บทที่ 150 ในนามของดวงจันทร์ฉันจะทำลายเธอ

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 150 ในนามของดวงจันทร์ฉันจะทำลายเธอ!
บทที่ 150 ในนามของดวงจันทร์ฉันจะทำลายเธอ!

วัตถุดิบหลักของยาแอนเดอร์เซนคือดอกไม้ภูต ส่วนวัตถุดิบหลักของยากริมม์คือหญ้าเคลิบเคลิ้ม วัตถุดิบที่เป็นแกนหลักซึ่งใช้ทำน้ำยานั้น สามารถส่งผลกระทบต่อวัตถุดิบหลักชนิดเดียวกันได้

คนจึงมักจะเกิดอาการประสาทหลอนหลังจากกินหญ้าเคลิบเคลิ้มเข้าไป ในขณะที่ยาของกริมม์ซึ่งสกัดจากหญ้าเคลิบเคลิ้ม สามารถต้านทานภาพลวงตาได้

ทำนองเดียวกัน ในขณะที่กลิ่นหอมของดอกไม้ภูตมีอิทธิพลต่อสมองและทำให้ผู้คนหลงใหลได้ แต่ยาของแอนเดอร์เซนที่มีดอกไม้ภูตเป็นแกนหลัก ก็สามารถขจัดคาถาล้างสมองออกไปได้เช่นกัน

และสปิริตที่สร้างโดยมียาของแอนเดอร์เซนเป็นวัตถุดิบหลักก็มีเสน่ห์ดึงดูดที่แข็งแกร่งเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาของเสน่ห์นั้นสั้นไปหน่อย

เพราะเพียงชั่วพริบตาเดียว ดาร์กก็หลุดพ้นจากความรู้สึกอันน่าหลงใหลนั้น

เขาเช็ดพื้นผิวการ์ดให้สะอาด ก่อนจะได้เห็นสปิริตบนพื้นผิวการ์ด

มันเป็นภูตสีชมพูขาวซึ่งดูน่ารักมาก ซ้ำยังมีริบบิ้นพันไว้ด้วย

ขอบของการ์ดเวทมนตร์ปล่อยรัศมีสีส้มจาง ๆ

แน่นอนว่านี่คือการ์ดสีส้ม

[ชื่อการ์ด: นินิม]

[ประเภท: การ์ดวิญญาณ]

[ระดับ: ✪✪✪✪]

[เผ่าพันธุ์: ประเภทนกและสัตว์]

[คุณสมบัติ: ภูต]

[พลังเวทมนตร์: 1900 หน่วย]

[พลังโจมตี: 1700 หน่วย]

[พลังป้องกัน: 1300 หน่วย]

[ท่าไม้ตาย : เสน่ห์มัดใจ เสียงปลดอาวุธ ทัณฑ์ดวงจันทร์]

ระดับพลังเวทมนตร์ชั้นยอด พลังโจมตีที่ทรงพลัง และพลังป้องกันระดับปานกลาง ประกอบเป็นค่าพลังของการ์ดวิญญาณสีส้มนี้

ในบรรดาสามท่าไม้ตาย

[เสน่ห์มัดใจ] เป็นลักษณะเฉพาะของนินิม และเป็นท่าไม้ตายหลักของการ์ดวิญญาณใบนี้ด้วย!

[เสน่ห์มัดใจ: มีโอกาสที่ฝ่ายโจมตีซึ่งเป็นเพศตรงข้ามจะหลงใหลในการสัมผัสทางกายภาพ]

ท่าไม้ตายที่สอง [เสียงปลดอาวุธ] เป็นท่าไม้ตายที่สามารถเปลี่ยนเงื่อนไขการเปิดใช้งานของ [เสน่ห์มัดใจ] จาก ‘การสัมผัสทางกายภาพ’ เป็น ‘การได้ยิน’

[เสียงปลดอาวุธ: ปล่อยเสียงร้องที่มีเสน่ห์ออกมา ผู้ใช้สามารถสร้างความเสียหายทางอารมณ์กับเป้าหมายได้ หากสปิริตมีความสามารถในการใช้ ‘เสน่ห์มัดใจ’ มีโอกาสที่เป้าหมาย (เพศตรงข้าม) จะหลงใหลได้]

สำหรับท่าไม้ตายที่สาม [ทัณฑ์ดวงจันทร์]!

