ห้องปฏิบัติการชั้นใต้ดินชั้นที่สาม ห้องB317
เมื่อฉินหร่านเดินมาถึงหน้าประตูห้องปฏิบัติการ ก็เห็นผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวที่สวมชุดป้องกันกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องปฏิบัติการ
เธอยังถืออุปกรณ์ทดลองไว้ในมือ เมื่อเห็นฉินหร่านก็ลังเลได้สักพักก่อนจะกดเสียงถามเบาๆ “เธอคือนักศึกษาใหม่ที่สุ่มได้ห้องปฏิบัติการของนักวิจัยเลี่ยวใช่ไหม?”
ห้องปฏิบัติการมีสมาชิกใหม่ที่เป็นผู้หญิงน้อยมาก ในหนึ่งปีมีมาสองคนก็ถือว่าดีแล้ว สาวน้อยคนนี้ยังหน้าตาดีอีกด้วย
ฉินหร่านพยักหน้า เธอพูดด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังมาก “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฉินหร่าน”
ค่อนข้างสุภาพ
“อื้ม ฉันชื่อจั่วชิวหรง ตอนนี้เป็นนักศึกษาผู้ช่วยของนักวิจัยเลี่ยว” หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวละสายตากลับมา จากนั้นก็ก้าวออกมาข้างนอกหนึ่งก้าว “เธอมาเปลี่ยนชุดกับฉันก่อน ตอนนี้นักวิจัยเลี่ยวกำลังยุ่งมาก ไม่มีเวลาว่าง สัปดาห์นี้ฉันจะพาเธอไปทำความคุ้นเคยกับห้องปฏิบัติการก่อน”
ฉินหร่านเดินตามเธอไปยังห้องพักรับรองที่อยู่ถัดจากห้องปฏิบัติการ หยิบชุดป้องกันมาสวม
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ตามจั่วชิวหรงเข้าไปในห้องปฏิบัติการ
ห้องปฏิบัติการมีพื้นที่ใหญ่มาก เป็นทางยาว มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ละเอียดแม่นยำวางไว้มากมาย ชั้นวางรอบๆ เป็นบันทึกการทดลองและยังมีข้อมูลวิจัยทางวิศวกรรมบางส่วนวางไว้อย่างลวกๆ เนื้อหาข้อมูลเหล่านี้ล้วนเขียนโดยศาสตราจารย์และนักวิจัยของห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้มีบางส่วนที่เอามาจากสถาบันวิจัย
ห้องปฏิบัติการทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ล้วนกั้นด้วยกระจก
ฉินหร่านกับจั่วชิวหรงยืนอยู่ในโซนนอกสุด
ด้านในยังมีอีกสองชั้น สามารถมองเห็นร่างสองร่างที่อยู่ชั้นในสุดได้ แต่มองเห็นหน้าไม่ชัด
“นี่คือคู่มือพื้นฐานของพวกเธอที่เอาไว้ใช้ในห้องปฏิบัติการ ถ้าไม่มีอะไรทำก็อ่านให้มากๆ ห้องปฏิบัติการของพวกเรารวมกันแล้วก็มีนักศึกษาแค่สามคน คนนั้นที่อยู่ด้านในคือรุ่นพี่เยี่ย” จั่วชิวหรงหยิบหนังสือคู่มือที่ชั้นวางหน้าประตูห้องปฏิบัติการให้ฉินหร่านและกำชับอีกรอบว่า “นักวิจัยเลี่ยวกำลังทำวิจัยที่สำคัญมากโครงการหนึ่ง สองโซนนอกเธอทำกิจกรรมได้ตามสบาย แต่อย่าแตะต้องของซี้ซั้ว และก็ห้ามไปรบกวนนักวิจัยเลี่ยวที่โซนด้านในสุด”
ฉินหร่านพยักหน้า เปิดดูคู่มือคร่าวๆ ใบหน้าที่บอบบางก้มลงพลางตอบไปอย่างสุขุม “ค่ะ”
จั่วชิวหรงเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะเข้าไปส่งอุปกรณ์ให้นักวิจัยเลี่ยว
นักวิจัยเลี่ยวกำลังดูข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอมอนิเตอร์ ขมวดคิ้ว
