ตอนที่ 368 ซูมู่ชิงไม่สบายเหรอ?

ซูมู่ชิงมีท่าทีลนลานในทันที หญิงสาวถอยกรูดไปจนติดที่มุมห้อง ทำให้หญิงสาวจนตรอก

ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะเป็นผู้หญิงในเมืองหลวง ที่ส่วนมากก็ไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางอะไร ซูมู่หลินน้องชายก็เตะต่อยคนห้าคนได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว

ซูมู่ชิงเองก็ชอบเล่นสกีและออกกำลังกาย แต่ว่าตั้งแต่มีลูกแล้ว หล่อนต้องทำงานเป็นแม่บ้านเต็มเวลา หลายปีที่ผ่านมานี้นอกจากเลี้ยงลูกแล้ว ก็ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลย

อย่างไรเสียซูมู่ชิงก็เป็นแค่ผู้หญิง ย่อมรับมือกับผู้ชายที่เป็นยามแบบผู้จัดการหวงไม่ไหวอยู่แล้ว

ดังนั้นซูมู่ชิงจึงโน้มน้าวเขา “ผู้จัดการหวงคะ ฉันรู้ว่าคุณดื่มเหล้ามา ตอนนี้ไม่มีสติเท่าไหร่ คุณเปิดประตู ปล่อยฉันออกไป ฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ดีไหมคะ?”

ผู้จัดการหวงกล่าวพลางระบายยิ้ม “ปล่อยเธอไปเหรอ? คงไม่ได้หรอกนะ โอกาสดีขนาดนี้ ฉันจะปล่อยไปได้ยังไง? น้องสะใภ้เอาแบบนี้นะ นอนกับฉันสักครั้ง แล้วเดี๋ยวเพิ่มเงินเดือนให้ผัวเธอดีไหมล่ะ?”

คิดไม่ถึงว่าผู้จัดการหวงหน้าโง่คนนี้จะไพล่คิดว่าสองคนสามีภรรยานี้เป็นแค่คนธรรมดา คิดว่าใช้สิทธิ์การเป็นผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยแล้วจะนอนกับภรรยาลูกน้องได้!

ซูมู่ชิงกล่าวต่อ “ผู้จัดการหวง คุณดูเสื้อผ้าฉันให้ดีๆ เสื้อผ้าที่ฉันใส่ราคาถูกที่สุดก็หลักหมื่นนะ! ฉันไม่ใช่ตาสีตาสานะ เย่เฉินเองก็ไม่ใช่เหมือนกัน เขาเป็นยามเพียงเพื่อแก้เบื่อเท่านั้นเอง พวกเราไม่ใช่คนธรรมดาๆ ถ้าคุณกล้าทำอะไรฉันละก็ คุณจะต้องชดใช้อย่างสาสม!”

ผู้จัดการหวงเมาจนไม่มีสติ ไม่อาจจะแยกแยะได้ในทันทีว่าซูมู่ชิงและเย่เฉินเป็นมีเงินหรือไม่

“ฮึ เป็นเศรษฐีนีแล้วยังไง! เธอสวยขนาดนี้ ต่อให้ฉันต้องติดคุกสักหน่อย ก็คุ้ม!”

……

และในเวลานี้เองเย่เฉินและซือซือก็มาถึงบริเวณน้ำพุ เย่เฉินหันมองด้านหลังก็พบว่าซูมู่ชิงไม่ได้ตามพวกเขามา

“แปลกจัง มู่ชิงล่ะ?”

เย่เฉินกังวลใจ เขาหันไปกล่าวซือซือ “ลูกรัก หนูอยู่ที่นี่อย่าไปไหนนะ เดี๋ยวพ่อไปพาแม่มาเล่นกับหนูนะดีไหม?”

“ค่ะ!” ซือซือรับคำอย่างว่าง่าย

เย่เฉินเดินกลับไปแต่ว่าก็ยังไม่เห็นซูมู่ชิง

ดังนั้นเย่เฉินจึงตัดสินใจโทรหาซูมู่ชิง

เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น ก็ได้ยินฝั่งของซูมู่ชิงกรีดร้อง “เย่เฉินรีบมาช่วยฉันที!”

“ผู้หญิงสารเลวแกกล้าโทรศัพท์เหรอ!”

