บทที่ 289 การสู้รบครั้งที่หนึ่ง

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 289 การสู้รบครั้งที่หนึ่ง
ร้อยกว่าคน แบกอาวุธร้ายแรงร้อยกว่ากระบอก เรียงหน้าเป็นแถว บีบเข้ามาทางถ้ำ

  

เหมือนอยู่ภายใต้ไฟอันร้อนแรง นอกจากฉินเทียน ฉานเจี้ยนและเหลิ่งหยุนสถานการณ์แบบนี้ คนอื่นๆ สามารถพูดได้ว่า ยากที่จะรอดไปได้

ดวงตามองดู พวกเขาเข้าใกล้ก่วนยี่ที่หลบอยู่หลังก้อนหินเข้ามาทุกที

  

ก่วนยี่เข้าใกล้ความอันตรายที่อยู่เบื้องหน้า

 

ณ เวลานี้ ลูกกระสุนพุ่งเข้ามาหนึ่งนัดจากฝ่ายตรงข้าม ยิงเข้าที่ปีศาจน้ำคนหนึ่ง

 

หนึ่งนัดยิงทะลุศีรษะ

  

ปีศาจน้ำคนนั้นไม่มีแม้เสียงโอดโอย ก็ฟุบลงบนพื้น

 

นักฆ่าคนอื่นๆ ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว พวกเขานึกว่า ในถ้ำฝั่งตรงข้ามยิงออกมา

  

จนถึง——

  

ปังปังปังปัง!

 

เสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง เพื่อนของพวกเขาที่อยู่ด้านข้าง ถูกยิงเข้าบนศีรษะคนละนัด หมอบกลิ้งลงพื้น

  

“มีสไนเปอร์!”

 

“อยู่ที่ไหล่เขาด้านตรงข้าม!”

 

“รีบซ่อนตัว!”เสียงตะโกนตกใจ พวกเขายิงปืนไปยังไหล่เขาฝั่งตรงข้ามอย่างเร่งด่วน หลังจากนั้นหาก้อนหินหลบซ่อนตัว

  

เหลิ่งหยุนอดที่จะถามอย่างอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้:“ลุงฉาน สไนเปอร์!คนนี้เก่งจริงๆ”

 

“เป็นคนของคำสาปสวรรค์ของพวกคุณหรือเปล่า?”

  

“ดูแล้ว คำสาปสวรรค์มีความหวังขั้นมาแล้ว!”

 

ฉานเจี้ยนมองดูฉินเทียนแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร

  

เหมยหงเซว่และคนอื่นๆ ต่างเป็นครั้งแรกที่ได้พบพานการสู้รบแบบนี้ ต่างตื่นเต้นมาก

  

ทุกคนหลบอยู่ในถ้ำ มองดูเหตุการณ์ข้างนอกอย่างไม่คาดสายตา

 

เห็นเพียง นักฆ่าเหล่านั้นแอบซ่อนตัวสักพัก มีหลายคนทนนิ่งดูดายไม่ไหว ตะโกนแล้ววิ่งออกมา

 

พวกเขาก็ถือว่ามีประสบการณ์ จำนวนหลายคน วิ่งออกมาในเวลาเดียวกัน อีกทั้งวิ่งตีวงโค้ง รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

  

แต่ว่า ลูกปืนที่มาจากไหล่เขา เหมือนกับว่าได้ติดสัญญาณการตรวจจับเอาไว้

 

หนึ่งนัดหนึ่งคน

  

ใครก็หลบหลีกไปไม่ได้

 

ชั่วครู่เดียว บนชายหาดหินรกร้างด้านหน้า ยี่สิบกว่าสิบศพนอนอยู่

  

ทีมนักฆ่าเป็นร้อยกว่าคน เหลือประมาณแปดสิบกว่าคน ทั้งหมดหลบอยู่หลังก้อนหิน ไม่กล้าโผล่หัวมาอีก

  

“เป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่วิธีที่ดี ฉันออกไปกำจัดพวกเขาดีกว่า”เหลิ่งหยุนทนไม่ไหวแล้วจึงพูดออกมาอีกครั้ง

  

ฉินเทียนส่ายหน้า พูดเสียงสูง:“เหล่าพี่น้องฝั่งตรงข้ามฟังให้ดี!”

