ตอนที่ 66
สำนักคร่าอินทรี
“เจ้า…”หยงเวยไม่ทราบจะพูดอะไรดี ยัยหนูนี่ไม่ได้ฟังมันเลยแม้แต่น้อย นางเอาดาบมรกตเข้าปากอย่างรวดเร็วแถมกัดมันเสียเต็มแรง
“เจ็บอะ..”หลินหลินว่าพลางปล่อยดาบของมาจากปาก ไม่อยากจะเชื่อว่าแมงมุมที่กัดกินผาหยกแห่งนี้จนกลายเป็นถ้ำจะกัดดาบเล่มนี้ไม่ขาด นั่นย่อมหมายความว่าตัวดาบนั้นแข็งแกร่งกว่าฟันของหลินหลินอย่างไม่ต้องสงสัย และแข็งกว่ากระบี่ที่อาจารย์จื่อให้นางกินเมื่อเย็นแน่ๆ
“มันไม่ใช่ของกินสักหน่อย เอามานี่”หยงเวยว่าพลางเอาดาบมรกตไปจากหลินหลิน พอเห็นว่าดาบนั่นกินไม่ได้หลินหลินก็ไม่สนใจอีกต่อไปหันไปเก็บเศษหยกที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแทน
ครืดดด.. หยงเวยลองเอาดาบมรกตปากใส่กำแพงหยกช้าๆ มันสามารถตัดกำแพงหยกได้ราวกับเอามีดมาตัดเนยเลย เพียงออกแรงเล็กน้อยรอยบาดลึกก้เกิดขึ้นบนกำแพงเป็นทางยาว แถมยังไม่รู้สึกว่ามีแรงต้านอีกต่างหาก
“ถ้าเป็นดาบนี่ละก็”หยงเวยว่าพลางมองร่างของหลินหลินที่ก้มๆเงยๆเก็บเศษหยกอย่างตั้งอกตั้งใจ หยงเวยง้างดาบขึ้นช้าๆพลางจ้องมองแผ่นหลังของเด็กน้อยนิ่ง
“….”หยงเวยหยุดมือตัวเองก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ ถึงอย่างไรนางก็เป็นอสูรเลี้ยงของไป๋จูเหวิน มันไม่ควรทำแบบนี้ แถมถ้าไม่ใช่เพราะนางมันคงไม่ได้เจอดาบเล่มนี้แน่ๆ
“ยัยแมงมุม”หยงเวยว่าพลางเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ
“ข้าชื่อหลินหลิน เจ้าเรียกให้ถูกด้วย”หลินหลินว่าพลางทำหน้ามุ่ยราวกับไม่พอใจที่หยงเวยไม่ยอมเรียกชื่อนาง “เฮ้อ หลินหลิน เจ้าอยากเก็บหยกไว้กินหรือเปล่า”หยงเวยถามพลางใช้ดาบมรกตฟันกำแพงหยกจนมันขาดออกจากกัน
“แน่สิ ข้าชอบกินมันมากเลย”หลินหลินว่าพลางเก็บเศษหยกลงถุง แต่ถุงของนางเล็กมากใส่เพียงก้อนหยกก้อนเล็กๆก็เต็มแล้ว
“งั้นข้าจะช่วยเจ้า”หยงเวยพูดจบก็เอาก้อนหยกใส่เข้าไปในแหวนมิติขิงตนเอง
“จริงนะ เจ้าใส่มันได้มากเท่าไหร่ ข้าจะขุดเอง”หลินหลินเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างทันที
“ใส่ได้ไม่มากหรอก แต่ก็ได้เยอะกว่าถุงในมือเจ้าแน่ๆ”หยงเวยว่าพลางถอนหายใจ ถือว่าช่วยนางเพื่อตอบแทนเรื่องดาบก็แล้วกัน เพราะถ้านางไม่ยอมให้ดาบอยู่ในมือนางตัวมันคงไม่มีทางแย่งมาได้ อย่าว่าแต่ดาบอยู่ในมือมันก็ไม่แน่ใจว่าจะรักษามันไว้ได้นานแค่ไหน
“จริงนะ งั้นข้าจะขุดล่ะ”หลินหลินว่าพลางเปลี่ยนร่างเป็นแมงมุมอย่างรวดเร็ว พริบตาต่อมาขา 4 ข้างด้านหน้าของนางก็ตะกุยผาหยกอย่างตั้งอกตั้งใจ พริบตาเดียวเศษหยกก็กองเต็มแหวนของหยงเวยแล้ว
