ประมุขนิกายโบกแขนเสื้อของเขาในขณะที่เดินไปที่เตียงแล้วนั่งลง “ฉันกำลังตื่นเต้นในคืนนี้ ดังนั้นฉันจึงมาหาเธอ ฮ่าฮ่า!”

ตั้งแต่ที่โมนิก้าแต่งงานกับเขาที่เกาะแห่งนี้ ประมุขนิกายก็ปฏิบัติกับเธอด้วยความรักและเอาใจใส่อย่างมาก เขายอมทำให้เธอพึงพอใจในทุกอย่างตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ ดังนั้นเหล่าศิษย์ทั้งหลายจึงปฏิบัติกับเธออย่างที่พวกเขารับใช้ประมุขนิกาย ใครก็ตามที่ไม่เคารพเธออาจจบลงที่โทษประหาร ยังไงก็ตาม โมนิก้าก็ปฏิบัติกับประมุขนิกายอย่างเฉยเมยและเย็นชา เพราะเธอไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริงเลยตั้งแต่ย้ายมาที่เกาะแห่งนี้

โมนิก้าเทชาให้เขาหนึ่งถ้วยแล้วพัดมันเบา ๆ ก่อนจะถาม “ฉันถามได้ไหมว่าอะไรทำให้ท่านดีใจมากขนาดนี้?”

ประมุขนิกายตบที่ที่ว่างข้าง ๆ เขาเป็นสัญญาณให้เธอนั่งตรงนั้นก่อนจะอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ดาร์ลิ้ง ฉันเจอหนังสือที่น่าสนใจซึ่งเขียนโดยประมุขนิกายรุ่นที่สิบสามในตอนที่ฉันใช้เวลาว่างในห้องสมุด”

“หนังสือเล่มนั้นบันทึกชนิดของการดัดเสียงต่าง ๆ ที่ทำให้เสียงของผู้ใช้เปลี่ยนไปได้ ฉันรู้สึกว่ามันน่าสนใจดังนั้นฉันจึงศึกษาไปชนิดสองชนิด ให้ฉันแสดงให้เธอดู!” ประมุขนิกายกล่าวอย่างกระตือรือร้น

“แน่นอน!” โมนิก้าพยักหน้าและมองเขาด้วยความคาดหวัง

เสียงของชายชราดังออกมาจากปากของประมุขนิกาย “ดาร์… ลิ้ง!”

เสียงนั้นแตกต่างจากเสียงปกติของเขา มันเป็น ‘ดาร์ลิ้ง’ คนเดิม แต่กลับมีเสียงแก่กว่าปกติมาก

เขายิ้มแล้วเปิดปากพูดอีกครั้ง “ดาร์ลิ้ง”

ยังไงก็ตาม คราวนี้มันไม่ได้เป็นเสียงคนแก่อีก ตรงกันข้าม มันฟังดูเหมือนเสียงเด็กชายวัยสิบกว่า ๆ !

โมนิก้าพยายามอย่างมากในการยิ้มออกมาแล้วชื่นชม “โอ้คุณพระ! นี่มันเจ๋งมากเลย! ท่านทำได้ยังไงคะ?” หัวใจของเธอเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อเธอกล่าว เพราะแดร์ริลอยู่ใต้เตียงของเธอและไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป!

หากเขาเกิดพลาดทำเสียงออกมาล่ะ? ชีวิตของเขาจะจบลงทันทีหากประมุขนิกายพบเข้า! พูดตามตรง เธอไม่ได้ประทับใจกับการแสดงเปลี่ยนเสียงของประมุขนิกายเลย แต่เธอต้องแกล้งทำเป็นสนใจเพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้แดร์ริลถูกพบ

ประมุขนิกายหัวเราะแล้วอธิบายอย่างตื่นเต้น “ฉันดีใจที่ดาร์ลิ้งของฉันสนใจ! ถ้าเธอชอบมัน ฉันก็ยินดีจะสอนเธอนะ ความจริงมันง่ายมาก เธอแค่ต้องเคลื่อนพลังปราณจากจุดตันเถียนขึ้นไปที่คอ จากนั้นเธอก็จะสามารถควบคุมเสียงได้”

