บทที่ 405 เสียงปรบมือ

บทที่ 405 เสียงปรบมือ

“นี่! เป็นไปไม่ได้!”

เมื่อครู่เสิ่นเฉียงยังคงภาคภูมิใจอย่างมาก แต่ตอนนี้เขากลับมีสีหน้าหวาดหวั่น!

เขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ!

ผู้ชายสี่ห้าคนที่นอนกองอยู่กับพื้นล้วนมีมัดกล้ามเนื้อแข็งแกร่งทั้งนั้น! ถ้าคนธรรมดาได้รับลูกหลง เขาอาจนอนโคม่าไปหลายวันเลยทีเดียว

ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขามีรูปร่างผอมบาง แต่สามารถโค่นการ์ดที่ถูกฝึกมาอย่างดีภายในหมัดเดียว!

ชายฉกรรจ์อีกคนเห็นอย่างนั้นจึงตื่นตระหนกอย่างมาก เขารีบผลักแม่ของหลิวว่านฉิงไปแนบกับหน้าต่างทันที!

“แก…อย่าเข้ามานะ! ฉันบอกแล้วไงว่าจะผลักมันลงไป!”

เขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มคนไหนที่มีออร่าน่าขนลุกอย่างนี้มาก่อน ด้วยท่าทางตระหนกตกใจ เขาจึงผลักหญิงวัยกลางคนออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว!

“แม่!”

หลิวว่านฉิงอุทานด้วยความตกใจ

“เฮอะ! รนหาที่ตาย!”

อวี้ฮ่าวหรานมีสีหน้าไม่แยแส

ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนมากมายมุงดูอยู่ข้างนอก ชายหนุ่มคงฆ่าเศษสวะพวกนี้ด้วยมือข้างเดียวไปแล้ว!

วินาทีต่อมา ร่างของเขาหายวับไปกับตาราวกับสามารถหายตัวได้ เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ปรี่เข้าหาชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างรวดเร็ว

“ไอ้โง่!”

อวี้ฮ่าวหรานปรากฏตัวตรงหน้าอีกฝ่ายราวกับผี ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์!

“อ๊าก!”

ชายร่างใหญ่ตกตะลึง เขารีบปล่อยมืออีกข้างแล้วปล่อยหมัดไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าทันที!

“สายไปแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย เขายกมือขึ้นแล้วกำหมัดของชายคนนั้นแน่น!

“อะไรวะ?!”

ชายฉกรรจ์ตกใจอย่างมากและดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมทันที แต่ก็ต้องตกใจกว่าเดิม เมื่อพบว่ามือของคู่ต่อสู้เหนียวหนึบเหมือนคีมหนีบ

กร๊อบ!

เสียงกระดูกหักดังทั่วบริเวณ อวี้ฮ่าวหรานหักกระดูกอีกฝ่ายด้วยมือเพียงข้างเดียว!

“อ๊าก!”

ชายฉกรรจ์ร้องโอดครวญ ก่อนทรุดลงนั่งกับพื้นด้วยความเจ็บปวด

“มือฉัน! มือฉัน!”

อวี้ฮ่าวหรานปรายตามองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนพื้น ก่อนรีบเดินเข้าไปช่วยหญิงวัยกลางคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหน้าต่าง

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นอย่างนั้น เสิ่นเฉียงก็อดสบถด่าไม่ได้

“เวรเอ๊ย! พวกแกมันเป็นขยะไม่มีประโยชน์!”

เขาไม่คิดว่าลูกน้องจะด้อยฝีมือถึงขนาดรับมืออีกฝ่ายไม่ได้

ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานวางหญิงวัยกลางคนลงบนเตียง ก่อนหันมองเขา!

“แกคิดว่าจะหนีรอดเหรอ?”

เขามองอีกฝ่ายด้วยสายตารังเกียจ ตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย อีกฝ่ายก็ถูกลิขิตให้ถึงจุดจบแล้ว!

“แกเป็นตัวอะไร…”

เสิ่นเฉียงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และยังคงด่าทออวี้ฮ่าวหรานไม่หยุด จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างอยู่รอบ ๆ ร่างกาย!

มันคือพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหราน!

“อะไร… เกิดอะไรขึ้น!”

ภายใต้แรงกดทับมหาศาล เสิ่นเฉียงรู้สึกราวกับถูกหินก้อนใหญ่น้ำหนักราวหนึ่งพันจินหล่นทับลงบนศีรษะ เขาทั้งโกรธปนตกใจ ไม่นานเข่าทั้งสองข้างก็ทรุดลงกับพื้น!

ชายฉกรรจ์สองสามคนที่อยู่ข้างหน้าก็มีอาการเช่นเดียวกัน เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดทับของพลังวิญญาณ กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่มีประโยชน์สักนิด!

“แกทำอะไรวะ?!”

เมื่อเห็นลูกน้องคุกเข่าลงเหมือนกัน เสิ่นเฉียงจึงมีสีหน้าไม่เชื่อ และในที่สุดเขาก็นึกบางอย่างได้

คืนนี้พวกเขาทำผิดมหันต์!

หลิวว่านฉิงยังคงมีอาการปกติต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง เธอไม่รู้สึกถึงแรงกดทับเลย แถมยังสงสัยว่าทำไมคนรอบข้างถึงทรุดตัวนั่งลงคุกเข่ากับพื้น

อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปใกล้เสิ่นเฉียงอย่างช้า ๆ

“ฮึ มดแมลงก็คือมดแมลง พวกมันสร้างได้แค่ความรำคาญเท่านั้นแหละ!”

