บทที่ 964 การ “ตกปลา” ที่ถูกต้อง

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“ตึง…ตึง…”

เสียงเลือนรางนั้นยังคงดังมาจากจุดที่ห่างออกไปข้างหน้าไม่ไกล และเมื่อทั้งสองเร่งความเร็ว พวกเขาก็ได้วิ่งตามไปไกลมากในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที แต่นอกจากความมืดที่ปกคลุมไปทั่วทิศ พวกเขาก็มองไม่เห็นอะไรอย่างอื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไล่ตามเงาร่างนั้นได้ทันเลย…

“หลิงม่อ ข้างหน้ามีทางแยก!” สวี่ซูหานพูดขึ้นเสียงเบา

“มีลูกศรบอกทางไหม?”

“มี…”

“ตามลูกศรไป”

“หา? แล้วถ้าเกิด…”

“ไม่เป็นไร” หลิงม่อพูดอย่างมั่นใจ

หลังจากทางฝั่งหุ่นซอมบี้ได้มีการวางแผนกัน อารมณ์ของเขาก็เริ่มมั่นคงขึ้นตามช้าๆ

อวี่เหวินซวนไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าอะไรอันตรายต่อตัวเอง ส่วนเจ้าเงาร่างนี้ ถึงมันจะแปลกประหลาด แต่ขอแค่หลิงม่อใจเย็นและไม่ยอมให้มันก่อกวนได้ ก็จะไม่ถูกจูงจมูกเดินแล้ว

“หุ่นซอมบี้หลงกลไปแล้วครั้งหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าร่างจริงก็จะหลงกลไปด้วย…” หลิงม่ออดคิดหยันตัวเองไม่ได้

แต่พอคิดดูดีๆ เงาร่างนี้คงเตรียมแผนการมาอย่างดีแล้ว ดังนั้นในสถานการณ์อย่างนั้น ไม่ว่าใครก็คงยากจะมองข้ามมันไปได้…แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ในเมื่อรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ซอมบี้ร่างแม่ ก็แสดงว่าอย่างมากก็เป็นได้แค่เหยื่อล่อเท่านั้น และนั่นทำให้มันมีพิษภัยลดลงไปมาก

การปรากฏตัวของทางแยก ถือเป็นโอกาศสำหรับเขาพอดี

บางทีพวกเขาอาจไม่จำเป็นต้องไล่ตามเหยื่อล่อตัวนี้อีกแล้ว แต่ควรทำให้มันหันมาไล่ตามพวกเขามากกว่า…ตะขอที่รอให้ปลามาติดเบ็ดนั้นอันตรายมาก แต่ถ้าตะขอไล่ตามปลาไปทั่วทั้งบ่อล่ะ?

แต่ว่า การทำอย่างนี้ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอันตรายเลย…

ตะขอไล่ตามปลาเป็นเรื่องยากแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรบ่อปลาแห่งนี้ก็เป็นถิ่นของอีกฝ่ายอยู่ดี!

“ยังไงก็คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงซักตั้ง!” หลิงม่อลอบคิดในใจ

ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงทางแยก สวี่ซูหานหันไปมองทิศที่ “เสียงร้องขอความช่วยเหลือ” ดังมา จากนั้นก็กัดฟันกระชากแขนหลิงม่อพุ่งไปยังทิศตรงข้าม ในสภาพแวดล้อมที่มืดจนแทบมองไม่เห็นนิ้วมือตัวเองอย่างนี้ หลิงม่อรู้สึกเพียงว่าตัวเองสะดุดไปชั่วขณะ จากนั้นร่างกายก็ถูกดึงหันขวับทันใด

เปลี่ยนเส้นทางแล้ว…เขาเพ่งสมาธิไปข้างหลัง ได้ยินเสียง “ตึงตึง” นั้นเหมือนยังดังมาจากที่ไกลๆ ราวกับอีกฝ่ายยังไม่รู้ตัวว่าพวกเขาวิ่งไปอีกทางแล้ว

สวี่ซูหานถอนหายใจเบาๆ ถึงแม้จะไม่ได้ชัดเจนนัก แต่เธอก็รู้สึกเบาใจไม่น้อย ที่สามารถออกห่างจากสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ชั่วคราว

