บทที่ 965 ประตูสู่นรก

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงไม่จงใจทิ้งเครื่องหมายไว้หรอก เขาแค่อยากให้เราระวังตัวขึ้นเท่านั้นเอง…” ขณะที่พูด หลิงม่อก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้ จากนั้นก็ใช้มือคลำจนเจอผนัง ไม่นานเขาก็คลำเจอเครื่องหมายบนผนัง…เดิมทีบนผนังมีของเหลวหนืดและตะไคร่น้ำขึ้นเต็มไปหมด หลังจากถูกเผาไหม้ก็เหลือผงขี้เถ้าไว้จำนวนหนึ่ง หลิงม่อใช้เล็บขูดออกมา ยังไม่ทันยกขึ้นดม ก็ได้กลิ่นไหม้ลอยมาแล้ว

“ผู้ประกาศข่าวสวี่” หลิงม่อยื่นนิ้วมือออกไป “มาดมดูหน่อย บอกได้ไหมว่ามันไหม้มานานแค่ไหนแล้ว?”

“หื้ม? อ้อ ได้สิ”

ท่ามกลางความมืด ลมเย็นๆ พ่นมาที่ปลายนิ้วของหลิงม่อเบาๆ เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงสองวินาทีเท่านี้ แต่พอสวี่ซูหานถอยออกไป หลิงม่อกลับรู้สึกได้ว่าลมหายใจของเธอถี่ขึ้น กระทั่งยังมีท่าทางอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยอีกด้วย…

“เจออะไรแล้วงั้นหรอ?” หลิงม่อรีบถามขึ้นทันที

“หา? กลิ่นของนายหอมมากเลย…” สวี่ซูหานตอบโดยสัญชาตญาณ แต่พอพูดออกไป เธอก็ได้สติทันที จึงรีบแก้ตัว “ไม่ใช่ๆ! ฉันหมายถึง…ดูจากความแรงของกลิ่น น่าจะเพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งนาทีล่ะมั้ง…ใช่สิ! ปากหลุมนี้ไม่มีอะไรผิดปกติอย่างอื่นแล้ว ที่เขาทิ้งเครื่องหมายเตือนไว้ เป็นเพราะตอนที่เขาไล่ตามเข้าไปมีอะไรเกิดขึ้นในหลุมนี้หรือเปล่า?”

“มีเหตุผล” หลิงม่อขยับเข้าไปใกล้ปากหลุม แล้วแผ่หนวดสัมผัสเข้าไปแกว่งไกวข้างในอย่างระมัดระวัง “น่าจะมีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือได้ยินเสียงอื่นที่ไม่ใช่ ‘เสียงร้องขอความช่วยเหลือ’ นั่น อย่างที่สองคือเห็นอะไรเข้า…” พูดถึงตรงนี้ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ฉันว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง”

สวี่ซูหานเพิ่งจะถอนหายใจ ได้ยินก็ชะงักไป “ทำไมล่ะ?”

“นี่…” หลิงม่อยื่นมือออกไป เผยให้เห็นเศษผ้าที่อยู่กลางฝ่ามือเขา “มันติดอยู่บนผนัง นั่นแสดงว่าตอนนั้นเขากำลังรีบมาก ถ้าหากเป็นเสียง เขาน่าจะระวังตัวกว่านี้หน่อย นอกจากว่าจะเห็นอะไรเข้าเท่านั้น เขาถึงได้ไล่ตามไปอย่างบ้าคลั่ง…”

“แต่ว่า…” สวี่ซูหานไม่เข้าใจ เธออยากจะพูดว่าคนบ้าๆ บอๆ อย่างอวี่เหวินซวน ถึงจะเสื้อผ้าขาดวิ่นไปทั้งตัวก็คงไม่แปลกอะไร! แค่เห็นเศษเสื้อชิ้นเดียว ไม่น่าจะตัดสินสถานการณ์อะไรได้หรือเปล่า…การสันนิษฐานไปไกลโดยที่มีเบาะแสเพียงเล็กน้อยแค่นี้ จะไม่เป็นการประมาทเกินไปหน่อยหรอ?