แดร์ริล—ผู้นอนแอบอยู่ใต้เตียง—ดูเหมือนจะสนใจเทคนิคนี้ เขาลอบเคลื่อนย้ายปราณของเขาไปที่คอและคอของเขาก็พลันรู้สึกเปลี่ยนไป

แน่นอน เขาไม่กล้าส่งเสียงอยู่แล้ว! ประมุขนิกายบนนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ หากเขาถูกพบเข้า เขาจะตายทันที

ในขณะเดียวกัน ดวงตาของโมนิก้าก็มองไปรอบ ๆ แล้วยิ้ม “ประมุขนิกายที่รักของฉัน ท่านมาที่นี่เพื่อแสดงสิ่งนี้ให้ฉันดูเหรอคะ?”

ตลอดหลายปีมานี้ ประมุขนิกายได้พยายามลองทุกกลทุกอุบายเพื่อให้เธอเพลิดเพลิน ถึงแม่เขาจะพยายามอย่างมาก ส่วนใหญ่แล้วมันก็เป็นเพียงกลเล็กน้อยที่โมนิก้าไม่ได้สนใจ

โดยเฉพาะหลังจากที่เธอได้ทำบางอย่างกับแดร์ริลในคืนนั้น เธอรู้สึกว่าแดร์ริลเป็นชายที่ยอดเยี่ยมที่สุด…

‘อ๊าา!! นี่ฉันคิดอะไรเนี่ย?’ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอคิดถึงแดร์ริล แก้มของเธอจะแดงขึ้นมา

โชคยังดี ประมุขนิกายไม่ได้สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเธอในขณะที่เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันพบอะไรน่าสนใจ เธอเป็นคนแรกที่ฉันอยากจะแสดงให้ดูเสมอ โอ้ ใช่ มีอีกอย่างหนึ่ง นิกายตำหนักอมตะได้ส่งของขวัญมาให้ฉันก่อนหน้านี้เอง”

นิกายตำหนักอมตะ?
โมนิก้าขมวดคิ้ว “ทำไมพวกเขาส่งของขวัญมาให้ท่าน? นิกายจ้าวสวรรค์กับนิกายตำหนักอมตะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกันมาตลอด พวกเขากระทั่งลักพาตัวเทพพยากรณ์ของเราไปไม่นานมานี้ แล้วทำไมตอนนี้พวกเขาถึงส่งของขวัญมา?”

ประมุขนิกายพยักหน้าด้วยท่าทางสับสนแล้วกล่าว “เธอพูดถูกแล้ว ความสัมพันธ์ของเรากับพวกเขาตึงเครียดมาตลอด” จากนั้นเขาก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่มีความหวังมากขึ้น “ยังไงก็ตาม พวกศิษย์ของหกสำนักหลักก็มักจะมองทั้งนิกายจ้าวสวรรค์และนิกายตำหนักอมตะเป็นพรรคมารเสมออยู่แล้ว! พวกหกสำนักนั่นทำงานใกล้ชิดกันเพื่อหาทางจะลดอำนาจของพวกเราทั้งสองนิกาย! ดังนั้น ไม่ว่าพวกเราจะไม่ชอบอีกฝ่ายมากขนาดไหน พวกเราก็ไม่ควรทำลายซึ่งกันและกันเพราะพวกเราทั้งสองกำลังปะทะกับหกสำนัก บางทีที่พวกเขาส่งของขวัญมาให้ฉันอาจเป็นสัญญาณของการเป็นมิตรก็ได้?”

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาเมื่อเขามองที่โมนิก้า “เดาสิพวกเขาส่งอะไรมาให้ฉัน?”

“อะไรเหรอคะ?” เธอถามด้วยความสงสัย

ประมุขนิกายกล่าวพร้อมแสยะยิ้ม “คัมภีร์มหาปริศนาเล่มหนึ่ง”

แดร์ริลถึงกับสั่นสะท้านทั้ง ๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงในขณะประมุขนิกายประกาศชื่อของคัมภีร์

หือ?

คัมภีร์มหาปริศนา!?