ตอนที่ 696

Elixir Supplier

696 สารภาพผิด

 

ชาวบ้านหลายๆคนรู้ว่า ที่หวังเย้าสามารถซื้อรถนำเข้าได้ เป็นเพราะเขาปลูกสมุนไพรขาย แล้วเขายังซื้ออพาร์ทเมนต์ในตัวเมืองเอาไว้ด้วยห้องหนึ่ง มีคนเคยคิดอยากจะทำตามเขาบ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครลงมือทำจริงๆจังๆสักคน

 

เรื่องการปลูกสมุนไพรเป็นอันเรียบร้อยแล้ว

 

วันต่อมา หวังเจ๋อเชิงไปที่คลินิกของหวังเย้าและถามเกี่ยวกับเรื่องการปลูกสมุนไพร

 

“ผมแนะนำให้พี่ลองปลูกสมุนไพรหลายๆตัวดู อย่างพวก หลงตาน, ฟ่างเฟิง, แล้วก็ซิลเวิร์ธ” หวังเย้าพูด “พี่ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะขายสมุนไพรพวกนี้เลยนะครับ ผมจะเป็นคนจัดหาเมล็ดกับต้นกล้ามาให้ แต่ผมมีข้อแม้อยู่ด้วย”

 

“ข้อแม้อะไรเหรอ?” หวังเจ๋อเชิงถาม

 

“พี่ห้ามใช้ปุ๋ยเด็ดขาดครับ” หวังเย้าพูด

 

“ไม่มีปัญหา” หวังเจ๋อเชิงพูด

 

“ผมมีหนังสืออยู่สองสามเล่ม ลองเอาไปอ่านดูก่อนนะครับ” หวังเย้าหยิบหนังสือจากบนโต๊ะขึ้นมา

 

เล่มหนึ่งเป็นวิธีการเกี่ยวกับการปลูกสมุนไพร ในครั้งแรกที่หวังเย้าเริ่มปลูกสมุนไพรบนเขา เราก็ศึกษาจากเล่มนี้ ภายในหนังสือได้อธิบายขั้นตอนพื้นฐานที่สุดเอาไว้ ซึ่งมันสำคัญมาก ในตอนแรกที่เขาเริ่มปลูกสมุนไพร เขาได้ใช้ความระมัดระวังอย่างมาก

 

“ขอบคุณนะ” หวังเจ๋อเชิงรู้สึกขอบคุณจากใจ

 

“แล้วพ่อของพี่เป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม

 

“เขาก็สบายดี” หวังเจ๋อเชิงพูด

 

พ่อของเขาได้กินยาของหวังเย้าเข้าไป เขาอยู่ในอารมณ์ที่ดีมาก และดูเหมือนอาการของเขาจะอยู่ในการควบคุมแล้ว อาการของเขาไม่ได้แย่ลงเลย ดังนั้น หวังเจ๋อเชิงจึงพอใจมาก

 

“ดีครับ แต่จะต้องกินยาให้ตรงเวลาเสมอด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

หวังเจ๋อเชิงเอาหนังสือกลับไปที่บ้านและปรึกษาเรื่องนี้กับภรรยาของเขา พวกเขาเลือกที่ดินผืนหนึ่งตรงตีนเขาตงชาน มันเป็นที่ดินของตระกูลและอยู่ใกล้กับบ้านของพวกเขา มันไม่เหมาะจะปลูกข้าวและเหมาะสำหรับการปลูกสมุนไพร

 

 

ที่ปักกิ่ง

 

“พี่ พี่คิดว่ายังไงบ้าง?” เฉาฮุยเพิ่งจะกลับมาถึง เธอเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ

 

“ฉันจะยอมรับผิด!” เฉาเหมิงถอนหายใจ “ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ฉัน แล้วพาฉันไปที่นั่นที”

 

“พี่จะออกจากโรงพยาบาลทั้งๆแบบนี้ไม่ได้นะ” หนึ่งในคนที่เพิ่งมาถึงพูด

 

พวกเขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่พวกเขารู้ว่า ถ้าเขาออกจากโรงพยาบาลไป เขาก็จะตาย ถ้าเขาตายขึ้นมา แล้วใครจะเอาเงินให้พวกเขาใช้ล่ะ?