มันไม่ได้เป็นเพียงการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของ [นินิม] แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของ [ราคะ] เช่นเดียวกับ [แสงจันทร์] ของแบล็คบุยด้วย

[พลังแห่งดวงจันทร์: ผู้ใช้จะโจมตีเป้าหมายโดยยืมพลังของดวงจันทร์ หากอยู่ใต้แสงจันทร์พลังจะทวีคูณ!]

ขณะที่ข้อมูลสกิลไหลเข้ามาในหัวของดาร์ก เขาก็เริ่มเอ่ย [อัญเชิญปกติ] อย่างเงียบ ๆ

“จงออกมา!”

ภูตสีชมพูขาวที่มีหนวดเหมือนริบบิ้นพลันปรากฏขึ้นมาจากแสงสีชมพูจาง ๆ

เป็นนินิมนั่นเอง!

ในฐานะหนึ่งในประเภทวิวัฒนาการของอีบุย เงื่อนไขหลักในการวิวัฒนาการเป็นนินิม ก็คือความสนิทสนม

ช่วงลำตัวส่วนใหญ่ของมันเป็นสีขาว ขณะที่หัว หู หาง กับครึ่งล่างของขามีสีชมพู ตาของมันเป็นสีฟ้าซีด และข้างในหูก็เป็นสีฟ้าเข้ม

นอกจากนี้แล้ว ยังมีโบว์ผูกอยู่ที่หูและคอซ้าย บนโบว์แต่ละอัน มีริบบิ้นอยู่สองเส้น ซึ่งแท้ที่จริงแล้วคือหนวด

นินิมชอบเอาริบบิ้นมาพันรอบแขนของเจ้านายอันเป็นที่รักของมัน ราวกับว่ามันกำลังควงแขนของคู่รักอย่างไรอย่างนั้น

“มี้~”

นินิมซึ่งเป็นร่างจุติของ [ราคะ] คลี่ยิ้มกว้างอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านาย มันพันริบบิ้นรอบตัวดาร์กและถูแก้มของมันกับตัวเด็กชาย ขณะที่พยายามรัดตัวเจ้านายให้แน่นที่สุด

กลิ่นหอมหวานแผ่ซ่านออกมาจากริบบิ้นที่หัว

มันกระตือรือร้นมากกว่าอูชิเสียอีก

ดาร์กที่ถูกพันอย่างแน่นหนาทำได้เพียงอาศัย ‘อำนาจของผู้เป็นนาย’ สั่งให้มันปล่อยเขาไป นินิมคลายริบบิ้นอย่างช้า ๆ แต่สีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลูบนินิมเพื่อให้มันสบายใจพอที่จะลืมคำบ่นไป

จากนั้นดาร์กได้ทำการทดลองขนาดเล็กกับท่าไม้ตาย [ทัณฑ์ดวงจันทร์]

เขาอัญเชิญ [สัตว์อสูรมายา: อีบุย] ออกมา จากนั้นก็ใช้ [ราคะ III] เพื่อวิวัฒนาการเป็น [แบล็คบุย] และใช้ท่าไม้ตาย [แสงจันทร์] เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างทั้งสองสกิล

ดาร์กสังเกตเห็นความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างทั้งสองสกิลนี้

จากนั้นเขาก็มั่นใจว่าถ้าใช้ [ราคะ] เพื่อสร้าง [ราคะ III] ใหม่ มีโอกาสเป็นไปได้ว่า [สัตว์อสูรมายา: อีบุย] จะวิวัฒนาการไปเป็น [สัตว์อสูรมายา: นินิม]

แม้ว่าคุณสมบัติของ [ราคะ] จะเหมือนกัน แต่เนื่องจากนิสัยที่แตกต่างเล็กน้อย มันจึงสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างได้เช่นกัน แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม

และถ้าดาร์กต้องการยืนยัน เขาจำเป็นต้องสร้าง [ราคะ III] ใหม่จริง ๆ

“แต่ [ราคะ IV] สร้างไม่ง่ายเลยสักนิด ตอนนี้ถ้าสร้าง [ราคะ III] ใหม่มันอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ ยังไงซะ การมีการ์ดเวทมนตร์ประเภทนี้มากขึ้นก็ยังถือเป็นเรื่องดี”

