บทที่ 290 ผมเชื่อมั่นในสายตาของผม

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 290 ผมเชื่อมั่นในสายตาของผม
“ขอบคุณ”

  

เถียหนิงซวงกับเหมยหงเซว่ลังเลสักพัก แต่ก็ยังรับเอาไว้แล้ว

  

เลือดตกยางออกอะไร พวกเธอต่างไม่ได้สนใจมาตั้งนาน

 

แต่ว่า เหลิ่งหยุนพูดว่า สามารถทำให้ไม่เป็นแผลเป็น สิ่งนี้สำหรับพวกเธอแล้ว ยากที่จะปฏิเสธจริงๆ

  

เหลิ่งหยุนเผยรอยยิ้ม:“ไม่เป็นไร”

  

“วันนี้พวกคุณลบหลู่ฉัน แค้นนี้ ไม่ช้าก็เร็วฉันต้องชำระ”

 

เถียหนิงซวงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา:“ฉันรออยู่ตลอดแหละ”

  

งูเขียวหางไหม้คิดจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดพูดออกมา:“ว้าว นั่นคือเทพแห่งสไนเปอร์ใช่ไหม?”

 

ทุกคนรีบมองไป

  

เห็นเพียงในความมืดด้านนอก มีเงาของร่างหนึ่งเดินเข้ามา

  

มองดูแล้วช่างธรรมดา ดูเป็นคนซื่อๆ อยู่ในกลุ่มผู้คน คงดูไม่ออกอย่างแน่นอน

  

ตอนนี้สิ่งที่ค่อนข้างสะดุดตาคือ ด้านหลังของเขา แบกเจ้าสิ่งยาวๆเอาไว้

  

“นี่คือ——”ในกลุ่มคนทั้งหมด ฉานเจี้ยนค่อนข้างมีความรู้เรื่องปืน ก่อนหน้านี้ตอนเขาปกปิดชื่อสกุลจริง ก็ใช้ชื่อปืนเก่าแก่แทน

  

เขามองอย่างละเอียดสักพัก พูดว่า:“โมซิน-นากองท์M1944คาร์บิน?”

  

“คิดไม่ถึงเลย กดทับลงมาจนทหารรับจ้างร้อยกว่าคนโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว กลับเป็นปืนเก่าแก่กระบอกนี้”

  

“เจ้าเพื่อนยากคนนี้ เทพจริงๆ”

  

“เจ้าสำนัก คุณไปหามาจากไหน?”

  

เหลิ่งหยุนขมวดคิ้วเป็นปม พูดว่า:“ถ้าคาดไม่ผิดละก็ เขาคงจะซุ่มอยู่ที่ไหล่เขานานแล้ว”

 

“กลับสามารถหลบหูหลบตาของฉันได้ หลบอยู่เหนือศีรษะของฉันได้ตั้งนาน”

  

“เจ้าคนนี้ ฉันคงต้องทำความรู้จักสักหน่อยแล้ว”

 

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มทว่าไม่พูดอะไร

  

เห็นเพียงคนคนนั้นเมื่อมาถึงปากถ้ำ ตะโกนเสียงดัง:“ขอคารวะราชาเทพ!”

 

“พี่เฉินฝากข้าถามไถ่”

  

“เป็นคนของเฉินเอ้อร์กั่ว?”เหลิ่งหยุนจ้องมองฉินเทียน กัดฟันถาม:“คุณเอาภารกิจมอบให้ฉันแล้ว ยังให้เฉินเอ้อร์กั่วยื่นมือเข้ามา?”

  

“เยี่ยงไรถึงทำเช่นนี้!”

  

“คุณต้องอธิบายกับฉันสักหน่อยไหม?”

  

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มพูดว่า:“กลับไปค่อยบอกกับคุณ”

  

เขาออกไปต้อนรับแล้ว พูดว่า:“นายคือเถาฟางสินะ”

  

ผู้ชายคนนี้ตอบอย่างหนักแน่น:“ใช่!”

 

“ผมคือเถาฟาง พวกคุณก็สามารถเรียกผมว่าฟางเถาได้”

  

ฉินเทียนพยักหน้า พูดว่า:“มา ให้ผมดูปืนของคุณหน่อย”

  

เถาฟางรีบเอาปืนยื่นมาทันที

  

ฉินเทียนดึงผ้าที่พันอยู่ด้านนอกออก มองเห็นด้านใน ปรากฏว่าเป็นปืนยาวกระบอกหนึ่ง

 

การ์ดแฮนด์หน้ากับตัวลำปืน ต่างเสียดสีจนแวววับ

  

“เป็นสิ่งเก่าแก่จริงๆด้วย” งูเขียวหางไหม้นึกถึงอะไรบางอย่าง พูดว่า:“ไม่ใช่สิ แล้วกล้องเล็งปืนของคุณล่ะ?”