 

“หุบปากซะ!” เฉาเหมิงตะคอก “เฮ้อ ถ้าฉันรู้ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ละก็ ฉันก็คงจะไม่ทำตั้งแต่แรก!”

 

หลายวันที่ผ่านเขา การที่ได้นอนอยู่แต่บนเตียง ทำให้เขาได้คิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เขาได้ทำลงไปในอดีต คำพูดที่ว่า “เศษสวะ” มันยังน้อยไปสำหรับเขาด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาทำลงไปมันเลวร้ายมาก เขาสร้างหายนะให้กับครอบครัวคนอื่น มันไม่ถือว่าเป็นการจงใจฆ่า แต่ก็เป็นการฆ่าพวกเขาทางอ้อม

 

“นี่คงจะเป็นเวรกรรมสินะ” เฉาเหมิงพูด

 

“อะไรนะ? คุณจะออกจากโรงพยาบาลตอนนี้เนี่ยนะ!” แพทย์ได้ฟังคำขอของพวกเขา ก็ได้แต่ประหลาดใจ “ถ้าอยู่โรงพยาบาลชีวิตของเขาก็ยังปลอดภัย แต่ถ้าคุณออกไปเมื่อไหร่ ผมคงช่วยอะไรไม่ได้”

 

ผมรู้” เฉาเหมิงพูด “เราจะยอมรับกับผลที่จะตามมา”

 

“ก็ดี งั้นคุณก็เซนต์ตรงนี้ได้เลย” แพทย์เห็นว่าพวกเขาได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว

 

หลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขาก็ยินยอมให้พวกเขาออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่คนไข้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของแพทย์อีกต่อไป

 

เฉาเหอและเฉาฮุยเซนต์ลงไปในเอกสาร พวกเขาขอยาจากแพทย์เพื่อช่วยพยุงอาการของเฉาเหมิงเอาไว้ชั่วคราว หลังจากที่พวกเขาจ้างรถได้คันหนึ่งแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าสู่เขตเหลียนชานทันที

 

“นี่ ทำไมหัวหน้าต้องทำแบบนี้ด้วย?” หนึ่งในคนของเฉาเหมิงถามขึ้นมา

 

เฉาเหมิงเดินทางไปเขตเหลียนชานพร้อมกับเฉาฮุยและเฉาเหอแค่สามคนเท่านั้น เขาทิ้งทั้งสี่คนให้ดูแลอีกสามคนที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

 

“ใครจะไปรู้ล่ะ” ชายอีกคนพูด

 

“เขาคิดจะหนีรึเปล่า?” ชายคนที่สามพูด

 

“หนีเหรอ? เขาจะหนีไปที่ไหนได้ล่ะ?” ชายคนแรกถาม

 

“ก็ดูสภาพของหัวหน้าสิ” ชายคนที่สามพูด “เขาใกล้ตายอยู่รอมร่อ แล้วอีกสองคนก็เป็นคนสนิทของเขาเอง หรือเขาคิดจะหาที่เอาไว้แบ่งเงินกับสองคนนั้น?”

 

“ก็เป็นไปได้นะ” ชายคนแรกพูด “เราน่าจะลองตามเขาไปนะ”

 

“แล้วหัวหน้าจะไปที่ไหนล่ะ?” ชายคนที่สองถาม

 

“เขาต้องกลับไปที่บ้านเกิดของเขาแน่” ชายคนแรกพูด “ฉันเคยได้ยินหัวหน้าพูดอยู่หลายครั้งว่า ใบไม้ร่วงหล่นกลับไปที่รากเหง้าของมัน”

 

“ใช่ เขาจะต้องกลับไปที่บ้านเกิดของเขาแน่ๆ” ชายคนที่สามพูด

 

“แล้วพวกเราจะรออะไรอยู่ล่ะ?” ชายคนที่สี่ถาม “รีบตามเขาไปที่นั่นกันเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้น มันอาจจะสายเกินไปก็ได้!”

