ตอนที่ 1592 พรรคไล่ตามวายุ (2) / ตอนที่ 1593 สหายที่ไล่ตามวายุ (3)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1592 พรรคไล่ตามวายุ (2)

รอยยิ้มของเด็กชายไร้เดียงสาราวกับเขาเป็นเด็กที่ไม่เคยเผชิญโลกกว้าง ทำให้คนอื่นเชื่อใจเขาได้ง่ายๆ

บ้านหลังหนึ่งปรากฏอยู่ไม่ไกล บริเวณรอบบ้านมีต้นหลิวขึ้นอยู่รอบๆ กิ่งของมันของโน้มลงไปทั่วจนบดบังบ้านเอาไว้

เมื่อเด็กชายเข้าไปในนั้น กลุ่มคนที่กำลังดื่มและพูดคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานก็หันมาเห็นแล้วผิวปาก

“เสี่ยวเหยียน เจ้ากลับมาแล้วหรือ คนพวกนี้คือ…”

“ท่านลุงเทียนเฟิง ท่านลุงซงมู่ ท่านป้าเสี่ยวซี แขกกลุ่มนี้เป็นมนุษย์ที่บังเอิญเข้ามาในเมืองสัตว์อสูรดังนั้นข้าเลยพาพวกเขามาที่นี่” ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส รอยยิ้มของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ ใบหน้ากลมของเขาเหมือนไข่ไก่ที่เนียนนุ่ม

“อ้อ?” เทียนเฟิงเลิกคิ้วแล้วยืนขึ้น เขาเดินมาหาอวิ๋นลั่วเฟิงพร้อมหัวเราะเสียงดังก่อนพูดอย่างสดใสว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นมนุษย์เหมือนกัน ในนามของรองหัวหน้า ข้าก็ยินดีให้เจ้าเข้าร่วมพรรคนี้ โปรดบอกนามตัวเองมา”

“ข้าชื่ออวิ๋นลั่วเฟิง” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ “นี่คือคนรักของข้า อวิ๋นเซียว อีกสองคนเป็นผู้ติดตามของข้า ชื่อหวงอิงอิงและหูหลี”

นัยน์ตาเป็นมิตรของเทียนเฟิงเปร่งประกาย เด็กสาวงามล่มเมืองตรงหน้าพวกเขาสวมชุดสีขาวราวหิมะ ใบหน้าของนางสูสีกับคนของเผ่าสัตว์อสูรเลยทีเดียว ส่วนอวิ๋นเซียว…ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะหล่อเหลาเย็นชา แต่เขาเหมือนสุนัขแยกเขี้ยวที่แสนซื่อสัตย์ที่คอยคุ้มกันเด็กสาวข้างกายเขาอยู่เงียบๆ แต่ว่ากลิ่นอายของชายคนนี้ก็น่าเกรงขามมากจนทำให้ผู้อื่นใจสั่นสะท้าน

“ภารกิจหลักของพวกเราพรรคไล่ตามวายุคือรวบรวมมนุษย์ทุกคนที่อยู่ในเมืองสัตว์อสูรเพื่อสู้กับสัตว์อสูรวิญญาณ ข้าเดาว่าเจ้าคงถูกสัตว์อสูรวิญญาณตามล่า ดังนั้นเจ้าเลยหนีมาที่นี่ แต่นั่นไม่สำคัญ ตอนนี้พวกเจ้ามาที่พรรคไล่ตามวายุแล้ว พวกเราไม่ยอมให้มีสัตว์อสูรวิญญาณตนใดรังแกพวกเจ้าแน่” ซงมู่สาบานแล้วเอามือทุบเข้าที่หน้าอกของตัวเอง

“ข้ามีบางอย่างอยากจะถามเจ้า” หูหลีเลิกคิ้ว “ในเมื่อเจ้าถูกสัตว์อสูรวิญญาณไล่ตามมาที่นี่ ทำไมเจ้าไม่ออกจากเมืองสัตว์อสูรแล้วเดินทางไปเขตของมนุษย์ล่ะ”

