ตอนที่ 144 ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ชาวบ้านหยุดการกระทำทุกอย่าง พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความยินดี “โชคดีที่หวังต้านไม่ได้ป่วยเป็นไข้ทรพิษ!”

“ใช่แล้ว! มิฉะนั้นเราทุกคนจะเดือดร้อนกันหมด”

“…”

ซูหวานหว่านเท้าเอว “ตอนนี้ทุกคนได้รับรู้ความจริงแล้วสินะ เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เชื่อใจข้าเลย แต่กลับไปเชื่อในตัวหมอที่ไม่มีชื่อเสียงนั่น!”

กล่าวจบ ซูหวานหว่านก็ชี้ไปยังหลี่หลางจงที่วิ่งหนีไปแล้ว “ตอนนี้เขากำลังจะหนีไปแล้ว! พวกเจ้ารีบไล่จับเขาให้ทันเถอะ!”

ถึงอย่างนั้นชาวบ้านก็ไม่ได้เกิดความกระตือรือร้นแต่อย่างใด เพราะยังอยู่ในอาการดีใจที่ไม่ได้มีผู้ใดป่วยเป็นโรคไข้ทรพิษ ทำให้ไม่มีใครสนใจคำพูดของซูหวานหว่าน

ชาวบ้านคนหนึ่งจึงพูดกับนางว่า “ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ หลี่หลางจงมาช่วยพวกเราตรวจโรคให้โดยไม่เอาเงิน เจ้าปล่อยเรื่องนี้ไปเถิด”

น่าขันเสียจริง ๆ!

“เฮอะ” ซูหวานหว่านเผยรอยยิ้ม “เขายังมองไม่ออกเลยว่ามันคือตุ่มที่เกิดจากแมลง พวกเจ้ายังคาดหวังที่จะให้เขารักษาโรคอีกอย่างงั้นหรือ?”

ชาวบ้านที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร “เขาเพียงตรวจโรคเฉย ๆ พวกเราไม่ได้เสียหายอะไร! ไม่ต้องตื่นตระหนกไปหรอกน่า!”

แต่เมื่อมีบางคนได้ยินเรื่องนี้ก็เกิดอาการตื่นตระหนกและพูดออกมาว่า “วันนี้แม่ของข้าเตรียมเกวียนวัวให้กับหลี่หลางจง ให้เขาเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปนำยามาจากร้านเหรินเฮอ! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเงิน หลี่หลางจงตรวจสอบโรคผิดพลาด หากกินยาผิดเข้าไปจะทำอย่างไร!?”

เมื่อทุกคนคิดถึงอาการป่วยของพ่อแม่ตนเอง จึงรีบวิ่งไล่ตามหลี่หลางจงออกไปทันที คนในหมู่บ้านระดมกลุ่มเด็กหนุ่มเพื่อไล่จับหาตัวหลี่หลางจง แต่ว่าเขาซ่อนตัวได้อย่างมิดชิดทำให้ยังไม่มีใครที่จะจับเขาได้

ซูหวานหว่านวางไข่สองสามฟองบนพื้นหญ้า โดยขอความช่วยเหลือจากงู จากนั้นวางขนมเอาไว้เพื่อขอความช่วยเหลือจากนก ให้พวกมันช่วยตามหาตัวหลี่หลางจงแล้วนางก็กลับบ้านไปพักผ่อน

ชาวบ้านตามหาตัวหลี่หลางจงอยู่เป็นเวลานาน ฝูงนกจึงปรากฏตัวออกมาอยู่เหนือสถานที่หนึ่ง เมื่อชาวบ้านเห็นจึงรีบวิ่งไปดู

ดูเหมือนว่าหลี่หลางจงจะถูกงูไล่ต้อนออกมาจากพุ่มหญ้าข้างถนน ชาวบ้านจึงรีบจับตัวเขาเอาไว้

เมื่อจับหลี่หลางจงกลับมาที่หมู่บ้าน ท่าทางของเขาดูไม่พอใจนัก และซูหวานหว่านก็ได้ยินเพื่อนบ้านบอกว่าจับเขาขังเอาไว้ในคอกวัว

ในตอนนี้มีฝนตกลงมาปรอย ๆ ซูหวานหว่านถือร่มเพื่อแจกจ่ายต้นพริกให้กับชาวบ้าน พวกเขาต่างเดินเข้ามารับต้นกล้ากันทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกดีมาก แม้กระทั่งชาวบ้านที่เคยใช้ต้นกล้าของฮวงต้าถง นางก็ได้ให้ชาวบ้านลงนามสัญญาการร่วมมือ พร้อมกับมอบต้นพริกให้พวกเขา แต่สำหรับหวังเซียนซูนั้น ซูหวานหว่านไม่อยากจะให้ต้นพริกกับนางทำให้หญิงวัยกลางคนโกรธมาก “ได้! ซูหวานหว่าน! เหตุใดเจ้ากล้าทำกับข้าแบบนี้! ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็ได้ต้นพริก แต่ทำไมข้าถึงไม่ได้มัน!”

