‘นั่นมันคัมภีร์ที่นายหญิงบอกให้เราขโมยไปใช่รึไง?’

โมนิก้าเองก็ถึงกับต้องสะท้านด้วยความตกใจและมองประมุขนิกายด้วยความไม่อยากเชื่อ “อะไรนะคะ?”

คัมภีร์มหาปริศนาเป็นคัมภีร์ที่ผู้บ่มเพาะทุกคนล้วนต้องการครอบครอง คัมภีร์นี้มีทั้งหมดเจ็ดเล่มและแต่ละเล่มมีสีหน้าปกแตกต่างกัน ได้แก่ แดง, ส้ม, เหลือง, เขียว, น้ำเงิน, คราม, และม่วงตามลำดับ

จากตามตำนาน มันมีความลับอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในทั้งเจ็ดเล่มนี้ หากผู้ใดที่สามารถครอบครองมันครบทั้งเจ็ดเล่ม ผู้นั้นจะค้นพบความลับที่สามารถทำให้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

“ประมุขนิกายที่รัก ใครจะไม่อยากเก็บสิ่งนี้ไว้กับตัว? ทำไมจู่ ๆ นิกายตำหนักอมตะถึงได้ใจดีแล้วมอบมันให้ท่านกัน?” โมนิก้าถามอย่างสงสัย

ประมุขนิกายเพียงแค่ยิ้มออกมา “ไม่ต้องกังวลดาร์ลิ้ง ฉันไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นต้องการทำอะไรหรอกนะ แต่ฉันจะเก็บมันไว้และไม่ทำไปมากกว่านี้ในเมื่อพวกเขาส่งมันมาให้แล้ว!”

โมนิก้าพยักหน้าแต่ไม่ได้กล่าวอะไรมากกว่านั้น

ประมุขนิกายดูพอใจมากแล้วกล่าวต่อ “ฉันสะสมคัมภีร์มหาปริศนาไว้ถึงสามเล่มแล้ว เรามีทั้งสีแดงและเขียวอยู่กับตัว และเล่มที่พวกเขาส่งมาให้ฉันคือเล่มสีเหลือง ฮ่าฮ่า! ดูเหมือนว่าการครอบครองทั้งเจ็ดเล่มจะไม่ได้ยากเลย!”

แดร์ริลกลืนน้ำลายในขณะที่เขาได้ยินที่ประมุขนิกายพูดอยู่ข้างบนเขา ประมุขนิกายเก็บพวกมันไว้ถึงสามเล่มแล้ว มีอีกหนึ่งเล่มที่ถูกเก็บไว้โดยครูใหญ่แห่งสถาบันหกวิถี ประมุขนิกายจะครอบครองถึงสี่เล่มหากเขาได้มันมา!

ต้องยอมรับว่านิกายจ้าวสวรรค์นั้นเป็นพรรคมารที่ทรงพลังจริง ๆ

ในขณะเดียวกัน ประมุขนิกายก็นำคัมภีร์มหาปริศนาเล่มนั้นออกมาแล้วส่งให้โมนิก้าด้วยรอยยิ้ม “ดาร์ลิ้ง ฉันจะฝากมันให้เธอในคืนนี้นะ”

โมนิก้าสับสน “ไม่ใช่ว่ามันเป็นหนังสือล้ำค่าเหรอคะ? ทำไมท่านฝากมันไว้กับฉัน?”