“ฮ้า เจ้าเองก็เป็นคนดีนะ”หลินหลินยิ้มร่าพลางกอดถุงหยกที่มีเศษหยกอยู่เต็มถุงพลางหยิบกินราวกับขนมขบเคี้ยว บัดนี้ในสายตานางหยงเวยเป็นสหายคนหนึ่งไปเสีนแล้ว แม่อีกฝ่ายจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม
“พี่เวย เร็วๆเข้าสิ”หลินหลินว่าพลางโบกมือให้หยงเวยรีบออกมาหน้าถ้ำ บัดนี้ในหวนของหยงเวยคือเสบียงอาหารของนางอย่างไม่ต้องสงสัย
“เจ้าจะรีบไปไหนกัน ท้องฟ้ามันมืดไปตั้งนานแล้ว”หยงเวยว่าพลางถอนหายใจกับท่าทีดีใจของหลินหลิน ต่อให้รีบกลับเมืองตอนนี้ก็ไม่ทันตอนค่ำแล้ว
“เถอะน่า มาเร็วเข้าๆ”หลินหลินว่าพลางออกวิ่งกลับไปยังตัวเมืองอย่างรวดเร็ว แต่ยามค่ำคืนเช่นนี้การตรวจตราของทหารยามจะหนาแน่นขึ้นมาก แถมหลินหลินยังไม่ได้ออกจากเมืองมาอย่างปกติเสียด้วย หากเข้าไปแบบนนี้มีหวังโดนสงสัยแน่ หลินหลินจึงจะปีนกำแพงกลับเข้าไปเช่นเดียวกับที่ออกมา ส่วนหยงเวยตอนออกมามันออกตามประตูปกติ ตอนเข้าก็คงต้องทำเช่นนั้น
ฟุบ… ร่าวของหลินหลินกระโจนลงจากกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่จะลงถึงพื้นหลินหลินก็สัมผัสได้ถึงของบางอย่างที่กำลังตรงมาทางตนเอง
เคร๊ง! เสียงกระทบของตะปูเหล็กกับหลินหลินกลับปรากฏเสียงราวกับโลหะกระทบกัน ร่างกายของหลินหลินแม้จะเป็นเด็กสาวท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู แต่จริงๆแล้วร่างของนางคืออสูรแมงมุมที่มีเกราะนอกเป็นหยกทั้งชั้นนั่นเอง
“เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงลอบเข้าเมืองมาตอนนี้”ชายคนหนึ่งว่ามองตะปูเหล็กที่ตกอยู่บนพื้น เมื่อครู่นางใช้อาวุธอะไรปัดตะปูของมันงั้นหรือ แต่มือของนางไม่มีอาวุธอะไรเลย
“อะไรเนี่ย..”หลินหลินว่าพลางมงตะปูเหล็กอีกอันที่ปักอยู่บนไหล่ของนาง แม้จะเหมือนมันปักอยู่บนเนื้อแต่จริงๆแล้วมันเพียงเจาะโดนเนื้อหยกเท่านั้นเอง ทำให้ทันทีที่หลินหลินถอนตะปูเหล็กออกไปเนื้อหยกก็กลับมาสมานกันอย่างง่ายดาย
“…เจ้าเป็นใคร”ชายคนนั้นว่าพลางกำตะปูเหล็กที่มันใส่ไว้ระหว่างนิ้วเอาไว้แน่น
“ข้าชื่อหลินหลินล่ะ”หลินหลินตอบพลางยิ้มกว้าง ตะปูที่ปักอยู่บ่นไหล่เมื่อครู่ไม่ได้สร้างแรงคุกคามอะไรกับหลินหลินเลย
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ หรือว่าจะเป็นขโมย”ชายหนุ่มว่าพลางจ้องมองหลินหลินนิ่ง ไม่ว่าจะมองอย่างไรนางก็เป็นเพีนงเด็กสาว แต่ความสามารถที่มันเห็นเมื่อครู่กลับไม่ใช่ความสามารถของคนธรรมดา เพียงแต่มันสัมผัสพลังวิญญาณจากตัวหลินหลินไม่ได้
“เข้าใจแล้ว เจ้าเป็นอสูร”ชายหนุ่มว่าพลางปาตะปูออกไปอีกหลายดอก
