาในอดีตนัก ดังนั้นพวกเราจึงยินดีร่วมมือกับคุณชาย”

“ความร่วมมือจะออกมาเป็นเช่นไร ?” ซูเฉินถาม

จูเฉินกล่าวโดยตรง “หากข้าบอกคุณชายว่าจะยกหินพลังต้นกำเนิดให้ เช่นนั้นก็คงเป็นการดูถูกท่าน ด้วยคุณชายยินดีขายตำราเปิดพลังไคฮวงในแดนฝันเพียง 100 ละอองฝัน ดังนั้นแม้พวกเราจะมอบหินพลังต้นกำเนิดเป็นแสนหรือเป็นล้านก้อนให้ คุณชายก็คงไม่คิดร่วมมือ แต่ของบางอย่างก็ไม่อาจใช้เงินแลกมาได้”

“เช่น……”

“ฐานะสมาชิกตระกูลสายเลือดชั้นสูง !” จูเฉินตอบ “หากคุณชายเต็มใจ คุณชายจะได้รับฐานะลูกเขยตระกูลจู คุณชายน่าจะรู้ดีว่าสามัญชนจะยกระดับเป็นคนตระกูลสูงนั้นยากเย็นเพียงไหน ปกติแล้วการแต่งงานข้ามชนชั้นนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม”

“หากแต่ตระกูลจูของเราเต็มใจทำเรื่องให้คุณชาย ท่านสามารถเลือกสตรีใดในตระกูลจูที่ยังไม่แต่งงานและมีอายุเหมาะสมไปได้ ต่อไปฐานะของคุณชายในตระกูลจูจะกลายเป็นผู้อาวุโส อีกทั้งคุณชายยังสามารถเรียนวิชาและวิชาลับตระกูลจู เลือกใช้สายเลือดใดตามแต่ใจต้องการ อีกทั้งหากมีบุตรชาย ก็จะได้รับฐานะผู้อาวุโสต่อจากคุณชายอีก !”

จูเฉินยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น แต่ซูเฉินทำเพียงหัวเราะออกมา “เช่นนั้นท่านเดินทางมาพบข้าถึงที่นี่ เพียงเพราะต้องการบอกว่ามีความคิดจะแลกสตรีกับตำราเปิดพลังไคฮวงหรือ ?”

จูเฉินชะงักไป “อะไรกัน ? คุณชายไม่พอใจกับข้อตกลงงั้นหรือ ? ไม่เป็นไร หากคุณชายต้องการสิ่งใดบอกข้ามาได้เลย”

“ช่างเถอะ” ซูเฉินส่ายหัวก่อนลุกขึ้น “ข้ายอมรับว่าวาจาท่านคมคายนัก เกือบถูกท่านชักจูงจนเขวไป ถูกต้องแล้ว หากเผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขึ้นแล้วอย่างไร ? สุดท้ายก็ไม่อาจเอาชนะเทพอสูรบรรพกาล หากแต่……”

เขาหยุดไปพักหนึ่ง จนทำให้จูเฉินรู้สึกอึดอัดในใจ

ซูเฉินกล่าว “แต่ก็อย่างท่านว่า นั่นเป็นเรื่องที่ต้องกังวลหากเผ่ามนุษย์เราแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว หากทางเดินยังอีกยาวไกลเช่นนั้น เหตุใดจึงต้องกังวลตั้งแต่ตอนนี้ด้วยเล่า ? ท่านกระทั่งบอกว่าตำราเปิดพลังไคฮวงไม่อาจนำพาเผ่ามนุษย์สู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ ทำได้เพียงสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งขึ้นให้ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดระดับต่ำเท่านั้น”

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจะทิ้งมันให้เสียเปล่าไปหรือไร ? คุณชายสร้างขึ้นมาแล้วก็นำมันไปสร้างประโยชน์ให้ตนเองสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือ ?”

