ตอนที่ 268 ศาสตราเทพ

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 268 ศาสตราเทพ

แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนมิอาจยอมรับได้ !

ศิษย์น้องที่เมื่อสักครู่ยังนั่งแทะน่องแกะอยู่ตรงนี้ จากพวกเขาไปง่าย ๆ เยี่ยงนี้เลยรึ ?

ซูเจวี๋ยลุกขึ้นหันหลังเดินออกไป เขาเดินออกไปหาหมวกที่ตกอยู่ท่ามกลางป่าท้อ แต่เขามิได้ใส่มันตามเคย กลับเดินเข้าไปในเรือนแล้วหยิบกระดาษและถ่านแท่งขึ้นมา เขียนข้อความลงไปด้วยความแค้นว่า “เป่ยหวังฉวนฆ่าน้องเล็กด้วยธนู ! ! ! จงรีบมายังเมืองกวนหยุนแห่งราชวงศ์อู่อย่างเร่งด่วน ! ! !

ในประโยคนี้มีเครื่องหมายอัศเจรีย์ถึง 6 ตัว

เขานำกระดาษใบนี้ผูกไปที่ขาของอีกาตัวหนึ่ง เมื่อเขาปล่อยอีกาตัวนั้นออกไปจึงได้หันมาเอ่ยกับซูม่อว่า “เจ้าจงไปให้สบายเถิด พวกเราจะฆ่าเป่ยหวังฉวนให้จงได้ แล้วนำศีรษะกับคันธนูของเขาฝังให้แก่เจ้า ! ”

เขาสวมหมวกแล้วจัดแจงให้ตรงเป็นระเบียบ จากนั้นเดินออกไปยืนท่ามกลางสายฝน มิมีผู้ใดเห็นว่าน้ำตาเขาพรั่งพรูออกมาราวกับสายฝน

“พี่มิอาจปกป้องเจ้าได้ เป็นความผิดของพี่เอง หากชาติหน้ามีจริง ขอให้พวกเราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก แล้วพี่จะปกป้องเจ้ามิให้ผู้ใดมารังแกเจ้าได้อีก ! ”

ซูโหรวเงยหน้าขึ้นมองฟ้า น้ำตาของนางไหลเข้าปากไป ช่างขมขื่นนัก

ซูซูกลั้นน้ำตาไว้ นางหยิบขนมกุ้ยฮวาออกมาก้อนหนึ่ง “เหลือก้อนนี้เพียงก้อนสุดท้ายแล้ว เดิมทีข้าคิดว่ารอให้หิวเสียจนทนมิได้จึงจะกินมัน แต่เพิ่งคิดได้ว่าเจ้ายังมิทันได้ลิ้มรสของขนมกุ้ยฮวาก็กลับมาจากไปเช่นนี้…เจ้าลองชิมดู มิรู้ว่าตายไปแล้วยังจะรับรู้ถึงรสชาติอยู่หรือไม่”

นางบีบปากของซูม่อออก แล้วนำขนมยัดใส่เข้าไปในปากเขา แต่ทันใดนั้น “ไอหยา… !” นางก็กรีดร้องขึ้น

ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองทางซูซู และทุกคนก็หันหลังมองตามไป

“คาดว่าศพคงกระตุก ศิษย์น้องยังมีลมหายใจ ! ”

ซูเจวี๋ยที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งกลับเข้ามา เขานำมือไปสัมผัสที่คอของซูม่อ สักพักหนึ่ง เขาก็แสดงท่าทีดีใจ “เร็ว ๆ ๆ เข้า รีบไปนำน้ำร้อนมา น้องเล็กยังมิตาย ยังมิตาย ! ”

เยี่ยนถาวฮวาดวงตาเป็นประกาย นางรีบวิ่งไปทางห้องครัว วิ่งไปพลางเอ่ยว่า “หมอดูกล่าวว่าข้านั้นค้ำจุนสามี ข้าจะมีดวงกินสามีได้เยี่ยงไร ! ”

ซูม่อยังอยู่ในอาการสลบ เพียงแต่บัดนี้ชีพจรยังเต้นเบาและมีลมหายใจที่รวยริน

แต่ซูเจวี๋ยกลับรู้สึกวางใจ เนื่องจากขอเพียงแค่ศิษย์น้องเล็กยังมีลมหายใจอยู่ เขาก็จะต้องหาวิธีช่วยให้ตื่นฟื้นขึ้นมาให้จนได้

เขาและฟู่เสี่ยวกวนเพิ่งจะพบว่าบนร่างกายของซูม่อมิได้มีบาดแผลใด

ซูเจวี๋ยขมวดคิ้วเขาหากัน เขาเห็นกับตาว่าธนูของเป่ยหวังฉวนเจาะเข้าไปกลางหลังของซูม่อ แต่เหตุใดที่หลังจึงไร้บาดแผล หลังเขามิได้ทำด้วยเหล็กเสียหน่อย แล้วลูกธนูเล่า ?