ในเวลาเดียวกันนั้นเองซูมู่ชิงก็ได้ยินเสียงของซูมู่ชิงและผู้จัดการหวง!

“แย่แล้ว!”

หลังจากที่ทำความรู้จักกันมาสองวัน เย่เฉินก็พอมองออกว่าผู้จัดการหวงคนนี้ไม่ได้เป็นคนดีอะไร วันนี้ก็ดื่มไปไม่น้อยด้วย อาจจะอาศัยฤทธิ์เหล้าแล้วลงมือทำร้ายซูมู่ชิง!

“มู่ชิง!”

เย่เฉินรีบวิ่งไปที่ห้องพักยามอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขาเสมือนหนึ่งเงาที่ผ่านไป!

เย่เฉินจึงวิ่งไปที่ห้องพักผ่อนด้วยความเร็วแสง แล้วยันประตูโครมทั้งที่ด้านในล็อคประตูอยู่!

และในเวลานี้เองผู้จัดการหวงกำลังจะพยายามจะขืนใจซูมู่ชิง

“แกไอ้เดียรัจฉาน!”

เย่เฉินเหวี่ยงผู้จัดการหวงไปอีกทาง แล้วตะบันหมัดใส่หน้าเขา!

โครม!

เย่เฉินประเคนหมัดใส่หน้าเขา แต่ยังไม่หายโมโหจึงลงมือทำร้ายร่างกายเขาต่อ

แค่สองหมัดเท่านั้นผู้จัดการหวงก็หมดสติไป

แต่เย่เฉินก็ยังไม่รามือ เขาต่อยอีกฝ่ายไม่หยุด!

และในเวลานี้เอง อาเจี๋ยก็รีบร้อนเดินมา เห็นใบหน้าของผู้จัดการหวงเละเทะ ก็รีบห้ามเย่เฉิน “เย่เฉิน อย่าต่อยเขาเลย! ถ้านายต่อยเขาอีกเขาตายแน่!”

เย่เฉินหัวเสีย “ไอ้เดียรัจฉานนี่ มันสมควรตาย!”

อาเจี๋ยกล่าว “นายอย่าเพิ่งใจร้อนสิ นายต่อยเขาตายไป นายติดคุกนะ เมียนาย ลูกนาย จะไม่มีคนคอยดูแล”

อาเจี๋ยกับผู้จัดการหวงก็ถือว่าสนิทสนมกันดี อีกทั้งยังรู้จักกันมานานกว่า แล้วยิ่งรู้ดีว่าผู้จัดการหวงเป็นคนแบบไหน

เมื่อมาถึงที่นี่ก็รู้ทันทีว่าผู้จัดการหวงน่าจะรังแกภรรยาของเย่เฉินแน่นอน

เขาจึงชี้ซูมู่ชิง เพื่อจงใจเปลี่ยนความสนใจของเย่เฉิน “เย่เฉิน ไปดูแฟนนายเถอะ ดูสิทำไมหล่อนตัวสั่นเทิ้มขนาดนั้น? คงจะตกใจมากเลย รีบไปปลอบหล่อนหน่อย”

หลังจากที่เย่เฉินมาถึงแล้วก็เอาแต่ต่อยอีกฝ่าย เขาจึงหันมองซูมู่ชิงที่ในตอนนี้ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง กอดขาสองข้างเอาไว้ แล้วน้ำตาก็ไหลพรากบนใบหน้า

“มู่ชิง มู่ชิงคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมล่ะ?”

โชคดีที่เย่เฉินมาถึงทันเวลา ทำให้ผู้จัดการหวงไม่บรรลุความปรารถนา แต่ว่าการกระทำของผู้จัดการหวงหลี่ทำให้หญิงสาวตื่นตระหนก

อาเจี๋ยฉวยโอกาสลากผู้จัดการหวงออกไป ในขณะที่เย่เฉินพยายามปลอบซูมู่ชิง

ผู้จัดการหวงโดนเย่เฉินซ้อมมานานขนาดนี้ ต่อให้เขาไม่ตายก็พิการ

เย่เฉินเห็นซูมู่ชิงไม่มีสติ อีกทั้งในแววตาว่างเปล่า ร่างกายสั่นเทิ้ม จึงรีบร้อนหยิบกล่องยาส่วนตัวของเขาออกมา