ถ้าพูดคำเหล่านี้ออกมาในเวลาปกติ เขาต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะแน่นอน

แต่ในเวลานี้ เสิ่นเฉียงมองอีกฝ่ายที่กำลังมีความสุขราวกับเดินเล่นอยู่ในสวน ในใจของเขาอดแน่นไปด้วยความเคียดแค้นที่ไม่อาจต้านทานได้!

เพี้ยะ!

เสียงตบหน้าดังลั่นห้อง

อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วเงื้อมือตบหน้าเขาอย่างแรง! ตอนนั้นเองที่หลิวว่านฉิงตระหนักได้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว

เธอรีบวิ่งไปหาแม่อย่างรวดเร็ว

อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเหยียดหยาม ก่อนเดินไปที่เตียงผู้ป่วย

ขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่อยู่หน้าประตูต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าชายหนุ่มรูปร่างผอมบางจะสามารถบดขยี้ชายฉกรรจ์ที่น่าเกรงขามและแข็งแกร่งพวกนั้นได้!

“แปะ…แปะ ๆ ๆ”

เสียงปรบมือดังก้องบริเวณโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม

“วัยรุ่นสมัยนี้แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?”

“จุ๊ ๆๆ การต่อสู้หนึ่งต่อแปด! พระเจ้าช่วย!”

“พ่อหนุ่มคนนี้น่าทึ่งมาก! เขาเอาชนะอันธพาลเจ็ดแปดคนได้สบาย ๆ เหมือนแบกไก่!”

“…”

เสียงชมเชยดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือ

เสิ่นเฉียงที่คุกเข่าอยู่กับพื้นพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง จากนั้นรู้สึกได้ว่าตัวเองสามารถขยับได้ตามใจแล้ว

“พ…พวกเราไปกันเถอะ”

ชายฉกรรจ์สองสามคนที่ยังมีสติอยู่หลุดพ้นจากพันธนาการเช่นกัน เมื่อมองไปที่ชายหนุ่ม พวกเขาก็มีสีหน้าตื่นตะลึงเหมือนเห็นผี

ใครไม่สัมผัสด้วยตัวเอง ย่อมไม่รู้!

ภายใต้แรงกดทับที่มองไม่เห็น กล้ามเนื้อของพวกเขาอ่อนแรงราวกับไม่มีอยู่จริง ต่อให้ดิ้นรนสุดแรงเกิดก็เปล่าประโยชน์!

แต่ขณะที่เสิ่นเฉียงและลูกน้องกำลังจะหลบหนี พวกเขาก็ถูกขวางทางเอาไว้ซะก่อน!

“พวกแกจะหนีไปไหน? ไม่มีทางหนีไปได้หรอก!”

“ฮึ่ม ไปนอนในคุกซะ!”

“…”

แพทย์หลายคนที่อยู่หน้าประตูกล้าหาญมากขึ้นเมื่อเห็นภาพเมื่อครู่ ตอนนี้เขาไม่กลัวคนตรงหน้าสักนิด จริง ๆ แล้วพวกเขาค่อนข้างโกรธเคืองกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้!

อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจและคิดในใจว่าคนพวกนั้นไม่มีทางขัดขืนเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแน่นอน

“แม่! บาดเจ็บตรงไหนไหม?”

หลิวว่านฉิงถามแม่ของเธอด้วยสีหน้ากังวล ดวงตาคู่งามมีสีแดงก่ำ

“ไม่เป็นไร แม่ไม่เป็นไร…แม่ผิดเองที่ทำให้ลูกต้องเจอกับเรื่องแบบนี้!”

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ หญิงวัยกลางคนอดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้

ถ้าลูกสาวถูกบังคับให้แต่งงานกับคนเลวเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ เธอคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

“แม่ว่าอะไรนะ!”

หลิวว่านฉิงปาดน้ำตาที่ไหลลงมาตรงหางตา เธอพยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงด้านอ่อนแอให้แม่เห็น

ขณะเดียวกันอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาใกล้สองแม่ลูก ก่อนมองสำรวจทั้งสองคน

หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีบาดแผล เขาจึงโล่งใจเล็กน้อย

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ คุณแม่ของคุณสบายดี ผมสัญญาว่าเสิ่นเฉียงจะไม่มารบกวนคุณอีกต่อไปแน่นอนครับ”

เขาปลอบประโลมอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ต่อให้อีกฝ่ายไม่บอก เขาก็สามารถเห็นได้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายกำลังสั่นสะท้านด้วยความกลัว

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาสามารถเข้าใจได้ และพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าใจสิ่งนี้หรอก

เสิ่นเฉียงถูกล้อมเอาไว้จึงไม่สามารถหลบหนีได้ ไม่นานเขาก็ถูกตำรวจควบคุมตัวออกไป

“คุณรับมือกับอันธพาลหลายคนอย่างนั้นได้ยังไงครับ?”

ฝูงชนและแพทย์ที่อยู่ข้างหน้าห้องพักผู้ป่วยถามด้วยความสงสัย ตอนนี้พวกเขาชื่นชมในตัวของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมาก

คนที่เต็มใจช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนคือฮีโร่ตัวจริง

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ มันคือสิ่งที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานตอบด้วยท่าทางผ่อนคลาย ตอนนี้เขากำลังหาทางหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

แต่ตอนนี้กลับมีสถานการณ์ที่ทุกคนคาดไม่ถึงเกิดขึ้น…เสิ่นเฉียงกลับมาได้ยังไง?!