บทที่ 403 คุกเข่าแล้วขอโทษซะ
บทที่ 403 คุกเข่าแล้วขอโทษซะ
“แก! แก! ดีใจไปเถอะ! ยังไงคนอย่างแกมันก็เป็นได้แค่เศษสวะวันยังค่ำล่ะวะ!”
ใบหน้าของเหอเส้าบึ้งตึง เขาโต้ตอบหลี่จิงเทียนด้วยความโมโห
“ถุย! ใครกันแน่เป็นเศษสวะ? เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าแกแพ้ แกต้องคุกเข่าขอโทษน้องสาวฉัน”
หลี่จิงเทียนถ่มน้ำลายลงพื้น ก่อนเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
“ฉันจะรอดูว่าตอนที่คุกเข่าทำตัวเหมือนหมาต่อหน้าน้องสาวฉัน แกยังจะปากดีอย่างนี้อยู่ไหม”
ใบหน้าของเหอเส้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำทันที เขากำลังจะโต้ตอบ แต่ผู้ชายตรงหน้าไม่เว้นช่องว่างให้เลย
หลี่หรงที่ยืนอยู่ข้างหลังเห็นอย่างนั้นถึงกับพูดไม่ออก
“เฮ้อ…พี่รองไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ เมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ก็เป็นยังงั้น”
แต่อวี้ฮ่าวหรานค่อนข้างมองโลกในแง่ดี
“ฮ่า ๆ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ว่าต้องด่าใคร”
เขาจำได้ว่าตอนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา อีกฝ่ายถูกเขาตบสั่งสอนบ่อยครั้งเพราะปากไม่มีหูรูด
เมื่อทั้งสองเงียบไป เสียงของกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าดังขึ้นกว่าเดิม
“อะไรนะ! แกอยากแก้มือเหรอ? ฉันบอกแล้วไง! พี่เขยสามารถเอาชนะแกได้ในครั้งเดียว!”
อวี้ฮ่าวหรานอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงตัวเอง ปรากฏว่าเหอเส้าต้องการให้ลูกน้องแข่งแทนเขาใหม่อีกครั้ง
ในเมื่อยังไม่ได้ทำตามสัญญาจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแข่งใหม่
เมื่อเห็นอย่างนั้น เขาจึงเดินไปข้างหน้าสองก้าว
“ฉันแนะนำว่าอย่าทำอย่างนั้นเลย ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ นายควรทำตามที่เราตกลงกันไว้จะดีกว่านะ”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังโต้เถียงกัน น้ำเสียงไม่แยแสของคนผู้หนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลัง
สีหน้าของเหอเส้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเสียงนั้น
ตอนแรกเขาวางแผนว่าจะกลับคำ แต่เมื่อเห็นคนมากมายกำลังจ้องมองอยู่ เขาจึงทำตามสัญญาแต่โดยดี
“โอเค! รถสปอร์ตของฉันเป็นของแกแล้ว!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็รู้สึกแสบร้อนบนใบหน้า วันนี้เขาไม่เพียงพ่ายแพ้เฉย ๆ แต่กลับแพ้อย่างราบคาบให้กับศัตรู
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเคยดูถูกคนพวกนี้มาก่อน การเจอหน้ากันครั้งนี้จึงทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“เดี๋ยวก่อน!”
ขณะที่กำลังจะเดินออกไป อวี้ฮ่าวหรานก็ยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน!
“ต้องการอะไรอีก?”
เหอเส้าหยุดเดินทันที ขณะที่ในใจรู้สึกถึงบางอย่าง
“ฮ่า ๆ แน่นอน นายอย่าผิดคำพูดล่ะ คุกเข่าลง! แล้วขอโทษหลี่หรงซะ!”
อวี้ฮ่าวหรานเยาะเย้ย เขาไม่ได้มาทวงรถคันเก่าของอีกฝ่ายสักหน่อย
“แก! มันจะเกินไปแล้วนะ!” สีหน้าของเหอเส้าเปลี่ยนไปทันที!