  

“เมื่อสักครู่จากไหล่เขามาถึงที่นี่ ก็มีระยะสองสามร้อยเมตร อีกทั้งเป็นตอนกลางคืน สภาพการณ์มองเห็นแบบนี้”

  

“คุณยิงได้แม่นขนาดนี้ น่าจะใช้กล้องเล็งจุดแดงอินฟราเรดใช่ไหม?”

  

ถ้าใช้จุดแดงเล็งเป้าละก็ งูเขียวหางไหม้รู้สึกว่า เขาเองก็พอฝืน สามารถทำได้

 

เถาฟางส่ายหน้า พูดว่า:“ผมไม่ต้องใช้กล้องเล็ง”

  

“ผมเชื่อมั่นในสายตาของผม”

  

งูเขียวหางไหม้ตะลึงงัน:“ระยะไกลขนาดนี้ ใช้สายตาเล็ง?”

  

“เป้าหมายระยะไกลที่สุดที่คุณสามารถยิงได้เท่าไหร่เหรอ?”

 

เถาฟางพูดเบาๆว่า:“สำหรับผมแล้ว สายตาของผม ก็คือแปดเท่า”

  

“ตอนนี้เป้าหมายระยะไกลที่สุด 800เมตรนะ”

 

โอ้วสุดยอด……

 

ไม่ใช่เพียงแค่งูเขียวหางไหม้ ผู้ที่ได้รู้ถึงความยาก ทั้งหมดต่างตกใจอย่างมากจนพูดไม่ออก

  

ไม่พูดไม่ได้ว่า คนเหล่านี้ เกิดมาก็เหมาะสมที่จะทำเรื่องอะไรบางอย่าง

  

ทว่าเถาฟาง ก็คือเกิดมาเพื่อเป็นสไนเปอร์

  

ในตอนนี้ โทรศัพท์ของฉินเทียนดังขึ้น เป็นเฉินเอ้อร์กั่วที่โทรมา

  

เฉินเอ้อร์กั่วถามออกมาอย่างเริงร่า:“หัวหน้า คนของผมคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

  

“คุณใช้เสร็จแล้ว ก็รีบส่งกลับมานะ”

  

“ต่อไปผมยังต้องอาศัยเขาเป็นหน้าเป็นตาน่ะ”

  

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มพูดว่า:“คนไม่เลวทีเดียว ใช้งานได้ดีมาก”

  

“เอ้อร์กั่ว ผมชอบคนแบบคุณมีจิตใจกว้างขวางกับส่วนรวม มีต้นกล้าดี ก็แนะนำให้ผมทันที”

  

“ผมก็คงทำได้เพียงรับเอาไว้อย่างลำบากใจแล้ว”

เอ้อร์กั่วรีบร้อนพูดว่า:“ไม่ใช่สิหัวหน้าใหญ่ คุณหมายความว่าอย่างไร?”

  

“อะไรที่เรียกว่าคุณรับไว้?”

 

“คุณอย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ!นี่เป็นคนของผม!”

 

“ก็แค่ให้คุณใช้เท่านั้น!”

  

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มพูดว่า:“เหลิ่งหยุนอยู่ข้างๆผม เธอพูดว่าคุณส่งคนยื่นมือเข้ามาในภารกิจของเธอ คือกำลังสงสัยความสามารถของเธอ”

 

“เธออยากคุยกับคุณ ผมเอาโทรศัพท์ให้เธอนะ!”

  

“อย่า!”น้ำเสียงของเฉินเอ้อร์กั่วเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งใจพูดเสียงสูง:“หัวหน้าใหญ่ คุณกำลังโกงผมอยู่นะ!”

  

“เถาฟางเป็นคนของคุณ คุณส่งเขาไปซุ่มดู เกี่ยวอะไรกับผม”

  

“เอ่อ……ฝากทักทายน้องสาวเหลิ่งหยุนแทนผมด้วยนะ”

 

“ไม่มีเรื่องอะไร ผมวางสายก่อน!”

 

พูดจบ รีบวางสายทันที

  

ฉินเทียนกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว เขากลัวว่าจะได้เจอเหลิ่งหยุน แต่ว่าเปรียบเทียบกับเฉินเอ้อร์กั่ว เขาถือว่าดีกว่ามากแล้ว

 

ครั้งแรกที่ได้เจอเหลิ่งหยุน เผ็ดร้อนและงดงามอย่างมาก ด้วยลักษณะนิสัยของเฉินเอ้อร์กั่ว แน่นอนว่าอยากลวนลามสักสองสามประโยคเป็นธรรมดา

  

ปรากฏว่า ถูกเหลิ่งหยุนจัดการอย่างคาดไม่ถึง นำกริชจอเข้าที่คอหอยโดยตรง

  

ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเทียนปรามเอาไว้ เฉินเอ้อร์กั่วสงสัย เหลิ่งหยุนกล้าฆ่าเขาจริงๆ

 

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ราชาสุนัขที่อยู่ในสังคมสาวสวยอย่างช่ำชอง ได้เจอเหลิ่งหยุน ก็กลายเป็นเหมือนเด็กผู้ชายมัธยมต้นไปทันที