 

“พวกคุณไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือการป้องกันของสไนเปอร์ไปได้หรอก เอาอย่างนี้ไหม พวกเราเปลี่ยนวิธีกันดีไหม?”

“เพียงแค่พวกคุณวางปืนลง ผมรับรอง ทางด้านนี้จะไม่ยิงปืนออกไป”

“ที่เหลือ ก็มาวัดกันว่ามีดใครเร็วกว่า!”

 

หัวหน้าทีมนักฆ่าพิจารณาอยู่สักพัก ออกคำสั่งให้คนคนหนึ่ง วางปืนลงแล้วเดินออกไป

  

ปรากฏว่า สไนเปอร์บนไหล่เขา ไม่ได้ยิงปืน

  

หัวหน้าพูดออกมาอย่างโมโห:“เหล่าพี่น้อง วางปืนลง สู้ด้วยมือ!”

 

“พวกเราตั้งหลายคน ยังไงเสียก็สามารถฆ่าพวกเขาได้!”

  

“ใครสามารถตัดหัวฉินเทียนมาได้ เงินรางวัลหนึ่งพันล้านดอลลาร์!”

  

เดิมทีพวกเขาเป็นนักล่าเงินรางวัล ใช้เงินรางวัลก้อนใหญ่มาหลอกล่อ จึงคนกล้าหาญขึ้นมา

 

ตะเบ็งเสียงอย่างโมโห จากก้อนหินด้านหลัง พุ่งออกมาแล้ว

 

อาวุธที่อยู่ในมือ จากปืน กลายมาเป็นของมีคมที่เยือกเย็นและส่องประกาย

  

หนึ่งในนั้นคนหนึ่งแสนเจ้าเล่ห์ ทิ้งหอกไป หยิบปืนออกมาจากบริเวณเอวหนึ่งกระบอก ลองรวมตัวเข้าไป

 

เสียงปังดังขึ้น เหมือนเดิมหนึ่งนัดเข้าที่ศีรษะ

 

เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาจึงไม่ใครกล้าจับปืนอีก

  

ฉินเทียนยิ้มแล้วพูดว่า:“ลุงฉาน ถึงตาคุณแล้ว”

  

“คำสาปสวรรค์ออกรบที่ท้องทะเลครั้งที่หนึ่ง งั้นก็เริ่มต้นขึ้นเถอะ”

  

ฉานเจี้ยนตะเบ็งเสียงโทนต่ำ ไม้เท้าเหล็กกระทบลง เหมือนพายุเฮอริเคนที่พุ่งออกมา

  

“ฆ่า!”

  

“ฆ่าเลย!”

  

ผีหวูฉาง ชุยหมิง หม่าหงเทา เถียหนิงซวง เหมยหงเซว่……

 

คนของคำสาปสวรรค์ทุกคน แต่ละคนเหมือนกับเสือที่ออกจากกรง ตะครุบเข้าไปแล้ว

  

พวกเขาสิบกว่าคน ทว่าฝั่งตรงข้าม แปดสิบคนเต็มๆ

  

แปดสิบคนนี้ ทิ้งปืนไป ยังคงเป็นสุนัขจิ้งจอกที่โหดเหี้ยมทารุณเช่นเดิม

  

เพราะว่าพวกเขา เกือบทั้งหมดต่างเป็นคนที่มีความสามารถที่ออกมาจากหน่วยรบพิเศษ

  

คำสาปสวรรค์ หนึ่งต่อแปด การสังหารหมู่ได้เริ่มขึ้นแล้ว

  

ฉานเจี้ยนมือหนึ่งถือไม้เท้าเหล็กอีกมือหนึ่งถือดาบ พลังการต่อสู้แข็งแกร่งมาก

  

