ซูหวานหว่านเบี่ยงตัวหลบไปอยู่ด้านข้าง

ชาวบ้านที่ขว้างผักออกมาทนไม่ไหว “ซูหวานหว่าน! เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร? พวกเจ้ารีบขึ้นไปบนเขาเดี๋ยวนี้! ดูท่าแล้วคืนนี้ฝนคงจะตกหนัก อีกทั้งเจ้ายังเป็นไข้ทรพิษ! เจ้าคิดว่าจะมีชีวิตรอดผ่านพ้นคืนนี้ได้รึไง!”

“ใช่แล้ว! มิสู้เก็บลมหายใจเอาไว้แล้วรีบขึ้นไปบนภูเขา เพื่อที่เจ้าจะได้นอนหลับสบายและตายอย่างสงบไม่ดีกว่าหรือ!”

“…”

นี่เป็นอีกครั้งที่ซูหวานหว่านเห็นถึงความชั่วร้ายและไร้ยางอายของชาวบ้าน นางมองดูพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา มองดูเหล่าชาวบ้านที่โดนหลี่หลางจงหลอกใช้ “พวกเจ้าอย่าได้หลงกลร้านขายยาเหรินเฮอ พวกเจ้าไม่ได้ป่วยหรือเป็นโรคที่ร้ายแรง ปากเขาก็พูดว่าเป็นโรคร้ายแรง เพียงเพราะเขาต้องการหลอกหลวงเอาเงินพวกเจ้าเท่านั้นแหละ เมื่อถึงเวลาที่ท่านป่วยขึ้นมาจริง ๆ…เฮอะ!”

ยังไม่ทันพูดจบ ผักกาดใบเขียวลอยกระแทกใบหน้าของซูหวานหว่านทันที

หัวใจของซูหวานหว่านพลันเปลี่ยนเย็นชาดุจดั่งน้ำแข็ง ชาวบ้านพยายามหาผักเน่ามาขว้างปาใส่นาง บางส่วนก็พยายามหาว่าในตะกร้ามีไข่เน่าหรือไม่

ซูหวานหว่านยกมือขึ้นประคองร่างของหวังต้านเอาไว้ในอ้อมแขน และป้องกันไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บ “ข้าจะไปแล้ว! หวังว่าพวกเจ้าจะไม่เสียใจทีหลัง!”

ซูหวานหว่านไม่เชื่อว่าหลังของหวังต้านจะไม่หายจากอาการป่วย เพราะเขาแค่ถูกยุงกัดเท่านั้น พรุ่งนี้นางจะกลับมาเพื่อดูว่าพวกเขาจะทำอย่างไร!

แต่เดี๋ยวก่อน…ซูหวานหว่านคิดบางสิ่งออกมาได้ นางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า อากาศเช่นนี้ ฝนคงจะตกเพียงไม่กี่วัน เช่นนั้นแล้วนางจึงไม่รู้ว่าจะตื่นตระหนกไปไย พวกชาวบ้านเองก็น่าจะไม่อะไรทำกับต้นพริก จึงไม่จำเป็นต้องไปดูด้วยตนเอง รอให้พวกชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องตกไปในหลุมพรางของหลี่หลางจงจะดีกว่า

เมื่อนึกแบบนี้ได้ซูหวานหว่านก็พาหวังต้านขึ้นไปบนภูเขา พวกเขาเดินทางมาถึงถ้ำและหาที่นั่งพัก เด็กสาวหาใบไม้ กิ่งไม้มาปูขึ้นเป็นที่พักพิง ซูหวานหว่านเอ่ยว่าจะออกไปหาของกิน แต่นางเพียงหาข้ออ้างเพื่อที่จะแอบเข้าไปในมิติฟาร์ม เอาอาหารออกมาให้กับหวังต้านกินต่างหาก

ทันทีที่นางกลับมาถึงถ้ำ ฝนก็เทลงมา ซูหวานหว่านให้ยาบรรเทาอาการแก่หวังต้าน ทั้งสองนั่งแอบอิงกันและกัน ท้องฟ้ามืดครึ้มราวสีหมึก ไม่นานหวังต้านก็ผล็อยหลับไป ซูหวานหว่านจึงวางแผนที่จะพาหวังต้านไปนอนในมิติฟาร์ม

พลันซูหวานหว่านก็ได้ยินเสียงบางอย่าง อีกทั้งยังมีเสียงฝีเท้าคนเดินมา

ฝนตกแรงเช่นนี้ใครกันที่ขึ้นมาบนภูเขา?