“เร็วอีกหน่อย” หลิงม่อพูดเสียงเบา

“แต่…” สวี่ซูหานลังเลเล็กน้อย “ร่างกายของนาย…”

“ไม่ต้องห่วง แค่วิ่งไปให้เร็วที่สุดก็พอ” หลิงม่อบอก เห็นชัดว่าซอมบี้สาวตัวนี้กลัวว่าร่างกายของเขาจะทนรับไม่ไหว เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่แค่สภาพพื้นดินย่ำแย่ แต่อากาศยังขมุกขมัวมากกว่าปกติอีก คนทั่วไปไม่มีทางอยู่ที่นี่ได้นานแน่ ยิ่งถ้าต้องวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างนี้…ทว่าร้ายดีอย่างไรร่างกายของหลิงม่อก็ผ่านการปรับโครงสร้างโดยเชื้อไวรัสจำนวนน้อยมาแล้วเหมือนกัน ถึงแม้จะเทียบกับการแปลงร่างของพวกถังฮ่าวไม่ได้ แต่ศักยภาพร่างกายของเขาก็เหนือว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป…

“อืม…” สุดท้ายสวี่ซูหานก็พยักหน้า “ถ้ารู้สึกไม่ดี นายก็บอกแล้วกัน”

เธอกระชับนิ้วมือทั้งห้าเล็กน้อย เพื่อกุมฝ่ามือของหลิงม่อให้แน่น เสี้ยววินาทีถัดมา เธอวิ่งด้วยความเร็วเต็มสปีด พาหลิงม่อพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เสียง “ตึงตึง” ถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว แต่สวี่ซูหานกลับไม่คิดจะลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย

หลิงม่อที่ถูกเธอดึงแขนวิ่งไปด้วยก็ไม่พูดอะไรตลอดทาง เธอเหลือบมองข้างๆ ด้วยหางตาแวบหนึ่ง พลางลอบคิด “คงกำลังพยายามหายใจให้เป็นปกติสินะ…ตอนนี้เราเป็นคนพาเขาวิ่ง ปกติตอนที่เขาอยู่กับพวกเธอ ก็ต้องลำบากอย่างนี้ตลอดหรอ…ซอมบี้กับมนุษย์ช่างแตกต่างกันมากจริงๆ ตัวเขาเองรู้เรื่องนี้บ้างหรือเปล่านะ…”

ตอนเป็นคนยังไม่รู้สึก หลังกลายเป็นซอมบี้ เธอกลับเริ่มสังเกตการณ์ความแตกต่างนี้มากขึ้น…และสำหรับสวี่ซูหาน ตัวอย่างที่ดีที่สุดในการสังเกตการณ์เรื่องดังกล่าวย่อมต้องเป็นหลิงม่อที่อยู่กินกับซอมบี้แน่นอนอยู่แล้ว และโอกาสที่ดีที่สุดในการสังเกตการณ์ ก็คือเวลาอย่างนี้…

“จะว่าไป ตอนที่ยังเป็นมนุษย์…เราไม่เคยจูงมือกับผู้ชายอย่างนี้เลยนี่นา…” สวี่ซูหานอดคิดไม่ได้ อุณหภูมิร่างกาย จังหวะหัวใจเต้นล้วนส่งผ่านมาทางฝ่ามือของสวี่ซูหานอย่างต่อเนื่อง

“ไม่มีประสบการณ์ที่จะเอามาเปรียบเทียบได้เลย…” สวี่ซูหานฉงนเล็กน้อย ความรู้สึกอย่างนี้เกิดขึ้นเฉพาะหลังจากที่กลายเป็นซอมบี้แล้ว หรือเป็นความรู้สึกที่เกิดระหว่างหญิงชายกันแน่?

จังหวะหัวใจของเขา ทำให้เธออดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้…

“เอิ่ม…เอาเถอะ อย่างน้อยสิ่งที่แน่ใจได้อย่างหนึ่งก็คือ อาการน้ำลายไหลเกิดขึ้นเพราะกลายเป็นซอมบี้แน่นอน…” สวี่ซูหานเลียปากอย่างจนใจ พลางคิด “อยู่กับมนุษย์เป็นเรื่องที่ลำบากมากจริงๆ…ทั้งสุขและทุกข์ปนกัน! จะว่าไปแล้วการกลายเป็นซอมบี้ ความจริงก็เหมือนกับกลายเป็นจอมตะกละดีๆ นี่เอง…โอ๊ย! ทำไมน่ากินจัง!”