พวกเขามีวัตถุประสงค์อะไรถึงยังอยู่ที่นี่

“ออกไปงั้นหรือ เจ้าพูดเล่นใช่ไหม เจ้าไม่รู้หรือว่าทันทีที่เจ้าออกจากเมืองสัตว์อสูร คนที่อ่อนแอจะถูกคนจากเมืองอุดรสังหารทันที ส่วนคนที่แข็งแกร่งก็ต้องใช้ชีวิตภายใต้การสอดส่องจับตาตลอดไป หากเป็นอย่างนั้น สู้เสี่ยงอยู่ในเมืองสัตว์อสูรต่อดีกว่า”

คนที่พูดก็คือสตรีคนเดียวในกลุ่มคนทั้งสาม รอยยิ้มของนางเย็นชาและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“เสี่ยวซี” เทียนเฟิงขมวดคิ้วแล้วมองเสี่ยวซีก่อนจะหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนพูดอย่างเป็นมิตรว่า “ไม่นานมานี้ ข้าได้ยินข่าวว่าราชาเผ่าเสือดาวถูกมนุษย์โจมตีจนบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เผ่าอื่นๆ ในเมืองสัตว์อสูรเดือดดาล ดังนั้นเผ่าพวกนั้นจึงวางแผนร่วมมือกันสังหารมนุษย์ที่ทำร้ายราชาเสือดาว”

มนุษย์ที่ทำร้ายราชาเสือดาวงั้นหรือ

อวิ๋นลั่วเฟิงมองใบหน้าไร้ความรู้สึกของอวิ๋นเซียวที่อยู่ข้างนางก่อนจะรีบหันหน้าหนีทันที นางยักไหล่อย่างจนปัญญา ดูเหมือนว่าหลังจากที่พวกนางออกมาจากนครสัตว์อสูรจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

หูหลีมีสีหน้ากังวลเหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองเขาแล้วยิ้ม “เจ้ากังวลเรื่องขององค์หญิงของเผ่าเสือดาวหรือ”

เมื่อหูหลีรู้ว่าความคิดของเขาถูกมองออก ใบหน้าของเขาก็แข็งค้างแล้วยกมือปิดหน้าด้วยความอับอาย “นางเป็นองค์หญิงของเผ่าเสือดาว คนพวกนั้นคงไม่ทำร้ายนาง…” แม้หูหลีจะพูดแบบนั้น แต่ในใจเขาก็ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่พูดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

…………………………………..

ตอนที่ 1593 สหายที่ไล่ตามวายุ (3)

ไม่มีใครรู้นิสัยขององค์หญิงใหญ่ดีไปกว่าเขา ถ้านางโยนความผิดทั้งหมดไปให้อีลี่ เช่นนั้นแล้วชีวิตของอีลี่ก็ไม่เหลือแน่

เขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น!

“ถ้าเจ้ากังวล ข้าก็จะให้อิงอิงไปเป็นเพื่อนเจ้าพาองค์หญิงอีลี่มาที่นี่” อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้ามองเขา “เป้าหมายของเผ่าสัตว์อสูรคือข้าและอวิ๋นเซียว ดังนั้นตอนนี้นางก็คงยังไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย”

แต่ถ้าพวกเขารอนานกว่านี้ ไม่แน่ว่านางอาจจะ…

อวิ๋นลั่วเฟิงยอมให้หวงอิงอิงตามมาด้วยก็เพราะหวงอิงอิงได้เข้าพิธีสืบทอดแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของนางจึงเพิ่มขึ้นเหมือนติดจรวด และภายใต้สถานการณ์ ปกติเผ่าสัตว์อสูรก็ไม่สามารถหยุดนางได้

“ก็ได้” หูหลีตกลง เขาไม่ได้มีความรู้สึกใดให้อีลี่ แต่นางช่วยชีวิตเขาไว้ เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่ควรทิ้งนางไว้ข้างหลังโดยไม่สนใจอะไรเลย

“แม่นางอวิ๋น เหตุใดผู้ติดตามของท่านถึงจากไป” ซงมู่มองหูหลีและหวงอิงอิงที่กำลังออกไปอย่างสงสัย