“บางทีพวกเธออาจไม่เคยสังเกตเห็น…ถึงอวี่เหวินซวนจะไม่สนใจเรื่องการแต่งองค์ทรงเครื่องนัก แต่สูทบนตัวเขามักดูใหม่เอี่ยมเสมอ แม้ในสถานการณ์ที่ไม่มีชุดใหม่ให้เปลี่ยนก็ตาม จุดที่เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาจะขาดก็มีแค่ตรงก้นเท่านั้น…” หลิงม่อบอก พลางมุดเข้าไปในหลุมทันที “ในเมื่อเขาเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้ว แสดงว่าต่อไปเขาจะต้องเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่องแน่นอน…พวกเราเองก็เร็วหน่อยเถอะ!”

สวี่ซูหานที่ยืนอยู่ที่เดิมกลับเบิกตากว้าง…

“เดี๋ยวสิ…ทำไมนายถึงได้สังเกตเห็นเรื่องพวกนั้นได้ล่ะ!” เธอมุดตามเข้าไป เพดานในหลุมนี้ต่ำกว่าข้างนอกครึ่งหนึ่ง และยังแคบลงมากด้วย แค่เธอยืนกึ่งนั่งก็ลำบากมากแล้ว ถ้าหากต้องวิ่งด้วยความเร็วอีกล่ะก็ คงต้องมีการเสียดสีเกิดขึ้นบ้างจริงๆ นอกจากนี้ เธอยังพบร่องรอยที่เหมือนเคยถูกฝ่ามือกดอยู่บนผนังปูนซีเมนต์บางจุด ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน น่าจะเป็นร่องรอยที่อวี่เหวินซวนทิ้งไว้

ทว่า ไม่แปลกที่หลิงม่อจะเห็นรายละเอียดพวกนี้โดยใช้พลังจิต…แต่ที่ทำให้สวี่ซูหานตะลึงมากที่สุด กลับเป็นคำพูดที่เขาพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยเมื่อกี้…เรื่องเสื้อผ้าที่ขาดแต่ตรงก้นอาจอธิบายได้ว่าอาศัยจากการสังเกตพลังพิเศษของเขา แต่เรื่องที่เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไม่ เสื้อผ้าสะอาดหรือเปล่านั้น เขารู้ได้ยังไงกัน! หรือที่ผ่านมาเขาแอบมองและแอบสังเกตพวกเขาภายใต้สีหน้าจริงจังอย่างนั้นมาโดยตลอด!

“อ้อ มันเป็นความเคยชินน่ะ” หลิงม่ออธิบาย “สังเกตคนอื่นเยอะๆ ถึงจะสามารถซ่อนตัวเองได้อย่างแนบเนียน เธอน่าจะเข้าใจไม่ใช่หรอ?”

ได้ยินอย่างนี้ สวี่ซูหานพลันชะงักไป…

“จริงด้วย…เขาทำเพื่อพวกเธอนี่นา…” สวี่ซูหานคิดในใจ

ปกติเธอมักสวมหน้ากากและยืนหลบมุม ความจริงนั่นไม่ใช่แค่การป้องกันตัว แต่เป็นวิธีในการปกปิดพฤติกรรมลอบสังเกตการณ์ด้วย…คนอื่นมักมองว่าเธอมีนิสัยประหลาด เป็นผู้หญิงเย็นชา ทว่าเขากลับมองเห็นเนื้อแท้ของเธอที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากนี้…

“แต่ว่าสิ่งที่ฉันสังเกตมักเป็นสิ่งที่อยู่ภายนอก…ไม่ว่ายังไง รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย เธอดูสิ ตอนนี้มันมีประโยชน์แล้วไม่ใช่หรอ” หลิงม่อพูดไป แล้วอยู่ๆ ก็กระโดดไปข้างหน้า แล้วจากนั้นเสียงของเขาก็ดังขึ้นมาจากข้างล่าง “สุดทางแล้ว เธอระวังหน่อย”

