บทที่ 24 ทำอย่างไร โดย Ink Stone_Romance
เฉินชียืนอยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงเอะอะด้านนี้อดไม่ได้มองเข้ามา สีหน้ากังวลอยู่บ้าง
คงไม่ใช่ท่านหมอเหล่านี้ในที่สุดก็ทนภาพอนาคตที่ยิ่งไร้ความหวังขึ้นทุกทีไม่ไหวหรอกนะ
ด้านในโถงพระพุทธรูปโคมไฟล้วนดั่งถูกปั่นกวน ลอยลิ่วปลิวส่ายเงานับไม่ถ้วน
“ท่าน นี่ไม่ใช่การก่อกวนใช่ไหม?”
“ต่อให้คนที่เคยเป็นฝีดาษไม่กลัวฝีดาษ ถึงอย่างนั้นคนที่เป็นฝีดาษมีสักกี่คนรอดชีวิตมาได้?”
“คุณหนูจวิน ท่านคิดวิธีไม่ออกก็ไม่ต้องบีบคั้นตนเองมากเกินไป”
บรรดาท่านหมอบางคนโกรธตั้งคำถาม บางคนถอนหายใจปลอบ แรงกดดันช่วงนี้มากอย่างแท้จริง แรงกดดันมหาศาล การกระทำและวาจาของคนเสียสติได้
คุณหนูจวินเคาะผิวโต๊ะ
“ข้ารู้ความหมายของพวกท่าน พิษฝีดาษดุร้าย ใครกล้ารับประกันว่าติดโรคแล้วยังจะรอดได้” นางเอ่ย “แต่หากมีพิษชนิดหนึ่งทำให้คนเกิดฝี แต่พิษอ่อนแอไม่ถึงชีวิตเล่า?”
เสียงในโถงใหญ่เงียบไปอีกครั้ง
“เช่นนี้คนผู้นี้ก็นับว่าเป็นฝีดาษไปแล้ว ในร่างมีพิษฝีดาษแล้ว เมื่อมีพิษฝีดาษมาโจมตีอีกเขาก็จะไม่ได้รับอันตรายอีกต่อไป” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ
ในโถงใหญ่ยังคงเงียบอย่างยิ่ง บรรดาท่านหมอต่างสีหน้าประหลาด ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงสงสัย
ฟังดูแล้วเหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่…
“มีพิษฝีชนิดนี้หรือ?” ท่านหมอคนหนึ่งเอ่ยถาม
ใช่แล้ว มีพิษฝีชนิดนี้หรือ? ทำให้คนป่วยแต่ไม่ถึงตาย ใช่ มีคนบางคนที่ติดฝีดาษแต่อาการของโรคไม่รุนแรงรอดมาได้ ทว่าก็พบยากเหลือเกิน ใครจะรู้ว่าฝีดาษที่ใครติดไม่รุนแรงบ้าง นี่ก็อย่างที่คุณหนูจวินพูดมาตลอด นั่นเป็นฟ้ากำหนด กำลังคนไม่อาจเลือกได้แม้แต่นิด
คุณหนูจวินพยักหน้า
“มีสิ” นางเอ่ย
มี?