ผีหวูฉางโซ่เหล็กขนาดใหญ่ห้าสิบกว่ากิโลกรัมสะบัดออกไป ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพียงแค่ไม่ทันได้ระวังตัว แป๊บเดียวสมองก็ถูกทุบแตกแล้ว

 

หม่าหงเทาดาบซามูไรส่องประกายระยิบระยับ เหมือนดั่งเครื่องเก็บเกี่ยวที่มีชีวิต

  

เถียหนิงซวงเนื่องจากความโมโห

  

เพราะว่า เมื่อสักครู่ถูกเหลิ่งหยุนกดเอาไว้ ภายในใจของเธอ อดกลั้นความโมโหเอาไว้ตลอด

  

ถึงแม้เธอจะรู้ว่า ไม่ว่าด้านความสามารถหรือประสบการณ์ของเธอ จะด้อยกว่าเหลิ่งหยุนอยู่มาก แต่ว่า เธอก็ต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง

  

ส่วนคนอื่นๆ เหมยหงเซว่ ถงชวน เถียปี้ อะเปิน หลังจงและเถียเจี้ยง

  

นำเอาพลังและแรงขับเคลื่อนออกมาอย่างสุดกำลัง

  

เพราะว่าพวกเขาต่างรู้ดี ด้านหลังที่มองอยู่ ไม่ได้มีเพียงฉินเทียน

  

ยังมีเหลิ่งหยุนกับแก๊งงูของเธอ

 

การรบครั้งนี้ เกี่ยวกับหน้าตาของคำสาปสวรรค์!

  

มองดูสักพัก งูเขียวหางไหม้อดที่จะยิ้มแช่งออกมาไม่ได้ พูดว่า:“ราชินีงู คนพวกนี้ใช้ได้เลยทีเดียวนะ”

  

“ยังมีน้องสาวคนนั้นด้วย คิดไม่ถึงว่าจะลงมือโหดขนาดนั้น”

  

“มองซะผมขนลุกขึ้นมาเลย”

เหลิ่งหยุนยิ้มออกมาอย่างเย็นชาพูดว่า:“เป็นที่รักของหัวหน้าใหญ่ฉิน แน่นอนว่าก็ต้องมีความสามารถอยู่บ้าง”

  

“ต่อให้เป็นคนไม่เอาไหน หัวหน้าใหญ่ฉินพร่ำสอนด้วยตัวเองทุกวันทุกคืน ก็สามารถอบรมให้เป็นมือดีได้”

  

“ฉันพูดถูกหรือไม่? ศิษย์พี่?”

ฉินเทียนหน้าตาขุ่นเคืองไม่พูดอะไร ถือซะว่าไม่ได้ยิน

 

คำสาปสวรรค์แม้จะแข็งแกร่ง แต่ว่า เพราะว่าคนของฝ่ายตรงข้ามมากเกินไป

  

อีกทั้งต่างเป็นผู้รอดชีวิตจากการสู้รบที่มีประสบการณ์ช่ำชอง

 

โดยเร็ว เหมยหงเซว่ไม่ระวังตัวแวบเดียว ต้นขาก็ถูกกรีดหนึ่งที เจ็บปวดจนเธอเกือบจะล้มลงไป

  

ดีที่ว่า ถงชวนที่อยู่ด้านข้างกระโดดเข้ามา ปาดคอฝั่งตรงข้ามคนนั้นเป็นเส้นตรงไปหนึ่งที

  

แล้วก็หลังจงกับเถียเจี้ยงก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว

  

การสู้รบพึ่งจะดำเนินไปครึ่งหนึ่ง จากการตายของฝั่งตรงข้าม ยังสามารถสู้ต่อได้ เหลือประมาณสี่สิบกว่าคน

  

ทางด้านคำสาปสวรรค์ เถียหนิงซวงก็บาดเจ็บ

  

“ราชินีงู พวกเราไม่ลงมือเหรอ?” งูหางกระดิ่งถามออกมาอย่างหนักแน่น

  

เหลิ่งหยุนมองไปยังฉินเทียน

  