ในที่สาธารณะแบบนี้ ถ้ายอมคุกเข่าและก้มศีรษะให้หญิงสาว ต่อจากนี้เขาจะกล้ามาที่นี่ได้ยังไง
เพราะเหตุการณ์นี้คงจะเป็นตราบาปไปตลอดชีวิตของเขา
“มากเกินไป? มากเกินไปตรงไหน? มันก็แค่ข้อตกลงทั่วไป นายถ่วงเวลามานานแล้ว ลืมไปแล้วเหรอว่าใครแพ้?”
“ฉันทำตามที่ตกลงไว้ไม่ได้!”
ใบหน้าของเหอเส้าซีดเผือด เขาแทบจะกระอักเลือดอยู่แล้ว หลี่จิงเทียนที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นอย่างนั้นจึงอดเยาะเย้ยในใจไม่ได้
ดูสิ ขี้ขลาดตาขาวชะมัด!
ดูเหมือนว่าตอนนี้พี่เขยจะโมโหยิ่งกว่าเขาซะอีก!
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายผิดคำสัญญา อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่ปล่อยไปง่าย ๆ
“ฮ่า ๆ ทำไม่ได้?”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น เขาก็ส่งพลังวิญญาณส่วนหนึ่งไปควบคุมอีกฝ่าย
“เอาเถอะ ฉันจะทำให้นายยอมคุกเข่าเอง!”
ทันใดนั้นเหอเส้ารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองถูกควบคุมอยู่ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ!
“แก…แกทำอะไรน่ะ?”
เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก แค่พริบตาเดียวก็ถูกพาตัวไปอยู่ข้างหน้าหลี่หรงแล้ว
“ตึง!”
ต่อให้ขัดขืน เขาจำต้องต้องคุกเข่าลงกับพื้นอยู่ดี!
“ขอโทษซะ!”
อวี้ฮ่าวหรานปล่อยจิตสังหารไปที่อีกฝ่าย!
เหอเส้ายังคงขัดขืนอย่างไม่ลดละ แต่เมื่อสบสายตาอีกฝ่าย หัวใจของเขาก็อดสั่นสะท้านไม่ได้
เพียงอีกฝ่ายพูดแค่สองคำ เขาต้องเชื่อฟังราวกับมันเป็นคำพิพากษาของพระเจ้า!
“ฉัน…ฉันผิดไปแล้ว เมื่อวานฉันทำตัวไม่ให้เกียรติเธอ…ได้โปรด…ได้โปรดยกโทษให้ฉันเถอะนะ…”
ถึงในใจจะไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ต้องก้มศีรษะขอโทษอีกฝ่ายอยู่ดี แน่นอนว่าแค่นี้ยังไม่สาแก่ใจ
ตึก ตึก ตึก…
เหอเส้าโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง
ตอนนี้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างจ้องมาที่เขาจนตาเกือบถลน
เขาเป็นคนที่รักศักดิ์ศรีมากกว่าสิ่งอื่นใด! แต่ตอนนี้กำลังคุกเข่าขอโทษต่อหน้าคนตระกูลหลี่เนี่ยนะ?!
เมื่อเห็นว่าข้อตกลงบรรลุผลแล้ว อวี้ฮ่าวหรานขี้เกียจเกินกว่าจะต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย เขามาที่นี่เพื่อสั่งสอน และทำให้ไอ้ขยะที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงได้หลาบจำ
“ไปกันเถอะ”
จากนั้นเขาพาหลี่หรงเข้าไปในรถและขับออกไปโดยไม่สนสายตารอบข้าง
ในที่ที่มีคนพลุกพล่านอย่างนี้ ถวนถวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย หนูน้อยจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก
แถมยังไม่อยากอยู่นานกว่านี้อีกด้วย…
“พ่อจ๋าเก่งจังเล้ย! ถวนถวนรู้สึกว่าพ่อมีอำนาจกว่าทุกคนเลย”
หลังจากรถแล่นออกมาระยะหนึ่ง เด็กน้อยก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“ฮ่า ๆ พ่อจ๋าแข็งแกร่งที่สุด ถ้าพ่ออยากได้สร้อยพระจันทร์ ถวนถวนถอดให้พ่อได้นะคะ!”