“ไกลแค่ไหนแล้ว?” อยู่ๆ หลิงม่อก็ยกมือขึ้นป้องปากแล้วถาม

เสียงของเขาค่อนข้างเบา แต่ก็ยังปลุกสวี่ซูหานให้ตื่นจากภวังค์ความคิดได้ทันที แถมยังสะดุ้งตกใจด้วย เธอเบิกตากว้าง พลางตอบอย่างลนลาน “ใกล้สามร้อยเมตรแล้ว”

“ระยะห่างจากมันล่ะ?” หลิงม่อถาม

“ถ้าหากมันวิ่งไม่หยุด ตอนนี้ก็น่าจะห้าร้อยเมตรแล้ว แต่ถ้าเป็นระยะทางตรง ฉันไม่ค่อยแน่ใจ…”

ท่อน้ำทิ้งเส้นนี้ไม่ได้เป็นทางตรงตลอด แต่ก็ไม่ได้มีทางโค้งมากนัก…ทว่าถึงแม้ระยะทางจะไม่ถึงห้าร้อยเมตร มันก็ถือว่าไกลมากแล้ว และไกลออกไปในทุกวินาทีด้วย สวี่ซูหานภาวนาขออย่าให้สัตว์ประหลาดตัวนั้นตามมา แต่กลับไม่รู้ว่าสิ่งที่หลิงม่อกำลังภาวนาอยู่ในใจนั้นตรงข้ามกับเธออย่างสิ้นเชิง…

“ห้าร้อยเมตร…มันคงจะไม่รู้ตัวตลอดไปหรอกใช่ไหม?” หลิงม่อคิด

“หลิงม่อ บนทางเส้นนี้น่าจะมีฝาท่ออยู่สินะ?” สวี่ซูหานพูดขึ้น “ทางออกที่พวกเขาเตรียมไว้ จะใช่พวกฝาท่ออะไรแบบนี้หรือเปล่า?”

“ก็เป็นไปได้…เธอช่วยสังเกตหน่อยแล้วกัน แต่ว่าถ้าไม่เห็นก็ไม่เป็นไร…”

คำพูดของหลิงม่อทำให้สวี่ซูหานชะงักไปเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วแล้วคิด ถามว่า “แต่ทางเข้าที่พวกเรามา…”

“ถ้าหากถังฮ่าวไม่ตาย เขาจะต้องลงมาแน่นอน” หลิงม่อบอก

“ใช่สิ…เชลยคนนั้นนี่สารพัดประโยชน์จริงๆ…” สวี่ซูหานอดคิดไม่ได้

แล้วเธอก็คิดถึงหลิงม่อ…เชลยแค่คนเดียว แต่เขากลับใช้ประโยชน์จากหมอนั่นซะทุกเรื่อง เจ้าเชลยคนนั้นก็ช่างโชคร้าย หาเรื่องใครไม่หาเรื่อง ดันมาหาเรื่องเขา…

“อ๊ะ!”

ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ สวี่ซูหานก็ร้องขึ้นมาเบาๆ

เธอชะงักเท้า จากนั้นก็มองไปข้างหน้า “ฉันเห็นเครื่องหมายอีกอันแล้ว”

“มันคืออะไร?” หลิงม่อหมายจะเปิดไฟฉาย แต่ความมืดรอบด้าน กลับยังคงทำให้พวกเขารู้สึกเวิ้งว้าง…ภายใต้สภาพแวดล้อมที่กดดันอย่างนี้ จะเปิดไฟฉายก็ต้องคิดให้ดีก่อน…

“เป็น…กากบาท…” สวี่ซูหานอึกอัก “แถมมันยังอยู่ข้างหลุมบนกำแพง…ฉันว่า มันน่าจะหมายความว่าอย่าเข้าไปล่ะมั้ง?”

——————————————————