ฉินเทียนยิ้มออกมาอย่างเย็นชาพูดว่า:“ถ้าแม้แต่สงครามเล็กน้อยแค่นี้ยังสู้ไม่ได้ พวกเขาก็คงไม่เหมาะที่จะถูกเรียกว่า ‘คำสาปสวรรค์’”

  

เหลิ่งหยุนเผยรอยยิ้มพูดว่า:“หัวหน้าใหญ่ฉินต้องการฝึกทหาร ไม่ใช้งานพวกเรา งั้นก็นั่งอยู่เฉยๆเถอะ”

  

เวลานี้ เธอเองก็ถูกจิตวิญญาณแบบนี้ของคำสาปสวรรค์ทำให้ซาบซึ้งแล้ว

  

เพราะว่าถึงแม้ว่าจะบาดเจ็บ ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับข้าศึกที่มากว่าตัวเองหลายเท่า คำสาปสวรรค์ไม่เพียงไม่เกรงกลัว

  

กลับกันคือ ยิ่งรบยิ่งแกร่ง!

 

ก็เหมืนอกับสัตว์เดรัจฉาน บาดเจ็บแล้ว ได้เห็นเลือด กลับกันยิ่งโหดเหี้ยมแล้ว

 

ฉานเจี้ยนพูดอย่างหนักแน่น :“เหล่าพี่น้อง สามจิตเจ็ดวิญญาณ รวมตัว!”

  

ได้ฟังคำพูดของเขา เดิมทีทุกคนต่างสู้รบอย่างกระจัดกระจาย ทันใดรวมตัวกันเป็นแบบเจิ้นสิง(เจิ้นสิง เป็นการตั้งวงในการสู้รบในแบบของจีนโบราณ เพื่อทุกคนในกลุ่มจะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน)หลายกลุ่ม

 

ฉานเจี้ยน ผีหวูฉาง ชุยหมิงและหม่าหงเทาเป็นแกนกลาง คนอื่นๆ ตั้งวงล้อมรอบ

  

เจิ้นสิงเล็กๆสี่กลุ่ม ช่วยเหลือเกื้อกูล น้ำสักหยดก็ไม่เล็ดลอด เหมือนกับใบมีดกงจักรยังไงอย่างงั้น ผ่านไปที่ใด ฆ่าจนอีกฝ่ายกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง

  

ต่อมา พวกเขาต้านไม่ไหวจริงๆแล้ว ตะโกนวิ่งหนี

  

มีหลายคนวิ่งมาด้านหลังก้อนหิน หยิบปืนกลขึ้นมาอีกครั้ง

  

ปัง!

  

ปังปังปัง!

สไนเปอร์ที่หลบอยู่ที่ไหล่เขา เหมือนกับยิงลูกโป่งยังไงอย่างงั้น หนึ่งคนหนึ่งนัด ทั้งหมดล้มลง

  

ที่เหลือไม่กล้าหยิบปืน วิ่งตรงไปทางทะเล

 

ทันใดไม้เท้าเหล็กของฉานเจี้ยน โบกไป พูดอย่างหนักแน่น:“อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”

 

เถียหนิงซวงและคนอื่นๆ พุ่งเข้าไปแล้ว จนถึง เจ้าคนสุดท้าย ฆ่าตายอยู่ในทะเล

  

“แม่งสุดๆไปเลย!”

 

“สมควรแล้วที่เป็นคำสาปสวรรค์ วันนี้ถือว่าได้เปิดโลกแล้ว!”มองเห็นฉานเจี้ยนผลักคนออกไปแล้วเดินกลับมา งูเขียวหางไหม้อดที่จะตะโกนออกมาอย่างดีใจไม่ได้

 

เหลิ่งหยุนพ่นลมหายใจออกมา ยื่นมือไปหยิบยาทาสองกล่องออกมา ส่งมาที่ด้านหน้าของเถียหนิงซวงกับเหมยหงเซว่

  

“ทาแล้ว ไม่เพียงสามารถห้ามเลือดได้โดยเร็ว การรักษาบาดแผล ยังสามารถทำให้ไม่เป็นแผลเป็น”

  

“จะเอาไหม?”