ภาค 3 บทที่ 23 สิ่งที่จะทำ

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 23 สิ่งที่จะทำ โดย Ink Stone_Romance

คุณหนูจวินก้มตัวมองส่วนท้องของวัว ข้างกายเหมือนมีคนผู้หนึ่งเพิ่มขึ้นมา

“เจ้าดู สิ่งนี้แหละ”

ผู้ชายคนนั้นใช้ตะไบชี้รอยฝี หลังจากนั้นทิ่มอย่างแรงจนแตก แล้วเอาก้านกกก้านหนึ่งรับ

มีน้ำหนองไหลออกมาช้าๆ

“สิ่งนี้ทำไม?” นางเอ่ยถามไม่เข้าใจ

ผู้ชายหมุนตัวส่ายก้านกกในมือไปมา

“สิ่งนี้น่ะนะ จะทำให้คนชีวิตนี้ไม่ถูกฝีดาษทำร้าย นอกจากนั้นน่าจะปลอดภัยกว่าฝีของคนอยู่บ้าง” เขาเอ่ย

“จริงหรือหลอก?” นางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเอ่ยถาม พลางบีบจมูก

ในคอกวัวเหม็นจริงๆ นะ

ผู้ชายยักคิ้วให้นาง ยื่นก้านกกมา

“จริงหรือหลอก เจ้าไปลองดูไม่ใช่ก็รู้แล้วรึ” เขาเอ่ย

นางรีบถอยหลังหลีกหลบ ถลึงตาหงุดหงิดอยู่บ้าง

“ท่านทำไมไม่ลอง?”

ผู้ชายจิ๊ปากผายมือ

“ข้าเป็นหมอเทวดาอยู่ดีๆ ก็พอแล้ว ไม่อยากถูกคนไล่ตี” เขาเอ่ย

สิ้นเสียงของเขา ด้านนอกเสียงตะโกนก็ลอยมา

“พวกเจ้าสองคนทำอะไร?”

พร้อมกับที่ผู้ชายชาวนาสามสี่คนเดินเข้ามา

ผู้ชายรีบยิ้มลุกขึ้นยืน

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ผ่านทางทำเลดีจึงหยุดพักผ่อนสักครู่” เขาเอ่ย

ทำเลดีพักผ่อน?

“วิ่งมาในคอกวัวบ้านข้าพักผ่อน?” พวกผู้ชายชาวนานสีหน้าอึ้ง

พลันผู้ชายคนหนึ่งก็ยื่นมือชี้วัว

“พี่ ท่านดู ท้องวัวเลือดไหลแล้ว” เขาร้องบอก

ผู้ชายรีบโบกมือ

“ไม่ใช่เลือดไหล ไม่ใช่เลือดไหล” เขาเอ่ย “พวกเจ้าฟังข้าพูด นี่เป็น…

ได้ยินเขาจะอธิบาย บรรดาผู้ชายชาวนาจึงกดความโกรธชั่วคราว แต่กลับเห็นผู้ชายคนนี้คว้าเด็กผู้หญิงที่บีบจมูกคนนั้นไว้กระโดดข้ามคอกวัว วิ่งหนีประหนึ่งบินไปแล้ว

หนีไปแล้ว…

“มีโจรขโมยวัวเจ้าข้า!”

“มาช่วยกันเร็ว!”

“จับเขาไว้!”

หลังร่างเสียงตะโกนโหวกเหวก เสียงตีฆ้องตีกลอง หมู่บ้านภูเขาทั้งหมดถูกป่วนวุ่นวาย

เสียงฝีเท้ารัวสับสนดังมาจากด้านหลังร่าง

“คุณหนูจวิน”

คุณหนูจวินหันกลับมามองพวกท่านหมอเฝิง

บรรดาท่านหมอกำลังมองวัวเต็มลาน สีหน้าประหลาดใจ

พวกเขาได้ยินว่าเต๋อเซิ่งชางส่งวัวสิบกว่าตัวมา คุณหนูจวินยังให้ลิ่วเอ๋อร์มาบอกให้พวกเขารอดูของดี นี่ประหลาดจริงๆ นะ หรือวัวนี่มีตรงไหนใช้เป็นยาได้หรือ?

“คุณหนูจวิน บันทึกการรักษาของวันนี้เรียบเรียงเสร็จแล้ว” ท่านหมอเฝิงเอ่ย

คุณหนูจวินกลับไม่ได้ไปดูบันทึกการรักษากับพวกเขาทันทีเหมือนเมื่อวานเช่นนั้น

“บันทึกการรักษาเหล่านี้พวกท่านดูไปก่อนเถิด” นางว่า พูดจบก็หมุนตัวมองวัวอีก

พวกท่านหมอเฝิงมองหน้ากัน แลกสายตากันแล้วได้แต่จากไป

จนกระทั่งถึงเช้าวันที่สอง คุณหนูจวินก็ยังไม่ปรากฏตตัว

“ดูวัวอยู่ตลอด?”

