ก่อนหน้านี้บริษัทตระกูลเจียงไม่ถือสาหาความกับไป๋เทียนเทียน
เพราะถึงอย่างไรเสียมันก็เป็นความผิดพลาดของพนักงานบริษัทตระกูลเจียงเอง
ตอนนี้ไป๋เทียนเทียนส่งตัวเองเข้ามาเอง อย่าว่าแต่บริษัทตระกูลเจียงเลย เพราะฉินซิวเฉินคนเดียวก็สามารถรับมือกับไป๋เทียนเทียนร้อยคนได้
ผู้จัดการไป๋เทียนเทียนตัดสายไปอย่างอ่อนแรง
มีข้อความส่งเข้ามาทางโทรศัพท์รัวๆ คำพูดของฉินซิวเฉินถูกปล่อยไปในกลุ่มคนวงใน
หลายวันมานี้ไม่ง่ายเลยที่ผู้จัดการจะหาคนกลุ่มนี้เจอ แต่วันนี้ทุกคนล้วนบล็อกเขา
จากนี้ไปก็เป็นได้แค่คนที่ถูกตัดหางปล่อยวัด ไม่มีความคิดที่จะลุกขึ้นอีกครั้งจนกว่ากระแสนี้จะผ่านพ้นไป
**
สำหรับรายการไอดอล24ชั่วโมง
คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม
ผู้กำกับเพิ่งได้รับแจ้งจากบริษัทตระกูลเจียงให้ปล่อยตอนที่สองออกอากาศล่วงหน้าทางอินเทอร์เน็ตได้ และรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเวยป๋อแล้ว
ทุกคน : ไม่แปลกใจเลยที่ทีมผู้กำกับกลับมานั่งทบทวนตัวเอง ที่แท้แล้วเป็นเพราะแชมป์สอบเข้ามหาวิทยาลัย ราชาหน้าใหม่แห่งมหาวิทยาลัยเมืองหลวงนี่เอง
“งั้นตอนที่สองยังจะออกอากาศก่อนกำหนดไหม?” ทีมโปรโมทปิดเอกสารพลางมองไปทางผู้กำกับ
ผู้กำกับถือถ้วยชา จิบอย่างสบายอารมณ์พร้อมกับยิ้มร่า “ออกอากาศอะไร แน่นอนว่าไม่ต้องแล้ว”
ทีมโปรโมทพยักหน้า พวกเขาก็คิดแบบนี้ “ว่าไปแล้วทางฝั่งประธานเจียงก็คุยกับสถานีโทรทัศน์เร็วเหมือนกันนะครับ”
“หลานสาวซุปตาร์ฉินคนนี้…” มีคนเอ่ยขึ้นมาอย่างเงียบๆ
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ระดับมณฑลก็โทรมาคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ทีมรายการต่างมองหน้ากัน ทุกคนพอจะรู้อยู่แก่ใจว่าใครคือผู้มีอิทธิพล
“ฉันจะไปดูตอนที่สองก่อนว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ทีมโปรโมทลุกขึ้นเตรียมจะกลับไปเช็กดูรายการตอนที่สองตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรอีก
**
ตระกูลเฉิง
ปลายนิ้วเฉิงเจวี้ยนบีบโทรศัพท์ เปิดดูเวยป๋ออย่างใจเย็น
นายท่านเฉิงนั่งเป็นประธานด้วยท่าทางเคร่งขรึมโดยมีหัวหน้าหน่วยคนอื่นๆ กำลังนั่งตัวตรงรายงานสถานการณ์อยู่
มีเพียงเฉิงเจวี้ยนเท่านั้นที่พนักเก้าอี้ปูพรมยังไม่พอ ยังเอนหลังพิงเก้าอี้และเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างไม่เรียบร้อย
โดยเฉพาะสิบนาทีก่อน ทำตัวไม่มีกาลเทศะโดยการเดินออกไปคุยโทรศัพท์
นายท่านเฉิงเลือกที่จะมองผ่าน ทำเหมือนไม่เห็นอะไร
กลุ่มของเฉิงเหราฮั่นเห็นเฉิงเจวี้ยนก็ได้แต่โกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไร
ตอนนี้พูดได้ว่าเฉิงเจวี้ยนเป็นจุดศูนย์กลางของตระกูลเฉิง ตั้งแต่กลับมาจากเมืองC กองกำลังของหัวหน้าหน่วยที่สองก็แข็งแกร่งมาก แกร่งพอที่จะทัดเทียมกับเฉิงเหราฮั่นได้
ทุกคนในตระกูลเฉิงรู้ดีว่าหัวหน้าหน่วยที่สองจงรักภักดีต่อเฉิงเจวี้ยนและเคารพเขามาก
หลังจากจบการประชุมของตระกูลและทานข้าวเสร็จแล้ว เฉิงเจวี้ยนก็ถือโทรศัพท์ออกจากบ้านตระกูลเฉิง
ด้านหลังเขา เฉิงเหราฮั่นยืนหน้าบึ้งอยู่บนทางเดิน เขามองคนข้างๆ “ทางฝั่งซือลี่หมิงได้ตอบกลับมาไหม?”