ฟู่เสี่ยวกวนมองเห็นกล่องสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ

บนกล่องนั้นมีรอยบุ๋มลงไป

กล่องนี้ทำมาจากโลหะผสมพิเศษ บังเอิญว่าซูม่อแบกมันเอาไว้ที่หลัง และบังเอิญว่าลูกศรปักไปที่กล่องดำนั้นพอดี

ซูม่อถูกแรงอัดของลูกธนูที่พุ่งเข้ามาทำให้ช้ำใน กล่องสีดำนี้ช่วยชีวิตซูม่อเอาไว้ และช่วยชีวิตฟู่เสี่ยวกวนไว้เช่นกัน

เนื่องจากแรงของลูกธนูนั้นมิเพียงปักทะลุผ่านซูม่อได้ แต่ยังคงแรงพอที่จะพุ่งปักเข้าร่างของฟู่เสี่ยวกวนด้วย !

นี่คือผู้มีความสามารถของชนชั้นปรมาจารย์ ประกอบกับพลังของธนูเทพสุริยะพินาศ !

เยี่ยนถาวฮวานำน้ำอุ่นมาให้ จากนั้นซูเจวี๋ยหยิบยาลูกกลอนลูกหนึ่งละลายด้วยน้ำนี้ แล้วเอ่ยกับเยี่ยนถาวฮวาว่า “เจ้าจงป้อนเขาเถิด ประมาณครึ่งชั่วยามเขาคงจะฟื้นขึ้นมา เพียงแต่ว่า…เขาได้รับบาดเจ็บจากภายใน เกรงว่าจะต้องอยู่รักษาตัวที่นี่แล้ว หากเจ้ามิว่ากระไร ข้าจะขอฝากเขาไว้ที่นี่ก่อน แต่หากเจ้ามิสะดวก ข้าก็จะพาเขาไปด้วยบัดนี้”

“สะดวก ข้ายินดีที่จะดูแลเขาเอง ! ”

เยี่ยนถาวฮวานั่งลงข้างกายซูม่อ จากนั้นก็ได้ป้อนยาให้แก่เขา “พวกเจ้าวางใจเถิด ข้าจะดูแลเขาให้ดี เมื่อพวกเจ้าเดินทางกลับมา ข้าจะเดินทางไปเมืองจินหลิงกับพวกเจ้าด้วย”

……

“นี่คือ…การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสเยี่ยงนั้นรึ ? ”

“หาใช่ไม่ นี่คือพรหมลิขิตต่างหากเล่า ! ”

……

……

ณ โรงเตี๊ยมเฟิงหลิง

ห้องเทียนจื้อที่หนึ่ง

ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว แต่ทว่าสายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างมิขาดสาย

หน้าต่างห้องยังคงถูกเปิดออก มีลมพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างนั้น เทียนไขในห้องยังคงส่องสว่าง กระทบเข้าที่ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนและคนอื่น ๆ ทำให้ภายในห้องมิมืดมากเท่าใดนัก

“ดังนั้น สิ่งนี้ได้ช่วยชีวิตของศิษย์น้องเล็กเอาไว้รึ ? ” ซูเจวี๋ยนำมือทั้งสองข้างลูบไปบนกล่องสีดำนั้น เขาคลำมันเบา ๆ สายตาแฝงไปด้วยความประหลาดใจ

นิ้วของเขาสัมผัสไปที่รอยนั้น เขาสัมผัสมันและพิจารณาอย่างละเอียด เป็นรอยบุ๋มลงไปตื้น ๆ เท่านั้น แต่นั่นคือธนูระดับปรมาจารย์ ทำให้ของสิ่งนี้เป็นรอยได้เพียงบาง ๆ เท่านั้นรึ ?

“ถูกต้องแล้ว ในตอนนั้นซูม่อแบกกล่องนี้อยู่ โชคดีที่เขายังมิทันหันหน้ามา มิเช่นนั้น…คงจะมิรอดแล้วจริง ๆ ”

“สิ่งนี้คืออะไรกัน ?”

“…นี่คือศาสตราเทพ ! ”

ซูซูดวงตาเบิกกว้าง นางเดินตรงเข้ามาแล้วยื่นมือมาสัมผัสมันอย่างเหลือเชื่อ

ซูเจวี๋ยขมวดคิ้วขึ้น “อาวุธที่เทพตีเหล็กสร้างขึ้นในราชวงศ์ก่อนมิมีสิ่งนี้”

ฟู่เสี่ยวกวนมิอาจอธิบายถึงของสิ่งนี้ให้แก่พวกเขาได้ เขาทำได้เพียงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “มันคือสิ่งที่อาจารย์ของท่านจู๋ซีทำขึ้นมา มีเพียงชิ้นเดียวบนโลกใบนี้ ! ”