กึดๆๆๆ ตะปูหลายดอกพุ่งเข้ามาปักร่างของหลินหลินอย่างรวดเร็วทำให้เนื้อหยกที่ป้องกันอยู่พายนอกแตกเป็นรู แต่ไม่สามารถทำอะไรผิวหนังจริงๆของหลินหลินได้แม้แต่น้อย
“มันเจ็บนะ”หลินหลินโวยวายด้วยท่าทีราวกับเด็ก แม้ตะปูเหล็กจะเจาะผิวหนังของหลินหลินไม่เข้าแต่โดนปาของมีคมใส่ก็มีเจ็บบ้างไม่มากก็น้อย
“ตัวบ้าอะไรโดนไปขนาดนั้นแล้วยังไม่เป็นไรเลย”ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เพราะไม่ทราบว่าผิวหนังด้านนองของหลินหลินเป็นหยกที่เคลือบเอาไว้ไม่ใช่ผิวหนังจริงๆ มันเลยเข้าใจว่ามันปาตะปูทะลุร่างของหลินหลินไปหลายรอบแต่ยังไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆแสดงออกมานอกจากเสียงโวยวายของหลินหลินเท่านั้น
“ทำอะไรของแกวะ”อยู่ๆที่ด้านข้างก็ปรากฏเงาของหยงเวยที่พึ่งเข้าเมืองมา มันไม่เห็นหลินหลินมาเสียทีเลยลองมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“พักพวกงั้นเหรอ”ชายหนุ่มว่าพลางหันมาหาหยงเวย พริบตานั้นมันก็ปาตะปูเหล็กออกมาอีกหลายสิบอันเพื่อจัดการหยงเวยที่วิ่งเข้ามาหา
เคร๊งๆๆๆ ดาบมรกตในมือหยงเวยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งปัดตะปูเหล็กออกไปจนหมดสิ้น
ผลัก!! ดาบของหยงเวยสับเข้าที่คอของชายคนนั้นทันทีที่เข้าถึงตัว แต่หยงเวยก็ใช้เพียงสันดาปเท่านั้น
“ยอดเลย พี่เวยเก่งมาก”หลินหลินปลบมือพลางพูดชื่นชมหยงเวยอย่างออกนอกหน้า ทำเอาหยงเวยค้อนใส่เสียตาคว่ำ เพราะมันพึ่งทำร้ายมนุษย์เพื่อช่วยอสูรไปหยกๆนี่เอง
“ข้าแค่ช่วยอสูรของไป๋จูเหวินเท่านั้นไม่ได้อยากช่วยเจ้าหรอกนะ”หยงเวยว่าพลางถอนหายใจ เมื่อครู่ที่มันใช้ดาบฟันตะปูเหล็กที่อีกฝ่ายซัดมาทำเอามันตกใจมาก ดาบแม้จะหนาแต่ก็เบาอย่างประหลาด แถมฟันออกไปยังตัดเอาตะปูเหล็กขาดกระเด็น นับว่าดาบเล่มนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ
“แต่เจ้าก็ช่วยข้านี่นา งั้นข้าจะแบ่งหยกให้เจ้าก็แล้วกัน”หลินหลินว่าพลางยิ้มกว้างทำเอาหยงเวยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่ใช่ว่าหยกทั้งหมดมันอยู่ในแหวนของมันหรืออย่างไร ต่อให้นางไม่ให้มันก็เอาไปทั้งหมดได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
“เกิดอะไรขึ้น”ขณะหลินหลินกำลังถอนตะปูเหล็กออกจากร่างของตน เสียงของชายอีกหลุ่มหนึ่งก็เข้ามาพร้อมท่าทีตกอกตกใจกันยกใหญ่ เสื้อผ้าของชายกลุ่มนี้เหมือนกับชายที่หยงเวยพึ่งซัดร่วงไปไม่มีผิด หากให้เดาก็ไม่ยากว่ามันคือพวกพ้องของชายคนนี้แน่ๆ
“พวกเจ้า ทำอะไรลงไป”ชายคนหนึ่งว่าพลางเข้าไปอุ้มร่างของชายที่หมดสติอยู่กับพื้นขึ้นมา