ซูเฉินคำรามเสียงเย็น “เป็นเพราะข้ารังเกียจคนเช่นท่าน ตระกูลสายเลือดชั้นสูงของท่านยอมทำทุกอย่าง ยอมพูดทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เอาแต่พูดว่าเผ่ามนุษย์ไม่มีทางแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่กลับพูดว่าตำราเปิดพลังไคฮวงนั้นยังไม่พอจะทำให้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่ง …ที่ท่านพูดเช่นนี้เพื่อทำให้จุดมุ่งหมายข้าไม่มั่นคง !”

“ใช่แล้ว ข้าเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด ! แต่ถึงแม้ว่าตำราเปิดพลังไคฮวงไม่อาจนำพาเผ่ามนุษย์สู่จุดสูงสุดได้ ทว่าก็สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดระดับต่ำมีความหวัง ทั้งยังเป็นทางขั้นต่อ ๆ ไปสำหรับการทำลายข้อจำกัดทางสายเลือด ! หากข้าเก็บมันไว้กับตัวเพียงเพราะมันไม่อาจทำลายขีดจำกัดสายเลือดได้ เช่นนั้นต่อไปวิชาขั้นสูงจะออกมาได้อย่างไร ? หากรากฐานไม่มั่นคงแล้วจะก้าวขึ้นต่อไปอย่างไร ?”

คำของซูเฉินจี้จุดอ่อนจูเฉิน

สุดท้าย คนพวกนี้ก็ยังใช้คำลวงซับซ้อนเหล่านี้มาเล่นกับใจคน

ด้านหนึ่ง พวกเขากล่าวว่าเผ่ามนุษย์ไม่อาจแข็งแกร่ง หากแต่อีกด้านกลับบอกว่าวิชาของเขานั้นไม่แข็งแกร่งมากพอมาตั้งแต่ต้น

แต่จะมีผู้ที่สามารถหาทางทะลวงผ่านด่านกลั่นโลหิต ด่านทะลวงลมปราณ ด่านสู่พิสดาร และด่านอื่น ๆ ได้ในเร็ว ๆ นี้จริงหรือ ?

วิชาเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นทีละขั้น จากนั้นเผยแพร่ออกมา เพื่อให้การค้นคว้าดำเนินต่อไป

หากไร้วิชาที่สามารถทะลวงสู่ด่านกลั่นโลหิตโดยไร้สายเลือดได้แล้ว ก็ไร้วิชาที่สามารถทะลวงสู่ด่านทะลวงลมปราณโดยไร้สายเลือดเช่นกัน !

ได้ยินคำซูเฉิน จูเฉินก็รู้ว่าแผนการหว่านล้อมซูเฉินล้มเหลวลงแล้ว

สีหน้าเขาค่อย ๆ เย็นเยียบลงเรื่อย ๆ “เช่นนั้นคุณชายจะกล่าวปฏิเสธความปรารถนาดีของตระกูลจูงั้นหรือ ?”

“ถูกต้อง ข้าปฏิเสธ” ซูเฉินตอบ

จูเฉินไม่โกรธ เพียงหัวเราะเสียงเย็นออกมา “คนหนุ่มมีฝันคือสิ่งดี แต่บางคราเมื่อฝันแล้วก็ต้องรู้วิธีทำฝันให้เป็นจริง ! ข้าแนะนำให้คุณชายคิดให้ถี่ถ้วน อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ”

“หลอกล่อไม่ได้ผลท่านเลยคิดจะข่มขู่หรือ ?” ซูเฉินหัวเราะ

จูเฉินเอ่ยขึ้นช้า ๆ “คุณชายอาจไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลจูมาก่อน แต่ไม่เป็นไร ข้าจะให้เวลาคุณชายได้สืบหาข้อมูล เมื่อรู้แล้วคุณชายค่อยตัดสินใจ”

เขาพูดจบก็วางมือไพล่หลังแล้วค่อย ๆ เดินออกจากร้านน้ำชาไป