  

“บัญชีนี้ ฉันจะไปหาเขาคิดบัญชีแน่นอน”เหลิ่งหยุนพูดอย่างหนักแน่น

  

ฉินเทียนยิ้มกับฉานเจี้ยนพูดว่า:“ลุงฉาน เถาฟางเพื่อนพ้องคนนี้ ต่อไปก็กลายเป็นคนของคำสาปสวรรค์ของพวกคุณนะ”

  

“อืม เมื่อสักครู่การร่วมมือของพวกคุณ สุดยอดมาก”

  

ฉานเจี้ยนพูดอย่างดีใจ:“มีเพื่อนพ้องเถาฟางมาเข้าร่วม คำสาปสวรรค์ก็เหมือนกับเสือติดปีก!”

  

“ขอบคุณเจ้าสำนัก!”

  

ก่อนหน้านี้คำสาปสวรรค์ ก็คือการสู้รบบนพื้นในระยะสั้น ค่อนข้างเก่งกาจ

  

แต่ว่าเมื่อได้เจอกับการฆ่าด้วยอาวุธปืนแบบนี้ ทำได้เพียงถูกตีจนหัวหดกลับเข้าถ้ำ

 

มีเถาฟางเทพแห่งปืนกระบอกนี้กดเอาไว้ พลังการสู้รบของคำสาปสวรรค์ คุณภาพสูงขึ้นอย่างมาก!

  

แต่ว่า ฉานเจี้ยนลังเลสักพัก พูดว่า:“เจ้าสำนัก คุณฆ่าทูตสวรรค์แล้ว ต่อไปจะหาที่อยู่ของปรมาจารย์พิษได้อย่างไร?”

  

เหลิ่งหยุนเองก็ถามอย่างสงสัย:“ใช่แล้ว คุณเตรียมวางแผนทำอย่างไร?”

  

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มพูดว่า:“พวกคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? เจ้าคนนี้ เป็นเพียงแค่ตัวเล็กๆ”

  

“พูดอย่างหมดเปลือก ก็คือเหยื่อ ใช้มาหลอกล่อพวกเราให้ติดเบ็ด”

  

“ถ้าผมทายไม่ผิดละก็ ทูตสวรรค์ตัวจริง น่าจะเป็นคนอื่น”

 

“จัดการสนามรบสักหน่อย กลับไปค่อยว่ากัน”

  

ก่วนยี่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พูดว่า:“ราชาฉิน ขอโทษด้วย!”

 

“เพราะการรายงานของพวกเราผิดพลาด จึงพาคุณกับเหล่าพี่น้องเข้ามาในกับดัก!”

  

“โชคดีราชาฉินคุณมีปรีชาญาณ มองแผนการร้ายนี้ออก วางแผนรับมือล่วงหน้า!”

 

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มพพูดว่า:“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

  

“บาดแผลที่ขาเป็นอย่างไรบ้าง? ให้หลังจงดูสักหน่อยไหม?”

  

ก่วนยี่รีบร้อนพูดว่า:“ขอบคุณราชาฉินที่เป็นห่วง!”

  

“บาดแผลเล็กน้อย ไม่เป็นไร!”

  

ทุกร่วมมือกัน นำเอาศพกับอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ ทิ้งลงทะเลไปทั้งหมด

  

คลื่นซัดสาดเข้ามา หายไปเหมือนไม่มีอะไร

  

เกาะเล็กๆกลับมาเงียบสงบ เหมือนกับชายชราที่ร่างกายอ่อนแออยู่อย่างเงียบสงบไม่พูดอะไร มองดูผู้คนที่เข้ามากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าอย่างเงียบๆ

  

ทุกคนนั่งสปีดโบ๊ท เวลาเที่ยงคืนโดยประมาณ กลับมาถึงคฤหาสน์ของหลู่ตี๋

  

ภายในบ้าน เต็มไปด้วยชายชุดดำ ทั้งหมดต่างถืออาวุธ

  

มองเห็นฉินเทียน หลู่ตี๋พุ่งเข้ามา พูดอย่างร้อนรน:“ราชาฉิน ผมได้ยินว่าเกิดเรื่องแล้ว กำลังเตรียมตัวพาคนไปช่วยเหลือ!”

 

“คุณกับเหล่าพี่น้องต่างไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

  

“ทูตสวรรค์ล่ะ? ถามถึงที่อยู่ของปรมาจารย์พิษออกมาได้หรือยัง?”

  

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มพูดว่า:“ไม่เป็นไร”

 

“ทุกคนทำงานกันมาทั้งคืน ต่างหิวแล้ว รบกวนคุณ เตรียมอาหารสักหน่อย”

  

“ไม่มีปัญหา ผมจัดการเอง!”

  

หลู่ตี๋ส่งสายตาไปยังลูกน้องคนหนึ่ง:“ยังไม่รีบไปจัดการอีก!”