“ทั้ง [แบล็คบุย] และ [แบล็คแคทมอน] ที่วิวัฒนาการมาจาก [ราคะ III] ของเทพธิดาไม่เชื่อฟังคำสั่งกันเลยสักนิด ฉันต้องการการ์ด [ราคะ III] ที่เป็นของตัวเองจริง ๆ”

ดังนั้น ดาร์กจึงมีแผนสำหรับ [มหาบาป] ของเดือนนี้แล้ว

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ดาร์กเรียกนินิมกลับเข้าไปในการ์ดเวทมนตร์

นี่คือความไม่สะดวกอย่างหนึ่งของสปิริต มันไม่สามารถอยู่ข้างนอกได้ตลอดเวลาหลังจากถูกอัญเชิญออกมา

และถ้าสปิริตของเขามีระดับสติปัญญาสูงกว่าสาม มันก็คงจะดี เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะได้ไม่ต้องเก็บสปิริตไว้ในการ์ดเวทมนตร์ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ดาร์กยังต้องการลอง ‘การอัญเชิญพันธะวิญญาณ’ และปล่อยให้สปิริตในการ์ดตอบสนองต่อการเรียกของเขาผ่าน ‘พันธะ’ เพื่อให้บรรลุผลลดเวลาอัญเชิญให้สั้นลงอีก

ในอดีต จอมเวทสามารถควบคุมเวลาอัญเชิญปกติของการ์ดเวทมนตร์ระดับสี่ดาวให้เหลือน้อยกว่าสิบวินาทีจากหนึ่งนาทีได้ ซึ่งนั่นเป็นเวลาขั้นต่ำหากใช้วิธีการปกติ

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาสามารถอัญเชิญสปิริตขั้นที่สองได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องใช้ผ่านการ ‘บูชายัญ’!

ที่จริงก็มีตัวอย่างอยู่ใกล้ ๆ

นักปราชญ์แห่งอสูรเช่น แคลร์ เคทก็ทำได้!

ในการปลูกฝัง ‘สายสัมพันธ์’ ความต้องการพื้นฐานที่สุดแน่นอนว่าคือการอยู่ร่วมกับสปิริต

เรื่องนี้ต้องใช้การ์ดเวทสนามที่คล้ายกับ [สวนสัตว์]

เอฟเฟกต์ของการ์ดเวทสนามนั้นมีหลากหลาย แต่การ์ด [สวนสัตว์] และ [อาณาจักรแห่งสรรพสัตว์] นั้นค่อนข้างพิเศษ

นอกจากเอฟเฟกต์ของตัวเองแล้ว พวกมันยังสามารถทำให้สปิริตประเภทนกและสัตว์คงอยู่ในสนามได้เป็นเวลานานอีกด้วย

ส่วนตัวจอมเวทเพียงแค่ต้องเติมพลังเวทมนตร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเอฟเฟกต์การ์ดเวทสนามอย่าง [สวนสัตว์] เอาไว้

ดังนั้น ดาร์กจึงคิดที่จะทำการ์ดเวทสนาม [สวนสัตว์] ขึ้นมา

มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสร้างการ์ดเวทสนามขนาดใหญ่อย่าง [อาณาจักรแห่งสรรพสัตว์] ในตอนนี้ แต่กับการ์ดเวทสนามขนาดเล็กอย่าง [สวนสัตว์] ยังพอจะเป็นไปได้อยู่

หลักฐานก็คือ ผู้สร้างการ์ดเวทสนามนี้เต็มใจที่จะสอนเขา

แม้ว่าสำหรับจอมเวทแล้ว การ์ดเวทมนตร์นั้นจะมีค่าพอ ๆ กับชีวิตของพวกเขา แต่ดาร์กรู้สึกว่าแคลร์เต็มใจที่จะสอนเขา เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ

“ฉันอาจจะขอร้องเธอได้!”

“รวบรวมความกล้าของตัวเองสิ ดาร์ก!”

ในวันอาทิตย์ ดาร์กปรึกษากับศาสตราจารย์ลิลลี่ก่อนจะเดินไปตามถนนนักเดินทางเพื่อซื้อของขวัญให้กับแคลร์

หลังอาหารเย็น เขานำของขวัญไปให้แคลร์ที่หอพักศาสตราจารย์

แคลร์อยู่ที่เซนต์แมเรียนมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว แต่ดาร์กยังไม่เคยไปเยี่ยมเลย แม้แต่วันนี้เองก็มาอย่างมีจุดประสงค์ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกละอายใจเล็กน้อย