“นักวิจัยเลี่ยว นักศึกษาใหม่มาแล้วค่ะ เธออยู่ข้างนอก” จั่วชิวหรงบอก
นักวิจัยเลี่ยวพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรและไม่ได้เดินออกไปดู
เดิมทีเขาก็ไม่ได้ประจำอยู่ที่ห้องปฏิบัติการอยู่แล้ว เขามาจากสถาบันวิจัยเพื่อทำการทดลอง ตอนที่นักวิจัยเลี่ยวอยู่ที่สถาบันวิจัยก็รับนักศึกษาใหม่น้อยมาก เนื่องจากยุ่งยากเกินไป ดังนั้นเขาจึงมีจั่วชิวหรงและรุ่นพี่เยี่ยเพียงแค่สองคนมาโดยตลอด
กระบวนการทดลองมักจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ห้องปฏิบัติการใหญ่ๆ มีอุปกรณ์ทดลองเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กอยู่แล้ว ทั้งหมดมาจากสถาบันวิจัย ตราบใดที่นักศึกษาสามารถควบคุมกระแสไฟและปริมาณปฏิกิริยาได้ ก็สามารถทำปฏิกิริยาฟิวส์ชันขนาดเล็กได้เช่นกัน
แต่แค่ว่าปฏิกิริยานี้ยังคงมีช่องโหว่ที่ใหญ่มาก เขาเคยคุยกับนักวิจัยคนอื่นในสถาบันวิจัยอยู่หลายครั้ง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบวัสดุที่สามารถแทนที่สนามแม่เหล็กและเลเซอร์เพื่อควบคุมกระบวนการเกิดปฏิกิริยาได้
ห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ชั้นใต้ดินมีเครื่องปฏิกรณ์อยู่หนึ่งเครื่อง เป็นเครื่องปฏิกรณ์ที่นักวิจัยทิ้งไว้ในสถาบันวิจัยเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว
ภายนอกเครื่องปฏิกรณ์มีโลหะไม่ทราบชื่ออยู่หนึ่งชั้น
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครในสถาบันวิจัยพบชื่อวัสดุที่เป็นโลหะนั้นออกมาได้เลย
นักวิจัยเลี่ยวดูข้อมูลตัวเลขแล้วกลับไปที่โต๊ะทดลองด้านหลัง
“เสี่ยวเยี่ย เพิ่มสนามแม่เหล็กใหญ่” เขามองไปที่ไมโครนิวเคลียร์ฟิวส์ชันในฝาครอบแก้ว
รุ่นพี่เยี่ยที่อยู่ข้างๆ เดินไปอีกฝั่งแล้วกดปุ่มบนเครื่องมือ เพิ่มกระแสไฟและควบคุมสนามแม่เหล็ก
เมื่อเห็นท่าทีนักวิจัยเลี่ยว จั่วชิวหรงก็ไม่ได้พูดถึงนักศึกษาใหม่อีก
“เอาข้อมูลการทดลองที่เรียบเรียงไว้เมื่อวานมาให้ฉัน” นักวิจัยเลี่ยวมองดูปฏิกิริยา วางมือบนขอบแว่นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
จั่วชิวหรงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เดินออกไปข้างนอก
ด้านนอก
หลังจากที่ฉินหร่านอ่านคู่มือห้องปฏิบัติการเสร็จแล้ว เธอก็เดินชมห้องปฏิบัติการโซนนอกสุด สิ่งที่เธอกำลังเพ่งความสนใจคือข้อมูลห้องปฏิบัติการ317และการวิจัยด้านวิศวกรรมที่วางอยู่บนชั้นรอบๆ
“ฉินหร่าน” จั่วชิวหรงเดินออกมาข้างนอก เธอมองไปที่หนังสือบนชั้นวางที่ฉินหร่านเหลือบดู “เรียบเรียงบันทึกการทดลองของเมื่อวานให้หน่อยสิ พิมพ์เสร็จแล้วก็เอามาให้ด้วย มันอยู่ในคอมพิวเตอร์ข้างหลังเธอน่ะ”
พอพูดจบเธอก็กลับเข้าไป
มือที่เปิดหนังสือชะงัก
ฉินหร่านเหลือบมองไปข้างหลัง พบว่ามีคอมพิวเตอร์แอลซีดีเครื่องหนึ่งวางไว้ตรงมุมห้อง คอมพิวเตอร์ยังคงเปิดอยู่ ในนั้นมีไฟล์เอกสารที่เรียงกันอย่างหนาแน่น