ยาในกล่องยานี้ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นของที่หายากในโลกใบนี้ไม่มีการขายออกให้คนทั่วไป มีแต่คนตระกูลเย่เท่านั้นที่จะใช้ยาพวกนี้

มีทั้งยาที่รักษาและยาพิษ

เย่เฉินเอาเม็ดยาสีขาวออกมา เป็นยาประคองสติ กินยาแล้ว เพื่อประคองสติ

“มู่ชิง คุณกินยานะ แล้วจะได้ดีขึ้น”

เย่เฉินส่งยาให้ซูมู่ชิง แต่ซูมู่ชิงกลับไม่ยอมรับยามากิน แต่เหมือนจะคิดอะไรออก

“ยา…ยา”

ซูมู่ชิงลนลานหยิบโทรศัพท์มาแล้วกดโทรออก

ในวินาทีแบบนี้เย่เฉินคิดว่าซูมู่ชิงจะโทรหาคนในครอบครัว แต่คิดไม่ถึงว่า….

“คุณหมอกัว รีบมาช่วยฉันหน่อย”

คุณหมอกัวเหรอ?

หมอส่วนตัวของซูมู่ชิงเหรอ?

เศรษฐีพวกนี้มีหมอส่วนตัว ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก

เย่เฉินเห็นซูมู่ชิงยังคงขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ไม่กล้าขยับเขยื้อน ดังนั้นจึงอุ้มซือซือมาหามารดาด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

แต่ว่าหลังจากที่ซือซือมาแล้ว ซูมู่ชิงก็กอดลูกสาวไว้แนบอก แต่ยังคงขดตัวอยู่บริเวณมุมห้องเหมือนเดิม

และในเวลานี้เองเย่เฉินก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

“บางทีซูมู่ชิงอาจจะไม่สบาย”

ไม่นานก็มีชายหนุ่มอายุราว 30 ปี ท่าทางเรียบร้อย สวมแว่นตา ใบหน้าหล่อเหลาสาวเท้าเดิมาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูซู! คุณหนูซูเป็นอะไร?”

ชายหนุ่มยังสวมชุดกาวน์หมอ น่าจะเป็นคุณหมอกัวที่ซูมู่ชิงโทรเรียกมา

“คุณหมอกัว…”

เมื่อเห็นคุณหมอกัวมาถึง ซูมู่ชิงก็เหมือนจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา

คุณหมอกัวนั่งยองๆ บนพื้น เพื่อตรวจสภาพของซูมู่ชิง จากนั้นก็หันมองเย่เฉิน “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เย่เฉินเองก็ตอบตามความสัตย์จริง “ผู้จัดการของฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่นี่อยากจะล่วงเกินมู่ชิง แต่ผมเข้ามาขวางได้ทัน แต่ดูแล้วหล่อนคงจะตกใจมากเลยขดตัวอยู่ที่มุมห้องไม่ยอมไปไหนเลย”

คุณหมอกัวสบถ “แม่งเอ้ย! กะอีแค่หัวหน้ายามถึงกับกล้าแตะต้องหลานสาวของท่านซู!”

คุณหมอกัวพูดพลางควักยาออกมาจากกระเป๋าแล้วกล่าว “คุณหนูซู คุณกินยากล่อมประสาทก่อน”

ซูมู่ชิงเชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นอย่างดี หญิงสาวกินยาอย่างว่าง่าย

เย่เฉินเองก็แน่ใจอย่างมากว่ายากล่อมประสาทของคุณหมอคนนี้ ด้อยกว่ายาที่ตนเองหยิบออกมาแน่นอน

แต่ว่าซูมู่ชิงกลับเชื่อใจและพึ่งพาคุณหมอนี้อย่างมาก

หลังจากที่ซูมู่ชิงกินยาแล้ว คุณหมอกัวก็ประคองซูมู่ชิงขึ้นมา “ผมต้องพาหล่อนไปรักษาที่โรงพยาบาลทันที”

เย่เฉินเห็นเช่นนี้กลับรู้สึกหึงหวงขึ้นมา “ผมจัดการเอง”

คุณหมอกัวปฏิเสธทันที “จะให้ผู้ชายแปลกหน้าแตะต้องตัวคุณหนูซูไม่ได้ คุณคือบอดี้การ์ดของตระกูลซูหรือเปล่า? รบกวนพาลูกสาวหล่อนไปด้วยกันหน่อย รถผมอยู่ข้างหน้า”