พอได้ยินคำชมเชยจากลูกสาว อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ้มกว้างทันที
ชัยชนะในการแข่งขันหรือคำเหยียดหยามจากคนพวกนั้นเทียบกับคำชมของลูกสาวเขาไม่ได้เลย
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ดูเหมือนว่าหลี่หรงจะมีความสุขขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะชื่อเสียงของตระกูลหลี่ถูกกอบกู้แล้ว
ทันทีที่มาถึง หญิงสาวก็เดินเข้าไปในครัวและเริ่มลงมือทำอาหาร
หลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง อาหารหลายจานก็ถูกเสิร์ฟบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“ว้าว! อาหารของแม่หรงน่ากินมากเลย”
ถวนถวนปรบมืออย่างมีความสุข
“จริงสิ วันนี้น้ามีความสุขมากเลย ชน! เรามาดื่มน้ำผลไม้ฉลองกันเถอะ”
หลี่หรงฉีกยิ้มขณะหยิบขวดน้ำผลไม้ออกมาจากตู้เย็น แล้วรินใส่แก้วให้เด็กน้อย
“คุณน้าใจดีที่สุด!”
เมื่อรู้ว่ากำลังจะได้ดื่มน้ำผลไม้ ถวนถวนก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิม
หลังจากตระกูลหลี่หลุดพ้นจากตราบาป หลี่หรงก็มีความสุขขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ฮึ พี่รองไม่ได้หลอกฉันจริง ๆ ด้วย”
เธอเติบโตมาในตระกูลหลี่ ถึงไม่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับคนในครอบครัว แต่ยังไงเธอก็คือหนึ่งในคนของตระกูลหลี่ไม่เปลี่ยนแปลง
อวี้ฮ่าวหรานมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะช่วยหลี่จิงเทียน หลี่ชงซาน และหลี่อิงไห่
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เขากำลังจะกลับไปที่ห้องนอนเพื่อฝึกฝนต่อ
แต่จู่ ๆ ก็มีสายปริศนาโทรเข้ามา…สายนี้มาจากหลิวว่านฉิง!
หลังจากรับสาย เขาได้ยินน้ำเสียงตื่นตระหนกของอีกฝ่ายทันที!
“อวี้ฮ่าวหราน! ช่วยฉันด้วย…เสิ่น…เสิ่นเฉียงพาคนบุกมาที่นี่…”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วทันที!
ไม่นานเขาก็นึกได้ว่าเสิ่นเฉียงคือคนรวยรุ่นสองที่มาก่อกวนเธอในโรงเรียนสอนเปียโนไม่กี่วันก่อน
หลิวว่านฉิงคือคนที่เขาสัญญาว่าจะปกป้อง! ปกติแล้วไม่มีใครกล้ารังแกคนของเขา
ทันใดนั้นเขาไม่คิดอะไรมาก รีบไปแจ้งข่าวกับหลี่หรงแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาจำได้ว่าหลิวว่านฉิงไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่ครั้งนี้เธอถึงกับโทรมาขอความช่วยเหลือด้วยความตื่นตระหนก เขาจึงกลัวว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น
หลังจากขับรถออกไปด้วยความเร็ว สิบนาทีต่อมา รถสปอร์ตสีเหลืองสดใสก็แล่นมาจอดที่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“เอี๊ยด!”
พอลงจากรถ อวี้ฮ่าวหรานก็ตรงดิ่งไปยังชั้นที่หลิวว่านฉิงอยู่อย่างรวดเร็ว!