เอกสารมีการระบุวันที่และหมายเลขซีเรียล
ฉินหร่านดูได้สักพักก็พบบันทึกข้อมูลของเมื่อวานในหน้าสุดท้าย ข้อมูลค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ทั้งหมดถูกสแกนลงไปโดยตรง และยังมีแบบฟอร์มจำนวนมากที่ดูยุ่งเหยิง
ฉินหร่านดึงเก้าอี้มานั่งจัดแบบฟอร์ม จัดลำดับบันทึกการทดลองและข้อสรุปออกมาใหม่
เวลาผ่านไปสิบนาทีเธอก็กดพิมพ์ออกมา
ยื่นมือเปิดดู เมื่อพบว่าไม่มีปัญหาก็เดินไปที่ห้องปฏิบัติการชั้นในสุดโดยตรง เธอยืนอยู่หน้ากระจก ไม่ได้เข้าไปข้างใน งอนิ้วเคาะกระจกด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังมาก
พอจั่วชิวหรงเห็นเธอ ก็ออกมาข้างนอก เดินมาที่คอมพิวเตอร์แล้วถามว่า “ในบันทึกข้อมูลมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจหรอ?”
ข้อมูลในแต่ละวันทั้งยุ่งยากและซับซ้อน ที่ผ่านมาล้วนเป็นจั่วชิวหรงกับรุ่นพี่เยี่ยที่ผลัดกันมาจัดเรียง ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องนั้นมาจากสถาบันวิจัย
เมื่อเห็นฉินหร่านเดินมาหาเธอ แน่นอนว่าปฏิกิริยาแรกจั่วชิวหรงย่อมคิดว่าฉินหร่านน่าจะมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจ
“เปล่าค่ะ” ฉินหร่านยื่นเอกสารที่พิมพ์ออกมาให้จั่วชิวหรง พูดอย่างเชื่องช้า “พิมพ์เสร็จแล้ว”
“หือ?” จั่วชิวหรงผงะ
เร็วขนาดนี้เลย?
เธอก้มหน้าเอื้อมมือไปหยิบบันทึกการทดลองแล้วเปิดดู ในบันทึกนั้นได้เรียบเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น
จั่วชิวหรงนำบันทึกการทดลองไปมอบให้กับนักวิจัยเลี่ยว จากนั้นก็หยิบแบบฟอร์มออกมาหนึ่งชุดแล้วรีบยื่นให้ฉินหร่านอย่างเร่งรีบ “คำนวณผลลัพธ์ออกมาหน่อย”
ฉินหร่านรับมา เธอดูได้สักพักก็ล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋า ยืนอยู่ข้างนอกมองดูสามคนนั้นที่อยู่ข้างในพักหนึ่ง
จากนั้นก็กลับไปที่ชั้นนอกสุด หยิบหนังสือบนชั้นขึ้นมาอ่านเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
แล้วค่อยเปิดซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์ พิมพ์ชุดตัวเลขไปชุดหนึ่งและดูผลลัพธ์ที่แสดงด้านบน
หยิบปากกาเขียนตัวเลขอย่างสวยงามตวัดดั่งหงส์ร่อนมังกรรำก่อนจะถือไปให้จั่วชิวหรง ครั้งนี้ใช้เวลาตามปกติ จั่วชิวหรงจึงไม่ได้พูดอะไร
ฉินหร่านลากเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ออกมานั่งไขว่ห้าง วางหนังสือไว้บนตัก เอนหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับอ่านอย่างช้าๆ
ท่ามกลางแสงตะเกียง ใบหน้าราวกับหยกเย็น
ขณะที่รุ่นพี่เยี่ยถือแก้วน้ำตัวเองออกมากดน้ำที่ตู้กดน้ำด้านนอก ก็เห็นนักศึกษาใหม่กำลังเปิดหนังสือ เขานิ่งไปพักหนึ่ง ความงามแบบนี้หาได้ยากในห้องปฏิบัติการจริงๆ
เขาชำเลืองมอง หนังสือที่อีกฝ่ายเปิดคือบันทึกพงศาวดารภาควิชาฟิสิกส์