 

ชายทั้งสี่รีบร้อนออกไปจากโรงพยาบาลและขับรถไปที่บ้านเกิดของเฉาเหมิง ส่วนอีกสามคนที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและต้องการคนดูแลนั้น ใครเขาจะไปมีเวลามาสนใจกันล่ะ? พวกเขาไม่ใช่ญาติกันสักหน่อย และเป็นแค่ทีมที่ทำงานด้วยกันชั่วคราวเท่านั้น

 

“อ้าว พวกเขาไปไหนกันหมดแล้วล่ะ?” นางพยาบาลที่เห็นว่าเหลือแค่คนไข้อยู่ภายในห้องก็ขมวดคิ้วมุ่ย

 

เฉาจื่อเจินถอนหายใจ เขาคิดว่า เขาคงจะตายไปทั้งๆแบบนี้ เขานึกถึงบ้านเกิดของเขา บ้านที่ทรุดโทรม และพ่อแม่ของเขา

 

ฉันสมควรได้รับกรรมแล้ว!

 

รถเคลื่อนตัวไปบนถนนราวกับจะบินได้ เฉาเหมิงนอนอยู่บนที่นั่งด้านหลัง เขาไม่เหลือแรงเลยแม้แต่น้อย และแทบจะกลายเป็นร่างไร้ลมหายใจอยู่รอมร่อ

 

“พี่ทนหน่อยนะ” เฉาเหอพูด

 

พวกเขาเดินทางออกจากเมืองหลวงในตอนเช้าและมาถึงเขตเหลียนชานในตอนค่ำ จากนั้น พวกเขาก็เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง เช้าของวันถัดมา พวกเขาก็เดินทางไปที่หมู่บ้านกลางเขาและรอคอยอยู่ด้านนอกคลินิก

 

ภูเขาโดยรอบเงียบสงัด มีควันจากการทำอาหารลอยออกมาจากปล่องไฟของบ้านแต่ละหลัง

 

เมื่อถึงเวลาแปดโมงเช้า หวังเย้าที่ลงมาจากเขาก็เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ด้านนอกคลินิก

 

หลังจากที่เห็นเขามาแล้ว เฉาฮุยก็เดินเข้าไปหาเขา “หมอหวัง”

 

“เขามาด้วยรึเปล่า?” หวังเย้าถาม

 

“ค่ะ เขามาด้วย” เฉาฮุยพูด

 

“เข้ามาข้างในก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด

 

ทั้งสองช่วยกันพยุงเฉาเหมิงเข้าไปในคลินิก

 

“คุณตัดสินใจได้รึยัง?” หวังเย้าถาม

 

“อืม” เฉาเหมิงพูดอย่างเรี่ยวแรง

 

“ดี” หวังเย้าพูด

 

หวังเย้ากดโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

“สารภาพผิดเหรอ?” คนที่รับสายตกตะลึง

 

พวกเขารีบส่งคนไปที่คลินิกทันที และก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นสภาพของเฉาเหมิง “นี่คือ?”

 

“คุณเคยสอบสวนเขาแล้วรอบหนึ่งนี่” หวังเย้าพูด

 

“เขากลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม

 

“เขาทำเรื่องไม่ดีเอาไว้เยอะ เวรกรรมมันก็เลยตามทันเขายังไงล่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เอาล่ะ พูดมาได้เลย” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งพูด

 

เฉาเหมิงพูดอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ว่าเขาได้รับสายแปลกๆสายหนึ่ง สายที่โทรมาหาเขานั้น ได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องการเบลคเมลล์หวังเย้าและยังบอกวิธีการต่างๆให้เขาด้วย

 

ฮึ่ม! เมื่อได้ยินคำพูดของเฉาเหมิง หวังเย้าก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “นายไม่ซื่อสัตย์เลยสักนิด!”