ซือลี่หมิงเป็นคนดังของฐานทัพตระกูลเฉิงในเมืองหลวง เขากลับมาที่สำนักงานใหญ่ของตระกูลเฉิงเมื่อสองเดือนก่อน ภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนก็สามารถปีนขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ดูแลฐานทัพได้ กุมอำนาจในมือไม่น้อย
นอกจากหัวหน้าหน่วยที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดพวกนั้น ตอนนี้กลุ่มของหัวหน้าหน่วยที่สองก็สามารถคุกคามเฉิงเหราฮั่นได้แล้ว
เฉิงเหราฮั่นจึงนั่งไม่ติดที่ เมื่อก่อนเขาค่อยๆ ดึงซือลี่หมิงเข้ามาเป็นพวกอย่างใจเย็น แต่ตอนนี้กลับดึงซือลี่หมิงเข้ามาเป็นพวกอย่างออกหน้าออกตา
“ทางฝั่งซือลี่หมิงไม่ตอบอะไรกลับมาเลยครับ แค่นำทีมฝึกเท่านั้น เขาทำเฉยเหมือนหัวหน้าหน่วยที่สาม” ลูกน้องก้มหน้าลงพลางตอบกลับไป
เฉิงเหราฮั่นยื่นมือไปหยอกนกแก้วที่นายท่านเฉิงเลี้ยงไว้ พอได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดเสียงเข้ม “ลงทุนลงแรงกับเขาต่อไป”
ซือลี่หมิงแข็งข้อแบบนี้ก็ดี อย่างน้อยก็ไม่ถูกเฉิงเจวี้ยนลากไปเป็นพวก
และถึงเฉิงเหราฮั่นจะเกลี้ยกล่อมเขาไม่สำเร็จ ก็ยังมีตัวตนอยู่ตรงหน้าเขา ถึงแม้ซือลี่หมิงจะเป็นกลางในการลงคะแนนเสียงตระกูลเฉิงในอนาคต แต่ยังไงคะแนนเสียงนี้ก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี
พอคิดถึงตรงนี้ เฉิงเหราฮั่นก็ค่อยๆ ถอนหายใจออกมา
**
เฉิงเจวี้ยนออกจากบ้านตระกูลเฉิงก็ไม่ได้กลับไปที่ถิงหลาน แต่ขับรถเข้าปากทางเข้าเขตที่พักอวิ๋นจิ่น
ก้มหน้าดูโทรศัพท์ ฉินหร่านส่งข้อความมาให้เขาโดยบอกว่าเขาไม่ต้องขึ้นไป
เฉิงเจวี้ยนโยนโทรศัพท์ไว้ข้างหน้าอย่างส่งๆ วางมือข้างหนึ่งก่ายด้านบน เอนหลังพิงเบาะ หรี่ตาลงมองไปยังตึกที่ฉินฮั่นชิวพักอยู่ด้วยสายตาเย็นชา
ทางเข้าตึกของฉินฮั่นชิว
ฉินฮั่นชิวกับฉินซิวเฉินและคนอื่นๆ ลงมาส่งเธอข้างล่าง
“ทำไมไม่อยู่ทานอาหารเย็นก่อน” ฉินฮั่นชิวคร่ำครวญ เขาเงยหน้ามองไปทางรถที่จอดอยู่ตรงถนนทางเข้า “เสี่ยวเฉิงมารับลูกหรอ? ทำไมไม่ให้เขาขึ้นมานั่งข้างบนก่อน”
เขายกเท้าจะเดินไปทักทายเฉิงเจวี้ยน
ฉินหร่านคล้องผ้าพันคอไว้ที่คอ จากนั้นก็ยื่นมือไปดึงคอเสื้อของฉินฮั่นชิว เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เขาเป็นหวัดน่ะ ไม่สะดวกพบคน”
ฉินฮั่นชิวส่งเสียง “เอ๊ะ” แต่ก็ไม่ได้ตามไป
หลังจากพร่ำบ่นว่าให้รักษาความอบอุ่นของร่างกาย
ก็ปล่อยฉินหร่านไป
ฉินซิวเฉินกับพ่อบ้านฉินยืนอยู่อีกด้านอย่างเงียบๆ ทั้งสองไม่ใช่ฉินฮั่นชิว ย่อมดูออกว่าฉินหร่านไม่อยากให้พวกเขาเจอ “เสี่ยวเฉิง” คนนั้น
ฉินซิวเฉินเงยหน้ามองไปทางรถคันสีดำคันนั้น
เนื่องจากย้อนแสง ถึงจะมองทะลุหน้าต่างก็เห็นใบหน้าค่าตาคนที่นั่งตำแหน่งคนขับไม่ชัด
เห็นเพียงแค่กระดุมข้อมือที่สะท้อนแสงเย็นๆ ออกมา
รถสีดำคันนั้นค่อยๆ ขับออกไป จู่ๆ ฉินฮั่นชิวก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “เสี่ยวเฉิงเป็นหวัด แล้วหร่านหร่านยังจะไปกับเขาทำไม ถ้าติดหวัดเข้าจะทำยังไง?”