ซูหวานหว่านคิดว่าเป็นพ่อแม่ของตนที่ออกมาตามหานาง เด็กสาวกำลังจะเดินออกไป แต่ก็เหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งสวมหมวกถือตะเกียงพร้อมย่ามเดินอยู่ไม่ไกล พอเห็นปากถ้ำเขาก็มองสำรวจไปรอบ ๆ เดินมาหยุดที่ปากถ้ำวางสัมภาระลงและเดินจากไป

แสงจันทร์สลัวเผยให้เห็นสิ่งของในย่ามพองนูน จากนั้นก็หัวของมันโผล่ออกมา งูพิษ!

เมื่องูพิษตัวนั้นเห็นนาง มันก็รีบเลื้อยตรงเข้ามา ซูหวานหว่านจึงรีบพาหวังต้านเข้าไปหลบที่มิติฟาร์ม จากนั้นก็กรีดร้องออกมาพลางใช้เท้ากระทืบงูพิษตัวนั้น

เสียงกรีดร้องของนางทำให้คนที่อยู่ด้านนอกถ้ำยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และรีบเดินหนีไป

ครั้นมองเห็นแผ่นหลังของอีกฝ่าย ซูหวานหว่านหัวเราะออกมา “ดูเหมือนคนในหอการค้าต้องการจะแก้แค้นข้า และพยายามใช้วิธีต่าง ๆ มากมายเสียเหลือเกินนะ!”

เด็กสาวถอนหายใจ ภายในย่ามใบนั้นก็มีเสียงดังออกมา ซูหวานหว่านยกเท้าขึ้น สื่อสารกับงูตัวนั้น โดยบอกว่าจะให้ไก่ตัวอวบอ้วนที่นางเลี้ยงไว้เพื่อแลกกับความปลอดภัย และรอเวลาให้อยู่ภายในถ้ำก่อน

ในเวลากลางคืน งูสองตัวเลื้อยออกมาจากย่าม

ใกล้จะรุ่งสาง

ซูหวานหว่านนำตัวหวังต้านออกมาจากมิติฟาร์ม

ฝนที่ตกลงกระทบพื้นค่อย ๆ เบาลงเหลือเพียงแค่ฝนที่ตกลงมาปรอย ๆ ซูหวานหว่านเอาอาหารแห้งออกมา

ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงนกกระพือปีก เด็กสาวเงยหน้าขึ้นไปมอง นกตัวหนึ่งก็ส่งเสียงร้องออกมาว่า “ซูหวานหว่าน! แม่ของเจ้ากำลังจะถูกจับ! ได้ยินมาว่านางติดเชื้อไข้ทรพิษ! พ่อของเจ้ากำลังจะถูกพวกชาวบ้านทุบตี หากเขาไม่ปล่อยให้คนพาแม่ของเจ้าไป!”

“อะไรนะ!” ซูหวานหว่านตกใจ

“เจ้ารีบไปดูเถิด! พ่อของเจ้ากำลังถูกตีจนได้รับบาดเจ็บ! แม่ของเจ้าร้องไห้หนักมาก! ส่วนน้องชายและพี่ชายของเจ้าก็ถูกไล่ออกมาด้วย!”

ซูหวานหว่านเอ่ยขอบคุณนกตัวนั้น และนำหวังต้านลงมาจากภูเขากลับไปที่หมู่บ้าน

ชาวบ้านไล่แม่เจิ้นจนมาถึงทางเข้าหน้าหมู่บ้าน บังเอิญเจอกับซูหวานหว่านที่ลงมาจากเขา หนึ่งในชาวบ้านเกิดอาการตกใจทันที โดยเฉพาะหลี่หลางจง “ซูหวานหว่าน! เหตุใดเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่อีก!?”

เขาปล่อยงูพิษเข้าไปในถ้ำเมื่อคืน! เหตุใดซูหวานหว่านถึงยังไม่ตาย! หลี่หลางจงจะเกิดอาการตื่นตระหนกอย่างมาก “ซูหวานหว่าน! ใครเป็นคนสั่งให้เจ้าลงมาจากภูเขา! หากเป็นเช่นนี้ไข้ทรพิษอาจแพร่เชื้อให้กับคนในหมู่บ้านได้! และมันจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน!”

นางไม่ได้เป็นโรคไข้ทรพิษเสียหน่อย? หากไม่ใช่เพราะหลี่หลางจงที่พยายามหาเหตุผลขับไล่ครอบครัวของนางออกจากหมู่บ้าน ซูหวานหว่านคงจะไม่มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ แต่ว่าตอนนี้…

นางต้องการฉีกหน้ากากเจ้าเล่ห์ของหลี่หลางจงต่างหาก!

