หัวใจของฮ่อหยุนเฉิงแข็งตัวก่อนจะรับสายอย่างรวดเร็ว “คุณปู่มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“หยุนเฉิง รบกวนหลานหรือเปล่า?” เสียงต่ำของท่านผู้เฒ่าฮ่อดังมาจากปลายสาย
“เปล่าครับคุณปู่ มีอะไรงั้นเหรอครับ” ฮ่อหยุนเฉิงถามด้วยความเป็นห่วง
“โอ้ ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก” ท่านผู้เฒ่าฮ่อแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย “ปู่แค่อยากถามหลานหน่อยว่าหลานคิดจะจัดการแม่หลานกับฮ่อเฉียนยังไง?”
“คุณปู่ ผมไม่มีทางปล่อยสองคนที่ทำร้ายปู่แบบนั้นแน่นอน ไม่ต้องห่วงครับ ต่อไปพวกเขาจะไม่มีโทกาสมาทำร้ายปู่ได้อีก”
เมื่อนึกถึงเรื่องที่แม่ฮ่อและฮ่อเฉียนทำ ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งขึ้น
“หลานคิดจะขังพวกเขาไปตลอดชีวิต?” ท่านผู้เฒ่าฮ่อขมวดคิ้ว
“ไม่อย่างนั้นล่ะครับ?” ฮ่อหยุนเฉิงขดริมฝีปาก และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของเขา
“ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นแม่ของหลาน ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็ปล่อยพวกเขาได้แล้วล่ะ” ท่านผู้เฒ่าฮ่อหรี่ตาลง พร้อมใช้น้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์
ฮ่อหยุนเฉิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ
เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
คุณปู่ขอให้เขาปล่อยแม่ฮ่อกับฮ่อเฉียน?
หรือคุณปู่ลืมไปแล้วว่าสองคนนี้วางยาพิษเขาได้ยังไง?
“ทำไมล่ะครับคุณปู่?” ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงมืดสนิทและพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเย็นชาและงุนงง
ท่านผู้เฒ่าฮ่อถอนหายใจเบาๆ “ปู่ก็อายุนมากแล้ว อยากให้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาและใช้ชีวิตอย่างสงบ ในเมื่อแม่หลานและฮ่อเฉียนรู้ว่าตัวเองทำผิดแล้ว หลานก็ให้โอกาสพวกเขากลับใจเถอะนะ”
ฮ่อหยุนเฉิงเงียบไปสองสามวินาทีถึงจะพูดขึ้น “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
“งั้นเอาแบบนั้นนะ” ท่านผู้เฒ่าฮ่อวางสายด้วยสีหน้าดูไม่ค่อยดี
เขาไม่รู้ว่าตัวเขาเองทำถูกหรือผิดที่ทำแบบนี้
แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ไม่อยากให้ฮ่อหยุนเฉิงรู้ถึงเหตุการณ์ในอดีตของบ้านตระกูลฮ่อ
หลังจากวางสาย ฮ่อหยุนเฉิงก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ปู่ของเขาจึงขอให้เขาปล่อยแม่ฮ่อและฮ่อเฉียน
เวลาคุณปู่ทำอะไรมีความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว ไม่เคยใจอ่อน
ทำไมคราวนี้ถึงผิดปกติ?
เมื่อเห็นฮ่อหยุนเฉิงรับโทรศัพท์แล้วนิ่งขรึม ซูฉิงจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ฮ่อหยุนเฉิงที่ได้สติก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณปู่ขอให้ฉันปล่อยแม่กับฮ่อเฉียน”
“ทำไมล่ะ?” ซูฉิงเองก็งงมากเช่นกัน
ฮ่อหยุนเฉิงส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ คุณปู่ถึงเปลี่ยนใจ เขาบอกว่าเขาจะให้โอกาสแม่ฉันกับฮ่อเฉียนกลับใจ”
กลับใจ?
ซูฉิกระตุกมุมปาก และใบหน้าของแม่ฮ่อและฮ่อเฉียนก็ปรากฏขึ้นในหัวเธอทันที
ถ้าพวกเขายังมีสติสัมปชัญญะและรู้จักกลับใจ พวกเขาคงไม่ทำเรื่องแบบนั้นอย่างการวางยาพิษท่านผู้เฒ่าฮ่อหรอก
หรือท่านผู้เฒ่าฮ่อคิดจริงๆ ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลง?
“นายเชื่ออย่างนั้นเหรอ?” ริมฝีปากของซูฉิงขดเชิงล้อเลียน ก่อนจะถามกลับ
ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงนิ่งลึกและเย็นชา “ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ ในเมื่อปู่เอ่ยปากอย่างนั้น ฉันก็ขัดความตั้งใจของเขาไม่ได้”
“นายไม่กลัวว่าพวกเขาจะทำผิดอีกเหรอ?” หัวใจของซูฉิงบีบรัดแน่น
ฮ่อหยุนเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ฉันจะไม่ให้โอกาสพวกเขาอีก ฉันจะให้คนจับตาดูพวกเขาเอาไว้”
ซูฉิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ท่านผู้เฒ่าฮ่อถึงขอให้ฮ่อหยุนเฉิงปล่อยคนสองคนนั้น
ซึ่งไม่สอดคล้องกับวิธีการทำงานของท่านผู้เฒ่าฮ่อเลย
หรือว่ายิ่งอายุมากก็ยิ่งใจอ่อน?