เขารีบหยิบโทรศัพท์จะโทรหาเฉิงเจวี้ยน
ฉินซิวเฉินเหลือบมอง พบว่าหมายเลขโทรศัพท์ในโทรศัพท์ฉินฮั่นชิวบันทึกชื่อไว้ว่า “เสี่ยวเฉิง”
ฉินฮั่นชิวขึ้นไปโทรศัพท์ข้างบน แต่ฉินซิวเฉินกับพ่อบ้านฉินไม่ได้ตามขึ้นไป
เฉิงเจวี้ยนขับรถออกไปแล้ว พ่อบ้านฉินยังคงมองไปยังทิศทางที่ฉินหร่านจากไป “ถ้านายท่านยังอยู่ ถ้าคุณหนูฉินหร่านเติบโตมากับตระกูลฉิน…”
ขนาดเธอระหกระเหินอยู่ข้างนอกตั้งแต่เด็ก ความอัจฉริยะของเธอยังเฉิดฉายแบบนี้ได้ ถ้าตระกูลฉินเรืองอำนาจเหมือนในอดีตและเลี้ยงดูเธอตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เธอจะเป็นยังไง?
พ่อบ้านฉินเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม สองพี่น้องคู่นี้ ฉินหลิงสืบทอดพรสวรรค์ด้านคอมพิวเตอร์ของตระกูลฉิน ส่วนฉินหร่านสืบทอดทางด้านสติปัญญามาจากนายท่าน...
ในที่สุดตระกูลฉินก็ผลิตอัจฉริยะที่สามารถเข้าสถาบันวิจัยได้อีกคนในรอบหลายปีมานี้
“ต่อไปคุณไม่ต้องสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องหร่านหร่าน” ฉินซิวเฉินละสายตา เขาเหลือบมองพ่อบ้านฉินพลางกำชับอย่างจริงจัง “อย่าเอาเรื่องตระกูลฉินมายัดเยียดให้เธอ”
พ่อบ้านฉินถอนหายใจและหลุดหัวเราะ “คุณชายหก คุณคิดมากไปแล้ว”
ตอนนี้พวกเขากำลังตกต่ำ ไม่มีอำนาจสถาบันวิจัยอยู่ในมือแล้ว ตอนนี้จึงเหลือแค่โปรเจกต์ด้านไอทีอยู่จำนวนหนึ่ง พวกเขาจะหาเรื่องเกี่ยวกับสถาบันวิจัยมายัดเยียดให้ฉินหร่านได้ที่ไหน?
ทั้งสองตากลมหนาวที่ชั้นล่างอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดพ่อบ้านฉินก็นึกถึงเรื่องฉินหลิงเมื่อคืนขึ้นมาได้ “เรื่องคุณครูของคุณชายน้อยได้เบาะแสบ้างไหมครับ…”
**
สุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากเรื่องเด็กเรียนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงในเวยป๋อ
GIFบนอินเทอร์เน็ตจึงโด่งดังภายในชั่วข้ามคืน (ความน่าสะพรึงกลัวเมื่อถูกเด็กเรียนม.เมืองหลวงเล่นงาน.JPG)(ใครยังไม่มีปริญญาใบที่สอง.JPG)
ทุกคนเปิดรายการไอดอล24ชั่วโมงดูอยู่หลายครั้ง
มีชาวเน็ตพบรายละเอียดมาไม่น้อย——
(ฮ่าฮ่าฮ่า เมื่อก่อนทำไมจับไม่ได้นะ หลังจากอัจฉริยะหนีออกจากบ้านกันได้ ทีมผู้กำกับก็คุยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรง!)