“เธอคงเป็นรุ่นน้องที่มาใหม่สินะ” รุ่นพี่เยี่ยแนะนำตัวกับฉินหร่าน
ฉินหร่านทักทายเขาแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
แววตาเยือกเย็น
รุ่นน้องที่มาใหม่ดูเท่ไปหน่อย รุ่นพี่เยี่ยรับน้ำมา ยืนอยู่ที่ตู้กดน้ำ เขาดื่มไปด้วยพลางมองฉินหร่านไปด้วย ดื่มน้ำจนหมดไปหนึ่งแก้ว
จากนั้นก็เดินไปที่ชั้นวางด้านข้าง หาข้อมูลออกมาเล่มหนึ่งแล้วเปิดดูขณะที่เดินไปหานักวิจัยเลี่ยวข้างใน
หลังจากเปิดเจอวิจัยที่นักวิจัยเลี่ยวต้องการแล้ว รุ่นพี่เยี่ยก็มองออกมาด้านนอก รุ่นน้องคนนั้นยังคงนั่งเปิดหนังสือนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบเสงี่ยม ท่าทางเหมือนลูกพี่ ไม่เหมือนคนมาใหม่ที่เพิ่งเข้าห้องปฏิบัติการด้วยอาการประหม่า
ฉินหร่านอ่านไปได้ครึ่งหนึ่ง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากเฉิงเจวี้ยน
ถามว่าเธอเลิกเรียนเมื่อไหร่
ฉินหร่านดูเวลาก็เป็นเวลาห้าโมงครึ่งแล้ว
เปิดกล่องแชทแล้วค่อยๆ พิมพ์ไปหนึ่งบรรทัดว่า——
(อยู่ห้องปฏิบัติการ ไม่รู้ว่าเขาจะทำการทดลองไปจนถึงกี่โมง)
ตอนนี้ฉินหร่านยังไม่ได้เจอหน้านักวิจัยเลี่ยวเลยด้วยซ้ำ ส่งข้อความเสร็จก็โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะส่งๆ เปิดดูพงศาวดารต่อ
ในพงศาวดารบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งห้องปฏิบัติการจนถึงปัจจุบัน มีการปรับปรุงถึงปีที่แล้ว ฉินหร่านเปิดดูสักพักก็พบว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อนยังคลุมเครือมาก
เธอใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการอ่านหนังสือตั้งแต่ต้นจนจบ
ฉินหร่านปิดหนังสือ มือยันโต๊ะลุกขึ้น พิงโต๊ะแล้วกดโทรศัพท์ ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม
เธอเก็บหนังสือไว้บนชั้นวาง
ตอนที่หันกลับมา นักวิจัยเลี่ยวและคนอื่นๆ ก็ออกมากันแล้ว
นักวิจัยเลี่ยวไม่ได้ถอดชุดป้องกัน เขาเอามือวางบนกรอบแว่นตาสีทองพลางมองฉินหร่าน “เธอ”
เขาใช้สมาธิไปกับการทดลอง จึงไม่ได้สนใจที่จั่วชิวหรงคุยกับเขา
จั่วชิวหรงเอ่ยขึ้นมาอยู่อีกด้าน “นักวิจัยเลี่ยว นี่คือฉินหร่านนักศึกษาใหม่ค่ะ”
“อืม ฉินหร่าน” นักวิจัยเลี่ยวพยักหน้า “ต่อไปถ้ามีอะไรไม่เข้าใจเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการก็ดูข้อมูลจากที่วางไว้สองด้านนี้หรือจะสอบถามจากพวกเขาสองคนก็ได้ หรือจะเรียกถามฉันก็ได้เหมือนกัน”
หลังพูดจบก็เดินออกไปข้างนอก
“รุ่นน้อง เราไปกินข้าวกัน” จั่วชิวหรงถอดชุดป้องกันออก จากนั้นมองไปทางฉินหร่าน “เธอจัดของในห้องปฏิบัติการสักหน่อย ไม่มีอะไรแล้วก็ไปกันได้”
ฉินหร่านเอามือกอดอก ยืนอยู่ในห้องปฏิบัติการครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปข้างในอย่างหงุดหงิด
ขณะที่มือเพิ่งสัมผัสโวลต์มิเตอร์
โวลต์มิเตอร์ก็ถูกคนดึงออก