แต่ในเมื่อฮ่อหยุนเฉิงพูดเช่นนั้น ซูฉิงจึงพูดอะไรไม่ได้มาก
เพราะยังไงก็นี่คือเรื่องของบ้านตระกูลฮ่อ
ตึกตระกูลสวีกรุ๊ป
สวีหว่านเอ๋อร์แต่งตัวจัดเต็มขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุด และตรงไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน
เธอเอื้อมมือออกไปเคาะประตู ก่อนจะได้ยินเสียงเย็นชาของสวีมู่หยาง “เข้ามา”
สวีหว่านเอ๋อร์ผลักเปิดประตูเข้าไป “พี่!”
สวีมู่หยางเงยหน้าขึ้น “หว่านเอ๋อร์ เธอมาได้ไง?”
สวีหว่านเอ๋อร์หมุนตัวตรงหน้าสวีมู่หยาง “พี่ วันนี้ฉันสวยไหม?”
“สวยมาก” ดวงตาของสวีมู่หยางส่องประกายแวววาว
สวีหว่านเอ๋อร์เชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ
วันนี้เป็นวันครบรอบปีที่ห้าสิบของตระกูลสวีกรุ๊ปและจะมีงานเลี้ยงใหญ่ในตอนเย็น
ในฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลสวีกรุ๊ป เธอก็ต้องแต่งเนื้อแต่งตัว เพื่อเข้าร่วมและกลายเป็นผู้หญิงที่ตระการตาที่สุดในงานเลี้ยง
นอกจากนี้ คืนนี้เธอมีงานสำคัญกว่าที่ต้องทำในคืนนี้
นั่นก็คือคืนนี้เธอจะกลายเป็นผู้หญิงของฮ่อหยุนเฉิง!
เธอสวมเดรสสั้นคอวีที่ทั้งมีเสน่ห์และบริสุทธิ์ ฮ่อหยุนเฉิงน่าจะชอบมัน
แผนคืนนี้ต้องสำเร็จ จะล้มเหลวไม่ได้!
เมื่อนึกอย่างนั้น เธอก็เดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุขและวางแขนโอบรอบคอของสวีมู่หยาง “พี่คะ หยุนเฉิงจะมาร่วมงานคืนนี้ใช่ไหมคะ?”
สวีมู่หยางก้มมองน้องสาวของเขาที่มีใบหน้าบ้าผู้ชาย และตอบอย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อวานเขาบอกว่าเขาจะมานะ”
“งั้นเขาคงจะเปลี่ยนใจหรอกใช่ไหม?” เสียงของสวีหว่านเอ๋อร์ประหม่าเล็กน้อย
ถ้าฮั่วหยุนเฉิงเปลี่ยนใจไม่มางานเลี้ยงคืนนี้ ความพยายามของเธอก็ต้องสูญเปล่า
สวีมู่หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันเองก็ไม่รู้ คงไม่หรอก”
“พี่โทรเตือนเขาสิ” สวีหว่านเอ๋อร์จับแขนของสวีมู่หยางและอ้อนไม่หยุด
“หว่านเอ๋อร์ เธอยังไม่ล้มเลิกเรื่องหยุนเฉิงอีกเหรอ?” ใบหน้าของสวีมู่หยางกระชับขึ้นเล็กน้อย “เธอเองก็เห็นความโกลาหลในอินเทอร์เน็ตช่วงนี้แล้วนี่ ฮ่อหยุนเฉิงมีทั้งคู่หมั้น มีทั้งรักแรก เขาเอาแต่พัวพันระหว่างทั้งสองคน หว่านเอ๋อร์ โลกนี้มีผู้ชายดีๆ อยู่ตั้งเยอะ ไว้พี่จะแนะนำคนที่ดีกว่านี้ให้”
“พี่ ฉันชอบแค่เขาคนเดียว พี่ก็น่าจะรู้นี่” ใบหน้าของสวีหว่านเอ๋อร์คุมไม่อยู่ “อีกอย่าง ฉันแค่อยากเจอเขา ไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย พี่คงจะไม่กลัวแม้แต่เรื่องจะโทรไปใช่ไหม?”
สวีมู่หยางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขของฮ่อหยุนเฉิงก่อนจะกดเปิดลำโพง
“คุณสวี มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เสียงน่าดึงดูดของฮ่อหยุนเฉิงดังมาจากปลายสาย
สายตาที่มองมาของสวีหว่านเอ๋อร์อย่างกระตือรือร้น สวีหว่านเอ๋อร์กระแอมในลำคอและกล่าวว่า “ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่จะมาเตือนคุณว่าอย่าลืมมางานเลี้ยงเพื่อสนับสนุนตระกูลสวีกรุ๊ปในตอนเย็นนะครับ”
“ครับ จะไปตรงเวลา” ฮ่อหยุนเฉิงประหลาดใจเล็กน้อย สวีมู่หยางโทรหาเขาแค่เพื่อเตือนว่าอย่าลืมไปงานเลี้ยงเนี่ยนะ?
สวีมู่หยางกลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร?
หลังจากได้รับคำตอบจากฮ่อหยุนเฉิงแล้ว สวีมู่หยางจึงกล่าวขอบคุณก่อนจะวางสายไป
“หว่านเอ๋อร์ สบายใจหรือยัง?” สวีมู่หยางเลิกคิ้ว
“ขอบคุณนะพี่!” ใบหน้าของสวีหว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยความสุข ก่อนจะก้มหน้าจูบแก้มของสวีมู่หยาง “ฉันรู้ว่าพี่รักฉันที่สุด!”
หลังจากพูดจบ สวีหว่านเอ๋อร์ก็เดินออกจากห้องท่านประธานไปอย่างมีความสุข
เธอตั้งตารอคอยคืนนี้!