เมื่อครู่อวิ๋นลั่วเฟิงพูดคุยกับหูหลีและหวงอิงอิงผ่านทางความคิด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ยินเสียงของนาง รวมถึงนางเองก็ระวังตัวเป็นอย่างมาก นางจึงไม่มีทางยอมให้คนตรงหน้าพวกนางรู้วัตถุประสงค์ของนางแม้พวกเขาจะเป็นมนุษย์ก็ตาม

“ไม่มีอะไร”

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม

ถึงแม้ว่าซงมู่และคนอื่นๆ จะเต็มไปด้วยความสับสน แต่พวกเขาก็ไม่ควรได้รู้ความจริง ทุกคนเองก็มีบางอย่างที่ไม่อยากพูดใช่หรือไม่ …

วันต่อมาเกิดระเบิดขึ้นในบ้าน ทำให้ทุกคนกระโดดขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจกลัว

“เกิดอะไรขึ้น” ซงมู่เป็นคนแรกที่พุ่งออกจากห้องนอน ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกมา เขาก็ต้องพบกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรมีปีก ร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

“เกิดอะไรขึ้น สัตว์อสูรวิญญาณเจอสถานที่แห่งนี้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร”

เวลาเดียวกัน คนอื่นๆ ก็รีบออกจากห้องของพวกเขา เมื่อพวกเขาเห็นสัตว์อสูรวิญญาณมีปีก สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้

“ท่านซงมู่ ไม่ใช่ว่าว่าเมื่อวานนี้คนพวกนี้พึ่งมาถึงหรอกหรือ พวกเขาเป็นคนนำสัตว์อสูรวิญญาณมาที่นี่!” ใครบางคนในกลุ่มพูดขึ้นดึงความสนใจของทุกคน

“ใช่แล้ว ต้องเป็นคนพวกนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ติดตามของผู้หญิงคนนี้ก็เพิ่งจากไปเมื่อวาน พวกเขาต้องไปรายงานที่อยู่ของพวกเราให้สัตว์อสูรวิญญาณพวกนี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมสัตว์อสูวิญญาณพวกนี้ถึงมาเจอพวกเราทันทีที่พวกเขามาถึงเล่า”

ช่วยไม่ได้ที่คนพวกนี้จะสงสัย พวกเขาหลบซ่อนมาได้เกือบสองปีแล้วและไม่เคยถูกสัตว์อสูรวิญญาณเจอมาก่อน ดังนั้นสัตว์อสูรจะเจอพวกเขาทันทีที่พวกนางมาถึงได้อย่างไร

ตอนนั้นเอง อวิ๋นลั่วเฟิงก็ผลักประตูออกมาจากห้อง ร่างงดงามของนางก็ปรากฏขึ้นภายใต้แสงของดวงตะวัน อวิ๋นเซียวยืนอยู่เงียบๆ ข้างๆ นาง สายตาเย็นเยียบของเขาไม่เห็นใครอยู่ในสายตานอกจากเด็กสาวข้างตัวเขา

“ท่านซงมู่! ข้าเสนอให้พวกเราสังหารมนุษย์พวกนี้ก่อนที่สัตว์อสูรวิญญาณพวกนี้จะสังหารพวกเราทั้งหมด! เจ้าเด็กโง่เสี่ยวเหยียนนั่นด้วย! ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพามนุษย์พวกนี้เข้ามา เรื่องนี้ก็ไม่เกิดขึ้น พวกเราควรสังหารเขาด้วยเหมือนกัน”

ภายในฝูงชน ชายที่กล่าวหาอวิ๋นลั่วเฟิงตั้งแต่แรกพูดขึ้นอีกครั้งแล้วมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ

ใบหน้าเสี่ยวเหยียนซีดเผือดไร้สีเลือด เขากลัวเกินกว่าจะพูดอะไร ได้แต่ใช้สายตาน่าสงสารมองซงมู่

“พอ!” ซงมู่ขมวดคิ้ว “พวกเราไม่มีหลักฐานว่าแม่นางอวิ๋นเป็นคนพาสัตว์อสูรวิญญาณมาที่นี่! การกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก!”