ซูหวานหว่านยังไม่ทันได้ปริปากเอ่ยคำใด ชาวบ้านคนหนึ่งก็ใช้คำพูดของหลี่หลางจงเอ่ยออกมา “ใช่แล้ว! ไม่แน่ว่าอาการของเจ้าจะดีขึ้นเสียหน่อย พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันต้องไปอยู่บนภูเขา! ตายไปด้วยกัน!!”

หญิงสาวรู้สึกว่าใบหน้าเหล่านั้นช่างน่ารังเกียจ ซูหวานหว่านเอ่ยเรียกหวังต้านด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นางประคองร่างกายเขาไว้และมองไปที่หลี่หลางจง “หลี่หลางจง เปิดตาของเจ้าดูเสียว่านี่คือไข้ทรพิษหรือไม่”

ซูหวานหว่านกำลังจะเลิกเสื้อของหวังต้านขึ้น หลี่หลางจงตัวสั่นสะท้านด้วยความตกใจ เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อดึงตัวหวังต้านให้หลบหลังตนเอง “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่! เด็กคนนี้อายุเพียงจะหกขวบ! นี้มันกลางวันแสก ๆ มันเหมาะสมที่เจ้าจะถอดเสื้อเขาขึ้นแล้วหรือ?”

ไม่ต้องการให้นางหาข้อพิสูจน์ เพราะต้องการหาข้อแก้ตัว?

ซูหวานหว่านคลี่ยิ้ม ชี้ไปทางหวังต้านที่อยู่ด้านหลังเขาและพูดว่า “ที่จริงเจ้ารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้เป็นไข้ทรพิษใช่หรือไม่? เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าจะกล้าแตะต้องตัวเขาได้อย่างไร? เจ้าไม่ได้เป็นคนบอกหรอกหรือว่าเขาเป็นไข้ทรพิษ!”

“นี่เจ้า!” หลี่หลางจงกล่าวคำใดไม่ออก ก่อนจะเอ่ยออกมาหลังจากปิดปากเงียบอยู่นาน “ปากดีนักนะ”

หวังเซียนซูที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พูดออกมา “หลี่หลางจง ท่านอย่าไปสนใจคำพูดที่ไร้สาระของนางเลย! พวกเราขับไล่ครอบครัวของนางออกไปจากหมู่บ้านนี้กันเถอะ!”

“ได้!” ซูหวานหว่านเผยรอยยิ้ม และดึงหลี่หลางจงออกมาทันที “หลี่หลางจง เจ้าอยู่ใกล้ชิดกับพวกเรา ดังนั้นเจ้าอาจจะติดเชื้อจากไข้ทรพิษ ดังนั้นเขาจะต้องถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านพร้อมกับพวกเราด้วย!”

หลี่หลางจงได้ยินเรื่องนี้ถึงกับตกตะลึง เตรียมเอ่ยอธิบาย แต่ชาวบ้านมองหน้าเขาด้วยสายตารังเกียจ เขาได้ใช้ข้ออ้างจากที่บอกว่าซูหวานหว่านติดโรคไข้ทรพิษเพื่อขับไล่ครอบครัวของนางออกไปจากหมู่บ้าน ตอนนี้เขาไม่เพียงใกล้ชิดกับซูหวานหว่าน แต่เขานั้นยังสัมผัสร่างกายของหวังต้านอีกด้วย ซึ่งในสายตาของชาวบ้านเขาอาจจะเป็นพาหะนำโรค!

เมื่อเห็นหน้าตาเศร้าหมองของหลี่หลางจง ซูหวานหว่านก็อยากจะหัวเราะเยาะ นางเดินวนรอบ ๆ ตัวหลี่หลางจงและเตะขาของหลี่หลางจงจนล้มเซไปทางชาวบ้าน!

เมื่อเห็นว่าเขาจะล้มลง กลุ่มชาวบ้านก็ตะโกนออกมาเสียงดังโวยวาย ทำให้ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ในตอนนี้ คนในหมู่บ้านก็คงติดเชื้อไข้ทรพิษกันหมด! ไปกันเถอะ ไปที่ภูเขาและนอนรอความตาย!”

“ซูหวานหว่าน! เจ้า เจ้าใจร้ายมาก!” ชาวบ้านกล่าวออกมาอย่างโกรธเคือง และหยิบข้าวของเดินตรงไปหาเด็กสาว

ซูหวานหว่านเดินเข้าไปหาหวังต้าน นั่งลงยอง ๆ แล้วเลิกเสื้อของหวังต้านขึ้นเผยให้เห็นแผ่นหลังเรียบ ๆ ทันใดนั้นทุกคนก็เกิดอาการตกใจ

หลี่หลางจงที่เห็นแบบนี้แล้ว จึงรีบวิ่งหนีออกจากกลุ่มชาวบ้านทันที!