“บางครั้งนายสังเกตลึกลงไปข้างในหน่อยก็ดีนะ! อย่างน้อยก็สังเกตฉันบ้าง…” สวี่ซูหานถอนหายใจ พลางเดินไปข้างหน้าสองก้าวแล้วโน้มตัวกระโดดลงไป

หลังจากถึงพื้น สวี่ซูหานก็สัมผัสได้ถึงความต่างเล็กน้อยทันที

โคลนตมบนพื้น…เหมือนจะลึกขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย…บรรยากาศรอบตัวก็ดูเหมือนจะหนานแน่นขึ้น และเต็มไปด้วยกลิ่นฉุนประหลาดๆ เต็มไปหมด หลิงม่อที่กระโดดลงมาก่อนเธอยกแขนเสื้อขึ้นปิดจมูก ขณะเดียวกันก็หรี่ตาเล็กลงอย่างยากลำบาก

“น่าเสียดายที่ไม่ได้เอากระเป๋าเป้มาด้วย” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ไม่งั้นมีแว่นตาอินฟราเรดคงสะดวกกว่านี้”

“ต้องบอกว่า…โชคดีที่นายไม่ได้เอามาต่างหาก” สวี่ซูหานกลับพูดขึ้น

ตอนนี้เธอกวาดมองไปรอบกาย…แม้แต่ซอมบี้อย่างเธอ ยังรู้สึกว่าภาพตรงหน้าโหดร้ายเกินไป…

ทางเชื่อมที่ยาวไม่ถึงสองเมตรเส้นนี้ลากตรงไปยังข้างหน้า ในโคลนตมเต็มไปด้วยเศษกระดูกมากมาย…โครงกระดูกส่วนมากเหลือเพียงกระดูกไม่กี่ชิ้นเท่านั้น แต่ถึงแม้อย่างนั้น สถานที่แห่งนี้ก็ยังทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกแย่มาก…ราวกับได้ก้าวเข้ามาในเส้นทางสู่นรกอย่างไรอย่างนั้น

นอกจากบนพื้น ผนังสองข้างทางก็ไม่น่ามองเลยแม้แต่น้อย…รอยเลือดมากมาย ของเหลวหนืดหนาๆ และยังมีส่วนประกอบที่ไม่มีใครอยากรู้ว่ามันคืออะไร แต่มั่นใจได้ว่ามันมาจากศพพวกนั้นแน่นอน…ร่องรอยพวกนั้นทำให้สวี่ซูหานยกมือขึ้นปิดปากโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้เป็นเพราะขยะแขยง แต่เป็นเพราะหวาดกลัว…

ไม่ว่าอวี่เหวินซวนจะมองเห็นอะไรในนี้ แต่อย่างน้อยสิ่งที่มั่นใจได้คือ สิ่งที่อาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้ ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวยิ่งกว่าซอมบี้แน่นอน…

“หลิงม่อ…” สวี่ซูหานเรียกชื่อเขาอย่างหวาดกลัว

แต่ในตอนนั้นเอง ด้านนอกหลุมซีเมนต์ที่พวกเขาเพิ่งมุดเข้ามา กลับมีเสียง “ตึง” ดังขึ้นมาทันใด

เสียงนั้นใกล้มาก เหมือนดังมาจากปากหลุมโดยตรง!

ทั้งสองสะดุ้งพร้อมกัน ในเสี้ยววินาทีที่สวี่ซูหานหมายจะเคลื่อนไหว หลิงม่อกลับดึงแขนเธอไว้ แล้วไม่นาน เสียงร้อง “ว๊ากก” ก็ดังมาจากข้างนอกหลุม ฟังแวบแรกเหมือนเสียงทารกกรีดร้องเสียงแหลม! ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิด แค่เสียงนี้ก็มากพอที่จะทำให้ผู้ที่ได้ยินขนหัวลุกแล้ว!

——————————————————-