“ศิษย์น้อง…”ชายอีกพูดด้วยท่าทีกังวล แม้จะเป็นการฟาดสันดาปเพื่อให้สลบ แต่กำลังของหยงเวยค่อนข้างมาก แม้ไม่มีดาบมรกตก็ยังสามารถสู้กับคนระดับสูงกว่าตัวเองได้ไม่ยาก ด้วยกำลังขนาดนี้แม้ใช้สันดาปก็ไม่นับว่าปรอดภัย
“เจ้าเป็นใครถึงมาทำร้ายศิษย์ของสำนักคร่าอินทรี แสดงตัวมา”ชายคนนั้นว่าพลางหันมามองหยงเวยด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ
“ข้ามีนามว่าหยงเวย ศิษย์น้องของเจ้าโจมตี…อสูรของคนรู้จักข้า ข้าเลยหยุดมันเท่านั้น”หยงเวยตอบพลางกำดาบในมือแน่น คนที่เข้ามามี 4 คนแต่ละคนระดับพลังฝีมือสูงกว่ามันทั้งสิ้น เพียงแต่หนึ่งในนั้นไม่ได้มีระดับสูงกว่านิดหน่อยเท่านั้น แต่มันกลับมีพลังวิญญาณสูงกว่าพวกอาจารย์ในสำนักเขี้ยวมังกรอีกต่างหาก
“เจ้าเป็นศิษย์สำนักเขี้ยวมังกรงั้นเหรอ?”ชายคนหนึ่งถามพลางมองเครื่องแบบที่หยงเวยสวม
“ถูกแล้ว”หยงเวยตอบตามตรงพลางลดดาบลง หรือสำนักของพวกมันจะเป็นพวกเดียวกันกับสำนักเขี้ยวมังกรของมัน
“จับมัน สำนักเขี้ยวมังกรบังอาจมาทำร้ายศิษย์ของสำนักเรา จับมันเป็นตัวประกันแล้วส่งจดหมายให้อาจารย์พวกมันมาขอขมา”ชายคนนั้นว่าพลางสั่งให้อีก 3 คนเข้ามาจับตัวหยงเวยเอาไว้ แต่หยงเวยก็ไม่ยอมให้จับง่ายๆ เพียงแต่คนทั้งสามฝีมือไม่เลวแถมยังใช้อาวุธลับกันเป็นหลักอีกต่างหาก
เคร๊งๆๆๆๆ ไม่เสียแรงที่หยงเวยเป็นคนที่สู้ได้สูสีกับอาจารย์จิ้งจอก ว่ากันตามตรงแล้วหยงเวยสามารถสู้กับคนระดับหลอมรวมวิญญาณได้ระดับหนึ่งเสียด้วยซ้ำทั้งๆที่มันยังอยู่ขั้นหลอมรวมปฐพีเท่านั้น ทำให้ตอนนี้มันสามารถต้านรับคนจากสำนักคร่าอินทรีได้อย่างไม่ยากเย็น
“อากก”ชายคนหนึ่งร้องออกมาเมื่อดาบมรกตของหยงเวยฟันใส่นร่างของมัน ความจริงมันยกโซ่ขึ้นมาบังแล้วแต่ดาบมรกตคมมาก เพียงลงแรงตามปกติก็สามารถตัดโซ่โลหะได้ราวกับตัดเส้นด้าย
ฟุบ! อยู่ๆขาของหยงเวยก็รู้สึกร้อนวูบ ก่อนที่ร่างของมันจะล้มลงไป แม้จะไม่ได้โดนตัดจนขาขาดแต่กลับมีเชือกเส้นหนึ่งพันรอบขาของมันเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน
ฉึกๆๆ มีดสั้น 3 เล่มพุ่งเข้ามาใส่หยงเวยในทันทีที่มันล้ม แต่ละเล่มเล็งเสื้อผ้าของหยงเวยอย่างแม่นยำทำให้มันปักเสื้อผ้าของหยงเวยติดพื้นจนขยับไปไหนไม่ได้เสียแล้ว
“เท่านี้ก็จับได้แล้ว ส่งจดหมายไปให้สำนักเขี้ยวมังกร”ชายผู้ปามีดว่าพลางมองหลินหลินที่ยืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อครู่นางไม่ได้ขยับไปไหนเลย พวกคนจากสำนักล่าอินทรีจึงคิดว่านางเป็นเพียงอสูรเลี้ยงอ่อนแอ เลยทำเพียงจับนางมัดเอาไว้เท่านั้น
“หลินหลิน ทำไมเจ้าไม่ตอบโต้ล่ะ”หยงเวยถามขณะโดนคนของสำนักล่าอินทรีจับตัวไป
“พี่ไป๋บอกข้าว่าห้ามทำร้ายมนุษย์”หลินหลินว่าพลางทำหน้ามุ่ย