“อ้อ…” ซูเจวี๋ยพยักหน้า แท้ที่จริงแล้วก็เป็นศาสตราเทพเช่นกัน มองไปแล้วธนูสุริยะพินาศก็มิได้ดีกว่าเจ้าสิ่งนี้เลย เป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์ของจู๋ซีทำขึ้นมานี่เอง เพียงแต่มิรู้ว่าเจ้าสิ่งนี้มาอยู่ในมือฟู่เสี่ยวกวนได้เยี่ยงไร

แน่นอนว่าเขามิได้เอ่ยคำถามนี้ออกไป แต่กลับถามขึ้นว่า “การตายของศิษย์พี่ใหญ่แห่งบู๊ลิ้ม จั่วเฮิ่นฮวา มีต้นเหตุมาจากสิ่งนี้งั้นรึ ?”

ฟู่เสี่ยวกวนหยิบปืนพกเหยี่ยวทะเลทรายออกมาจากแขนเสื้อยื่นให้ซูเจวี๋ย “เป็นเพราะสิ่งนี้ถูกต้องแล้ว”

ซูเจวี๋ยรับมาพิจารณาดูอย่างละเอียด ขนาดประมาณฝ่ามือ เมื่อนำมาวางไว้ในมือสัมผัสได้ถึงความเย็นและหนัก มิมีเส้นสาย ดังนั้นจึงมิอาจใช้เป็นคันธนูได้คำถามก็คือ

“สิ่งนี้…ฆ่าจั่วเฮิ่นฮวาตายรึ ? ” ซูเจวี๋ยนำช่องกลม ๆ สีดำมาวางไว้ตรงตาแล้วมองเข้าไปด้านใน หรือว่าลูกธนูจะออกมาจากตรงนี้กัน ?

“ใช่แล้ว ข้าใช้สิ่งนี้ในการฆ่าจั่วเฮิ่นฮวา อาวุธนี้มีความพิเศษ มันใช้สิ่งที่เรียกว่ากระสุน นำกระสุนใส่ลงไปด้านใน แล้วเหนี่ยวไปที่ไกเพื่อยิง หลักการเดียวกับปืนไฟ แต่ทว่ามีประสิทธิภาพเหนือกว่าปืนไฟหลายเท่านัก

เมื่อซูเจวี๋ยนึกถึงรอยบนหัวจั่วเฮิ่นฮวานั้นมีขนาดใกล้เคียงกับปากกระบอกปืนนี้ เขาจึงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ศิษย์ที่ป่ากระบี่ภาคภูมิใจเป็นที่สุด เป็นผู้ที่มีความสามารถระดับปรมาจารย์ มาตายเพราะของสิ่งนี้ นี่มันน่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง !

“ของสิ่งนี้เจ้าจงรักษาไว้ให้ดี วรยุทธ์ของจั่วเฮิ่นฮวาจัดอยู่ในระดับปรมาจารย์ ในวันนี้ที่ข้าได้ต่อกรกับเขา พบว่าทักษะดาบของเขานั้นก้าวหน้าขึ้นมิน้อย ใกล้จะไปถึงระดับปรมาจารย์ชั้นยอดเข้ามาทุกที แต่กลับมาตายเพราะศาสตราเทพของเจ้าด้วยการโจมตีเพียงคราเดียว…เป่นหวังฉวนก็ถูกศาสตราเทพนี้ทำให้เขาบาดเจ็บงั้นรึ ?”

“มิใช่ เป่ยหวังชวนถูกพี่ชายของศาสตราเทพนี้ทำร้ายจนบาดเจ็บต่างหาก”

“……”

ฟู่เสี่ยวกวนเปิดกล่องสีดำออก มีปืนกระบอกใหญ่วางอยู่ด้านใน แสงสีดำกระทบกับแสงสว่างจากเทียน ส่องประกาย

ซูเจวี๋ยลุกขึ้นยืนแล้วขยับหมวกให้ตรง ของสิ่งนี้คือพี่ชายของศาสตราเทพ ถ้าเช่นนั้นมันก็คงเป็นศาสตราเทพเช่นกัน อีกทั้งเป็นศาสตราเทพที่สามารถข่มขู่ผู้มีความสามารถระดับปรมาจารย์ได้ เกรงว่าจะเป็นศาสตราเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้านี้ !

เขามองไปยังปืนกระบอกใหญ่นั้นด้วยสายตาชื่นชม แต่มิได้ยื่นมือไปสัมผัสมัน

สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านราวกับกำลังปลุกเทพแห่งความตายที่หลับใหล เมื่อเทียบกับศาสตราเทพทั้งเจ็ดที่เขารู้จักแล้ว เขาก็รู้สึกได้ว่าศาสตราเทพเหล่านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าสิ่งนี้ กลับกลายเป็นน้องชายทั้งหมด !