ผู้คนอึ้งไปอีกครั้ง ทันใดนั้นท่านหมอคนหนึ่งก็มองตามมือของคุณหนูจวิน มือของคุณหนูจวินวางอยู่ที่มุมโต๊ะ มองตามมือของนางไป ข้างมือวางหลอดทองแดงเรียวยาวแท่งหนึ่งอยู่
ไม่ใช่แค่หลอดทองแดงแท่งหนึ่ง บนโต๊ะวางอยู่มากมายเรียงราย
หรือว่า…
ท่านหมอคนนั้นลุกขึ้นทั้งร่างขนลุกชัน คนไม่ทันรู้ตัวก็ก้าวถอยหลังก้าวหนึ่ง
คนอื่นถูกการกระทำนี้ของเขาชักนำ คิดอะไรได้มองไปบนโต๊ะบ้าง จากนั้นก็ถอยหลังพร้อมเพรียง สีหน้าสะพรึง
“นี่ นี่…” ท่านหมอเฒ่าเฝิงยังคงควบคุมตนเอง ชี้หลอดทองแดงบนโต๊ะ สั่นไม่อาจเอ่ยเป็นประโยค
คุณหนูจวินยื่นมือหยิบหลอดทองแดงเรียวแท่งหนึ่งขึ้นมา
“ใช่ ข้างในนี้เก็บพิษฝีไว้” นางเอ่ย
แม้เดาได้แล้ว แต่ได้ยินนางพูดยืนยันออกมา บรรดาท่านหมอก็ถอยหลังอีกก้าวหนึ่งสีหน้าหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัว นี่เป็นพิษฝีชนิดนั้นที่ข้าบอก ทำให้คนเกิดฝีแต่ไม่ถึงชีวิต” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย วางหลอดทองแดงลง
หลอดทองแดงเรียวกระทบกันเสียงกังวานใส อันหนึ่งชนอันหนึ่งเสียงดังขึ้นต่อกันพักหนึ่ง ในโถงใหญ่ที่เงียบสงบฟังดูแล้ววิกเวกวังเวงเป็นพิเศษ
เสียงหลอดเงียบลง ในอุโบสถก็ยังคงไร้เสียง
นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว บรรดาท่านหมอในสมองวุ่นวายล้วนไม่รู้ควรพูดอะไร ควรถามอะไร
“คุณหนูจวิน” ยังเป็นท่านหมอเฒ่าเฝิงเอ่ยปากก่อน แม้สีหน้าของท่านหมอเฒ่ายังคงสะพรึงไม่คลาย “ท่าน ท่านคิดจะทำอย่างไร?”
“ปลูกฝี” คุณหนูจวินเอ่ย “ให้เด็กที่ยังไม่ติดโรคปลูกฝี ให้พวกเขาหลังจากนี้ไม่ต้องถูกฝีดาษเล่นงาน ให้ผู้คนไม่ต้องกลัวอันตรายของฝีดาษอีกต่อไป”
ท่านหมอเฒ่าเฝิงรู้สึกเพียงเสียงแหบแห้ง
“ปลูกฝี หมายความว่าอย่างไร?” เขาเอ่ยถาม
“ก็ตามชื่อ” คุณหนูจวินเอ่ย ยื่นมือหยิบหลอดทองแดงเรียวอันหนึ่งวางไว้ริมปาก
การกระทำนี้ทำให้บรรดาท่านหมอในห้องใจผวาเนื้อตัวสั่นไปวูบหนึ่ง
นั่นเป็นถึงพิษฝีเชียวนะ
“จ่อตรงจมูกของคนที่ยังไม่ป่วย” คุณหนูจวินไม่ได้สนใจ “เป่าพิษฝีเข้าไปข้างใน”
พร้อมกับสิ้นเสียงของนาง ปากก็เป่าลมใส่หลอดทองแดงเรียวนั้น
เสียงพูดของเด็กสาวอ่อนนุ่ม ลมเป่ายิ่งเหมือนกล้วยไม้ แต่เวลานี้ลมเป่าเบาๆ ดุจกล้วยไม้นี่ ดังไปถึงในหูของบรรดาหมอในโถงพระพุทธรูปอันเงียบงันกลับประดุจถูกเข็มแทงเข้าที่ดวงใจ
ตัวสั่นทีหนึ่งหนาวขึ้นมา วูบหนึ่งทั้งร่างขนลุกชัน
“หลังจากนั้นคนผู้นี้ก็จะติดพิษฝี เริ่มขึ้นฝีสินะ?” ท่านหมอเฒ่าเฝิงเสียงสั่นเอ่ยถาม
คุณหนูจวินพยักหน้า
“ใช่” หน้านางมีรอยยิ้มเอ่ยตอบ
ถึงกับยังยิ้มออก?
นางรู้ว่านางกำลังพูดอะไรไหม?