“วัวมีอะไรน่าดูรึ?”

พวกท่านหมอถกกันเสียงเบา แต่เห็นชัดว่าวัวนี่สำหรับคุณหนูจวินแล้วน่าดูยิ่งนัก หนึ่งวันนี้นางล้วนไม่ได้มาให้ยาไถ่ถามผู้ป่วย

“คุณหนูจวินล่ะ? หรือคุณหนูจวินไม่สนพวกเราแล้ว?” ครอบครัวผู้ป่วยที่อารมณ์ยิ่งร้อนใจขึ้นทุกทีเอ่ยถามอยู่เป็นระยะ

บรรดาท่านหมอแต่ละคนเอ่ยปลอบ ในใจความแค้นก็ค่อยๆ บังเกิดขึ้นบ้าง

เวลานี้นางไม่ใช่ควรปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนมากขึ้นหรือ?

หรือรู้ว่าไม่มีความหวังอะไรแล้ว จึงไม่สนอีกต่อไป?

คงไม่ใช่วันไหนไม่เห็นนางขึ้นมา นางทิ้งพวกเขาหนีไปหรอกนะ? หมอบางคนถึงขั้นเกิดความสงสัยนี้

โชคดีที่คุณหนูจวินไม่ได้หายตัวไปอีกวันหนึ่ง ตกค่ำพวกท่านหมอก็ถูกเชิญไปถึงในอุโบสถ ยังไม่ทันเข้าประตูก็เห็นคุณหนูจวินยืนอยู่ในโถง

ในโถงโคมไฟสว่างตลอด ขับเด่นท่ามกลางสีของค่ำคืนด้านนอก พระพุทธรูปแลดูเรืองรองสว่างไสวดุจเทวาปรากฏ คุณหนูจวินผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าพระพุทธรูปยิ่งแลดูตัวเล็กบอบบาง

ได้ยินทุกคนเข้ามา นางก็หมุนตัวมาจากหน้าพระพุทธรูป

“ทุกท่านมาแล้ว” นางเอ่ย

บรรดาท่านหมอพยักหน้า จะวางบันทึกการรักษาในมือลง ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งกลับมองเห็นบนโต๊ะที่วางบันทึกการรักษาไว้ ด้านบนบันทึกวางหลอดทองแดงเรียวเล็กเส้นแล้วเส้นเล่าอยู่ มากมายถี่ยิบมีนับร้อยกว่าแท่ง

นี่คืออะร?

ในใจทุกคนคำถามแล่นผ่าน เสียงของคุณหนูจวินลอยตามมา

“วันนี้ข้าจะพูดกับทุกคน เรื่องที่พวกเรามาทำอะไรที่นี่”

เรื่องที่พวกเรามาทำอะไรที่นี่? ไม่ใช่รักษาฝีดาษหรือ? นี่ยังมีอะไรต้องพูดอีก?

บรรดาท่านหมอมองไปทางคุณหนูจวินสีหน้าไม่เข้าใจ

คุณหนูจวินมองพวกเขา ยิ้ม

“พวกเรามาที่นี่ เรื่องที่จะทำ จริงๆ ไม่ใช่รักษาฝีดาษ” นางเอ่ย

ในโถงพระพุทธรูปเงียบไปวูบหนึ่งจากนั้นก็อื้ออึง

อยู่ที่นี่ทุ่มเทความคิดวุ่นวายมาสิบวัน ถึงกับบอกว่ารักษาฝีดาษไม่ใช่เรื่องที่จะทำ?

ถ้าอย่างนั้นคืออะไร?

เล่นหรือ?

บรรดาท่านหมอสีหน้าสับสน ใบหน้ายากปิดบังความโกรธ

พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนางจึงมาทำเรื่องนี้ ต้องรู้ว่าฝีดาษโรคเช่นนี้ท่านหมอทั้งหลายล้วนไม่รับรักษา พวกเขาเผชิญหน้ากับสภาพน่ารันทดของผู้ป่วย ได้เห็นผู้ป่วยทั้งหลายตายจากไปด้วยความทุกข์ทรมาน ทนรับคำวิงวอนและความผิดหวังของพ่อแม่คนป่วย เผชิญหน้ากับจุดจบที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย สิ่งที่ค้ำจุนพวกเขาไม่ใช่ประโยคที่ว่าทำดีประโยคหนึ่งนั้นหรือ?