 

คนพวกนี้ไม่เคยมีคำว่าสำนึกอยู่ในหัวเลย

 

เฉาเหมิงหายใจหอบ หวังเย้ายื่นมือออกไปตบที่หน้าท้องของเขาสองสามครั้ง ก่อนที่จะเอายาให้เขาดื่มอีกหนึ่งถ้วย

 

ครั้งนี้ เฉาเหมิงไม่ได้อาเจียนออกมา เขารู้สึกอบอุ่นในกระเพาะของเขา หลายวันที่ผ่านมา เขาต้องทุกข์ทรมานอย่างมาก หลังจากที่ได้ดื่มยาเข้าไปถ้วยหนึ่งแล้ว เขาก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก

 

“แล้วชายแก่ที่ตายคนนั้นล่ะ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม

 

เฉาเหมิงอึ้งไป นั่นสินะ โชคคงจะไม่ช่วยคนอย่างเขาหรอก “เราเอายาให้เขากิน”

 

“ยาอะไร?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม

 

“มันเป็นยาสูตรหนึ่ง” เฉาเหมิงพูด “แต่เราไม่รู้ว่ามันใส่อะไรไปบ้างหรอก”

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ฟังอยู่ต่างก็หันมามองหน้ากัน หวังเย้าเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าคนตาย เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากปากของเฉาเหมิงกลับกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลย

 

“นายจะต้องรับผิดชอบเรื่องที่นายพูดมาด้วยนะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด

 

“ที่ผมพูดมาเป็นความจริงทั้งหมด” เฉาเหมิงพูด

 

เรื่องมันมาไกลเกินจะถอยกลับแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตายอย่างเจ็บปวดหรืออยู่อย่างต่ำต้อย เขาก็ขอเลือกข้อหลังมากกว่า

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถตัดสินใจเรื่องทั้งหมดได้ ดังนั้น พวกเขาจึงนำเรื่องนี้ขึ้นรายงานแบบเร่งด่วน ไม่นาน ก็มีคนเข้ามาจัดการกับคดีนี้ ด้วยสภาพของเฉาเหมิงในตอนนี้แล้ว ทำให้พวกเขาทำได้เพียงบันทึกคำสารภาพของเขาเอาไว้ได้เท่านั้น

 

เรื่องเกือบจบแล้ว

 

หวังเย้าถอนสิ่งที่เขาทำเอาไว้กับเฉาเหมิง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ยกเลิกการสะกัดจุดที่เส้นเลือดและเส้นประสาทของเฉาเหมิง มันอาจจะฟังดูยุ่งยาก แต่กลับใช้เวลาสั้นๆไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ

 

ฮ้า! เฉาเหมิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ราวกับเขาได้รับการอภัยโทษแล้ว

 

แน่นอนว่าเขานั้นเกลียดหวังเย้า แต่เขาไม่เคยมีความคิดที่จะแก้แค้น เขากำลังจะเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว เขาจึงไม่อยากจะความเกลียดชังมันเพิ่มขึ้นและส่งต่อไปยังลูกหลานของเขา

 

เฉาเหมิงเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งและเป็นโรงพยาบาลเหลียนชาน ครั้งนี้ต่างออกไปจากครั้งก่อน เขาถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยควบคุมอย่างเข้มงวด เพราะเขาคือผู้ต้องสงสัยในคดีต้มตุ๋นและฆาตกรรม ข้อหาที่สองถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงด้วย

 

“ฉันคงจะต้องอยู่ในนั้นไปตลอดชีวิต อย่าคิดแก้แค้นแทนฉันเลยนะ!” เฉาเหมิงบอกกับเฉาเหอและเฉาฮุย “หางานดีดีทำ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างสงบและมั่นคงเถอะนะ”

 

“พี่ต้องดูแลตัวเองให้ดีดีด้วยนะ” เฉาเหอพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว

 

เฉาเหมิงสารภาพผิดออกไปแล้ว แต่ก็ยังเหลืออยู่อีกเจ็ดคน และคนเหล่านั้นก็กำลังจะได้รับโทษเช่นเดียวกัน