สายตาของท่านหมอเฒ่าเฝิงมองผ่านคุณหนูจวินไปหยุดบนพระพุทธรูปเบื้องหลังร่างนาง
พระพุทธรูปนั่งสงบนิ่งอยู่ หลับตาเมตตากรุณา
“คุณหนูจวิน ท่านเคยคิดไหมว่า ท่านทำเช่นนี้กำลังสังหารคนหรือช่วยคน” ท่านหมอเฒ่าเฝิงสูดหายใจลึก สีหน้าเคร่งขรึมมองคุณหนูจวินเอ่ยถาม
สังหารคนหรือช่วยคน คำถามนี้ท่านหมอเฒ่าถามนาง นางก็เคยถามผู้อื่น
ไม่เพียงถาม นอกจากนี้ยังได้คำตอบด้วย
สังหารคน
นางก็เคยเห็นกับตามาก่อนว่าเด็กสองคนของครอบครัวนั้นตายอย่างไร
แม้อาจารย์บอกว่าเด็กสองคนนั้น ในบ้านมีเด็กป่วยอยู่ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจติดโรคแล้ว แต่อย่างน้อยตอนที่อาจารย์เป่าพิษฝีเข้าไปในจมูกของเด็กสองคนนั่น พวกเขาก็ยังไม่ป่วย พวกเขายังคงแข็งแรง
คุณหนูจวินหลุบตา
อาจารย์ ท่านสังหารเด็กสองคน ช่วยเด็กคนหนึ่ง
นี่คือสังหารคนหรือช่วยคน?
นี่คือสังหารคนก่อน ช่วยคนทีหลัง
แต่นี่ก็เปลี่ยนความจริงที่สังหารคนไม่ได้
คุณหนูจวินมองท่านหมอเฒ่าเฝิงแล้วกวาดตามองทุกคนในโถงพระพุทธรูป
“นี่ไม่ใช่ข้าคนแรกที่เสนอให้ทำเช่นนี้” นางเอ่ย “ในหมู่ชาวบ้านมีคนเอาเสื้อชั้นในของผู้ป่วยที่เป็นฝีดาษมาห่อเด็กที่ไม่ได้ป่วยไว้ แสร้งทำว่าเด็กคนนี้ติดโรค หวังว่าจะหลอกพิษฝีร้ายได้มานานแล้ว”
มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?
บรรดาท่านหมอสบตากัน พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
สถานที่ที่พวกเขาเคยไปน้อยนัก ไม่รู้คนในสถานที่มากมายขาดหมอขาดยา พวกเขาได้แต่อาศัยตนเองต่อสู้ไขว่คว้าโอกาสเอาชีวิตรอด รับมือกับหายนะของโรคร้าย
นางโชคดีมีอาจารย์พาเดินทางไปยังสถานที่มากมาย แล้วก็โชคดีต่อให้ไม่ได้เห็นกับตา ก็ได้ฟังอาจารย์เล่าเรื่องมากมาย
“ผลลัพธ์ของเรื่องนี้แน่นนอนว่าคนมากมายล้วนตายไป แต่ก็มีคนรอด นี่คือสังหารคนหรือช่วยคน? ข้าก็ไม่รู้” คุณหนูจวินเอ่ย
นี่ไม่ใช่สังหารคนแล้วก็ไม่ใช่ช่วยคน แต่เป็นทหารไร้ทางเลือกตัดมือ บรรดาท่านหมอก็ไม่รู้ควรตอบอย่างไร
ในโถงพระพุทธรูปเงียบไปครู่หนึ่ง
“คุณหนูจวินข้าเข้าใจความหมายของท่าน” หมอคนหนึ่งเอ่ยปากบอก “เพียงแต่นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ฝีดาษน่ากลัว แต่ไม่ใช่ทุกคนล้วนจะติดโรค เพื่อโรคที่ไม่แน่ว่าจะติด เป็นฝ่ายไปติดโรคล้มป่วยเอง เห็นชัดๆ ว่าอาจไม่ตายก็ได้ กลับจะไปทดลองให้ตาย นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว นี่ไม่มีทางมีคนยินดีทำแน่นอน”
บรรดาท่านหมอพยักหน้า
“ใช่แล้ว คุณหนูจวิน นี่ทำ…ทำให้คนยากจะยอมรับเกินไปแล้ว”
“…ต่อให้เป็นฝีดาษแล้วจะไม่มีทางเป็นอีก แต่เพื่อสิ่งนี้กลับจะเป็นฝ่ายไปเป็นฝีดาษเอง? นั่นเป็นการไปตายจริงๆนะ”
คุณหนูจวินยิ้มแล้ว
“ไม่ พวกท่านยังไม่เข้าใจความหมายของข้า” นางส่ายศีรษะเอ่ย “ที่ข้าพูดถึง เป็นการทดลองก่อนหน้านี้ที่ทุกคนยังคลำสำรวจและไม่มีวิธีการ ผ่านไปเนิ่นนานขนาดนี้ หาวิธีที่ดีกว่า พิษฝีที่ปลอดภัยยิ่งกว่าได้แล้ว”
……………………………………….