นางไม่มียาวิเศษฟื้นตายกลับเป็นได้ พวกเขาไม่เคืองแค้น พวกเขารู้ว่าฝีดาษนี่รักษายากจริงๆ

แต่คนที่บอกให้พยายามด้วยกันก็คือเจ้า ตอนนี้คนที่บอกว่าไม่ทำเรื่องนี้ก็คือเจ้าอีก

ที่แท้เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

“ข้าเคยพูดว่าฝีดาษโรคนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการให้ยาและการรักษา เมื่อเป็นโรคนี้ปุบ เจ็ดส่วนแล้วแต่ฟ้าลิขิต” คุณหนูจวินเอ่ย

นางเคยพูดจริง พวกเขาก็ยอมรับ

พวกท่านหมอมองนาง

คุณหนูจวินยื่นมือยันมุมโต๊ะเดินช้าๆหลายก้าว

“ดังนั้นฝีดาษ กุญแจสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่รักษาแต่เป็นการป้องกัน” นางเอ่ย

ป้องกัน?

บรรดาท่านหมอขมวดคิ้ว

“โรคจะป้องกันได้อย่างไร?” ท่านหมอคนหนึ่งเอ่ย “พิษฝีดาษไร้รูปไร้สี”

“พิษฝีดาษไร้รูปไร้สี แต่ใช้พิษต้านพิษได้” คุณหนูจวินเอ่ย “ไม่รู้พวกท่านมีความเห็นอย่างไร ข้าพลิกบันทึกเบ็ดเตล็ดหนังสือแพทย์บันทึกการรักษาที่มีมา…”

นางชี้ชั้นหนังสือในโถงที่วางกองไว้ นอกจากยาที่ขอมาจากสำนักแพทย์หลวง นางยังขอหนังสือมามากมาย

คลังหนังสือของสำนักแพทย์หลวง ไม่ใช่หมอคนใดก็แตะต้องได้ คุณหนูจวินวางหนังสือแพทย์เหล่านี้ไว้ในโถง ให้ท่านหมอทั้งหลายพลิกอ่านได้ตามใจ ตนเองก็พลิกดูอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน

แต่ทุกคนล้วนคิดว่าพลิกอ่านหนังสือแพทย์เหล่านี้เพื่อหาวิธีรักษาฝีดาษ เพราะเหตุนี้ยังถูกคนของสำนักแพทย์หลวงหัวเราะลับหลังว่าข้าศึกประชิดลับทวน

“ในบันทึกเบ็ดเตล็ดอันหนึ่งเขียนเรื่องหนึ่งไว้ ครั้งนั้นหลิ่งหนานฝีดาษระบาด คนป่วยตาย ในสิบมีแปดเก้าคน” นางเอ่ยต่อ

บรรดาท่านหมอที่นั่นพยักหน้า

ทุกคนมากน้อยล้วนรู้ว่าฝีดาษที่หลิ่งหนานรวดเร็วร้ายแรงมาก คนตายนับไม่ถ้วน ท้ายที่สุดบีบให้กองทหารประจำการสังหารหมู่คนป่วยติดโรค รันทดอย่างที่สุด

“ในนั้นข้าค้นพบเรื่องหนึ่ง คือในหมู่บ้านจำนวนมากที่คนทั้งหมู่บ้านล้วนติดโรค แต่ในนั้นกลับมีคนโชคดีไม่เป็นไร และคนเหล่านี้ก็คือคนที่ตอนยังเล็กเคยเป็นฝีดาษแล้วรอดมาได้” คุณหนูจวินเอ่ย “คนเหล่านี้ยังคงปลอดภัยไร้อันตราย ในขณะที่แทบทั้งหมู่บ้านติดพิษฝีดาษรวดเร็วและรุนแรง”

พวกท่านหมอตะลึง ยังมีเรื่องนี้? พวกเขาไม่ได้สังเกตุ แต่นี่บ่งบอกอะไรเล่า?

“นี่บ่งบอกว่าคนที่เคยเป็นฝีดาษจะไม่ถูกพิษฝีดาษเล่นงานอีกต่อไป” คุณหนูจวินเอ่ย “นี่บ่งบอกว่าพิษฝีดาษใช้พิษต้านพิษได้”

บรรดาท่านหมอพากันถกเถียง

“ต่อให้ท่านพูดถูก” ท่านหมอเฒ่าเฝิงปรามการถกเถียงของทุกคน เอ่ยกับคุณหนูจวิน “ถึงอย่างนั้นแล้วอย่างไร? ต้องหาคนที่เคยเป็นโรคฝีดาษมาดูแลคนป่วยหรือ?”

คุณหนูจวินยิ้ม

“ไม่ใช่ ให้ทุกคนเป็นฝีดาษครั้งหนึ่ง เช่นนี้ย่อมไม่มีวันถูกพิษฝีดาษเล่นงานอีกต่อไป” นางเอ่ย

คำพูดนี้ออกมาปุบ บรรดาท่านหมอตกตะลึงจากนั้นก็ส่งเสียงอื้ออึงอีกครั้ง

……………………………………….