นี่เป็นคัมภีร์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลกยุทธภพ ผู้บ่มเพาะระดับสูงมากมายจะยอมทำอย่างเพื่อให้ได้มันมา

ประมุขนิกายถอนหายใจแล้วกล่าว “ดาร์ลิ้ง ทุกคนล้วนกล่าวว่าภายในเจ็ดเล่มนี้ซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่ไว้ภายในหากอ่านให้ดี โชคไม่ดีเอาเสียเลย ฉันอ่านพวกมันอย่างละเอียดมาหลายปี แต่กลับไม่มีแม้แต่ร่องรอยใด! ฉันคิดเกี่ยวกับมันแล้ว บางทีฉันอาจไม่ฉลาดเท่าเธอ ดังนั้นฉันจะฝากมันไว้กับเธอคืนนี้ เฝื่อว่าบางทีเธออาจจะเรียนรู้อะไรบางอย่างจากการอ่านมันได้”

โมนิก้าเป็นคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุดในโลกใบนี้

โมนิก้ายิ้มแล้วยอมรับเพราะทั้งหมดที่เธอต้องการคือให้เขาออกไป “ได้ค่ะ”

ประมุขนิกายมีน้ำเสียงยินดีเมื่อได้ยินแบบนั้น “ขอบคุณนะ ดาร์ลิ้งของฉัน ฉันจะทิ้งมันไว้ให้กับเธอ”

เขาโบกมือแล้วเดินออกไปหลังจากกล่าวจบ

แดร์ริลถอนหายใจออกมายาวเหยียดด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงเดินไป

ให้ตาย ในที่สุดเขาก็ไปสักที!

แดร์ริลรู้สึกว่าร่างกายของเขาชาจากการซ่อนตัว เขาต้องยอมรับว่าประมุขนิกายมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งระดับสุดยอด แดร์ริลแม้แต่รู้สึกถึงแรงกดดันในอากาศที่ชายคนนั้นปลดปล่อยออกมาแม้ว่าเขาจะอยู่ใต้เตียงก็ตาม โชคยังดี แดร์ริลมีจิตที่มั่นคงพอและไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา หากเป็นคนอื่น คงถูกประมุขนิกายพบเข้าแล้วก่อนหน้านี้

แดร์ริลรู้สึกดีใจในขณะที่ปีนออกมาจากจุดที่ซ่อนตัว เมื่อดวงตาของเขามองไปที่โมนิก้าอีกครั้ง แก้มของเธอก็แดง ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์และเย้ายวนมากกว่าเดิมสำหรับแดร์ริล
แน่นอน เธอนั้นตกใจกลัวจากการมาเยี่ยมอย่างกะทันหันของประมุขนิกาย เมื่อแดร์ริลปีนออกมาจากเตียง โมนิก้าจึงอายและกระวนกระวาย

‘ถ้าเกิดว่าประมุขนิกายกลับมาอีกล่ะ?’ โมนิก้ายกมืออันละเอียดละออของเธอแล้วผลักแดร์ริลออกไปเมื่อคิดได้ดังนั้น “ไปซะ! เร็วเข้า!”

ฮ่าฮ่า! เธอมีเสน่ห์มากแม้ว่าเธอจะกำลังกลัวอยู่

แดร์ริลยิ้มแล้วพยักหน้า “ราตรีสวัสดิ์ครับ นายหญิง” แดร์ริลไม่ได้จากไปทันทีหลังจากกล่าวจบ

ตรงกันข้าม เขาฉวยโอกาสตอนโมนิก้าเผลอ เขาเดินไปแล้วหอมแก้มเธอก่อนจะจากไปพร้อมรอยยิ้ม

“นาย…”

โมนิก้าสั่นไหวเล็กน้อย แก้มของเธอแดงก่ำ เธออายมากและกระทืบเท้าของตัวเอง

‘หมอนี่… ชักจะเอาใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ! เขาเกือบพบเข้ากับประมุขนิกายก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังกล้าทำตัวหยาบคาย! ยังไงก็เถอะ… ทำไมเราไม่โกรธเขาเลยสักนิดล่ะเนี่ย? ฉันถึงกับชอบที่เขาทำด้วยซ้ำ…’ ในขณะที่เธอคิดแบบนั้นในหัว แก้มของโมนิก้าก็แดงขึ้นมากกว่าเดิม เธออายมากทีเดียว