(ใช่ๆ ยังมีอีก หลังจากคำนวณเลขฐานสิบหกสามตัวแล้ว เสียงทีมงานที่ออกมาก็ฟังดูทื่อๆ )
(ทีมผู้กำกับสุนัข รายการพวกคุณชื่อไอดอล24ชั่วโมง แต่พวกคุณไม่เห็นหรือไงว่าฟ้ายังสว่างอยู่เลย ฉันว่าพวกคุณชื่อไอดอล8ชั่วโมงก็ไม่เลว55555)
ก่อนหน้านี้ที่ชื่อไอดอล24ชั่วโมงก็เพราะว่าถ่ายตั้งแต่ฟ้าสว่างยันดึก
ทางทีมรายการกำหนดด่านออกมาทั้งยากทั้งแปลก โดยปกติมักจะอัดรายการจนถึงสี่ทุ่มกว่า
ตอนนี้…
มีbugเพิ่มมาอีกแล้ว
ชาวเน็ตที่ดูวิดีโอต่างก็ตบโต๊ะหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง
ยังมีคนถ่อไปถึงเวยป๋อออฟฟิเชียลของรายการ อาละวาดว่ารายการเปลี่ยนชื่อเป็น “ไอดอล8ชั่วโมง” ไปเลยก็ได้
ออฟฟิเชียลรายการ : พวกคุณกล้าดียังไงมาอาละวาดแบบนี้?
มีผู้คนจำนวนมากมาอ้อนวอนขอเวยป๋อของฉินหร่านใต้รายการจนขึ้นเป็นความคิดเห็นยอดนิยมเพื่อเรียกร้องให้รายการเห็น
ในที่สุดรายการที่ถูกเยาะเย้ยก็หาโอกาสโต้กลับได้ ออฟฟิเชียลรายการตอบกลับไปอย่างไม่แยแส——
(ไม่มี)
กฎแห่งกรรมย้อนกลับมา
ชาวเน็ตร้องไห้เร่งขอตอนต่อไป
(แงงงงงงง ฉันตั้งตารอคอยเพื่อนของเทพอัจฉริยะมาก! คนที่เชิญมาจะเป็นประธานสมาพันธ์นักศึกษามหาวิทยาลัยเมืองหลวงหรือเปล่านะ? ทีมงานสุนัขไม่ปล่อยข่าวรั่วไหลออกมาเลย พวกเธอช่วยเร่งตอนให้มันระเบิดไปเลย!)
ฉินหร่านไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นบนอินเทอร์เน็ต ตอนนี้เธอยุ่งอยู่กับการหาหนังสือเพิ่มระดับให้ฉินหลิงอยู่
วันจันทร์
ฉินหร่านไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า
หลังจากเรียนช่วงเช้าเสร็จแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาดู เลี่ยวเกาอั๋งยังไม่อนุมัติวีแชทเธอเลย
เธอเอามือเท้าคาง ขณะกำลังคิดอยู่ว่าจะหยิบคอมพิวเตอร์มาแฮกข้อมูลเลี่ยวเกาอั๋งดีหรือไม่ แล้วค่อยโทรไปหาเขา
เธอก็ได้รับข้อความเพิ่มเพื่อนวีแชทมาหนึ่งข้อความ
ฉินหร่านกดดูข้อความที่อีกฝ่ายส่งมา——
(สวัสดี ฉันเป็นนักศึกษาผู้ช่วยประจำห้องปฏิบัติการของนักวิจัยเลี่ยว)
ฉินหร่านกดเพิ่มการติดต่อ
อีกฝ่ายไม่ตอบ
เธอจึงวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ อย่างส่งๆ แล้วไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด
เวลาบ่ายสามโมง ในที่สุดฉินหร่านก็ได้รับข้อความจากนักศึกษาผู้ช่วยท่านนั้น——
(เธอมาที่ห้องปฏิบัติการB317ที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สามก่อน)
เป็นประโยคง่ายๆ ได้ใจความ
ฉินหร่านมองข้อความได้สักพักก็เก็บหนังสือ ถือกระเป๋าเป้ไปที่ตึกปฏิบัติการ