“มันไม่คุ้มค่าที่จะให้สุนัขเจ้าเล่ห์แบบเจ้า!” ซูหวานหว่านมองสบตาอีกฝ่าย “พ่อกับแม่ของข้าถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน และเจ้าเป็นคนเดียวที่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข! อีกทั้งยังชักชวนคนในหมู่บ้านไปเอาผงขี้เถ้าพืชไปใส่ในแปลงของพวกเขา ทำให้พริกของพวกเขาตาย! เจ้ามีจิตใจหยาบช้าและเห็นแก่ตัว ไม่เหมาะที่จะมาทำอันใดร่วมกับข้า”

หลังจากนั้นซูหวานหว่านก็ได้ส่งสัญญาณให้ชาวบ้านที่ยืนอยู่ด้านหลัง สีหน้าของหวังเซียนซูซีดเผือด และขอให้พวกชาวบ้านพูดแทนนาง หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจและมองนางด้วยสายตารังเกียจ หวังเซียนซูโกรธจนใบหน้าเปลี่ยนสี นางยืนดูพวกชาวบ้านอยู่ข้าง ๆ ด้วยความอิจฉาริษยา ความเกลียดชังภายในใจของนางค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ซูหวานหว่านยังคงแจกจ่ายต้นพริกต่อไป ทันใดนั้นก็มีรถม้าวิ่งผ่าน มันรู้สึกคุ้นตานางเหลือเกิน นางนึกขึ้นมาได้และผงะไป นางเคยเห็นรถม้าที่หน้าร้านยาเหรินเฮอ ตอนที่นางไปขายโสม!

นั่นมันรถม้าของร้านเหรินเฮอ พวกเขามาทำอะไรที่นี่? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและหยุดการกระทำทุกอย่างของตนเอง

ชาวบ้านต่างหันไปมองด้วยความอย่างรู้อยากเห็น รถม้าหยุดลงที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะมีชายวัยกลางคนสวมชุดสีเหลืองนวล พร้อมเสื้อคลุมยาวสีจางเดินลงมาจากรถช้า ๆ ตามด้วยคนขับรถม้าที่ถือของตามเขามา

ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อชายคนนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้

นั่นไม่ใช่ ‘คนรู้จักเก่า’ ของนางหรอกหรือ! เถ้าแก่หูร้านยาเหรินเฮอที่กล่าวหาว่าโสมของนางเป็นรากดอกลูกโป่ง!

ซูหวานหว่านกำลังจะเอ่ยบางสิ่งออกมา หัวหน้าหมู่บ้านก็เดินเข้ามา “เถ้าแก่หู ท่านอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่เลย!”

เถ้าแก่หูหยิบหม้อออกมาแล้วพูดว่า “นี่คือเมล็ดสมุนไพรทั้งหมด ข้ามาที่หมู่บ้านของเจ้าเพื่อมาเจรจา ข้าจะให้พวกชาวบ้านปลูกพวกสมุนไพรนี้เป็นเวลาสามปี หลังจากนั้นข้าจะมารับซื้อมันไปในราคา 50 เหรียญต่อ 1 ชั่งพวกเจ้าจะว่าอย่างไร?”

ชาวบ้านตกตะลึงหูผึ่งเมื่อได้ยินจำนวนเงิน 50 เหรียญ แต่พวกเขายังคงสงสัยในตัวเถ้าแก่หู เพราะว่าหลี่หลางจงลูกน้องของเขาตรวจโรคผิดพลาด หากในเวลาสามปีพวกเขาไม่สามารถรอได้ พวกเขาก็อาจจะไม่ได้เงิน และถ้าต้องรอผลผลิตถึงสามปี เช่นนั้นพวกเขาจะเอาอะไรกินกัน!

ชาวบ้านต่างส่ายหัวไม่เห็นด้วย เมื่อซูหวานหว่านเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกนิ่งสงบ

เถ้าแก่หูคิดว่าชาวบ้านไม่เข้าใจ จึงพูดออกมาว่า “ข้าได้ยินมาว่าในหมู่บ้านของเจ้ามีคนชื่อว่าซูหวานหว่าน? นางขอให้พวกเจ้าปลูกพริกอย่างไร ข้าก็จะให้ความร่วมมือกับพวกเจ้าในการปลูกยาแบบนั้น เข้าใจแล้วใช่ไหม? แต่ว่าต่างกันตรงที่ว่าข้าจะไม่ปล่อยให้สิ่งที่พวกเจ้าปลูกตาย และข้าก็จะไม่ปล่อยให้มันติดโรคระบาด โดยพวกเจ้าต้องทำงานหนักหลายเดือนเพื่อดูแลมัน และไม่เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน!”

รู้จักชื่อของนาง แถมยังรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะวางแผนไว้มานานแล้วสินะ!

ซูหวานหว่านเผยยิ้มเย็นชา “เถ้าแก่หู เจ้าเองก็เป็นหมอ ต้นพริกมันสามารถแพร่ระบาดโรคได้หรือ? คำพูดของเจ้าช่างดูไร้สาระมาก!”

ชาวบ้านรู้แล้วว่าเรื่องโรคระบาดคือเรื่องหลอกลวง เมื่อซูหวานหว่านพูดออกมาเช่นนี้เหล่าชาวบ้านก็รู้สึกว่าเถ้าแก่หูเป็นคนหลอกลวงนัก

“พวกเจ้าทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน!” เถ้าแก่หูตะโกนออกมา

“ร้านเหรินเฮอของพวกเจ้าทำอะไรเอาไว้ เจ้าย่อมรู้ดีแก่ใจ!” ซูหวานหว่านเอ่ยด้วยความรำคาญ กล่าวเตือนชาวบ้านอีกครั้ง “ทุกคนโปรดฟังข้าให้ดี หลี่หลางจงเป็นคนไร้ประโยชน์ จับเขาเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ใด แต่หากจับเถ้าแก่หูเอาไว้ นั่นแหละมันไม่ธรรมดา พวกเจ้าสามารถขอเงินค่ายาทั้งหมดที่ญาติของเจ้าซื้อมาในราคาแพงคืนได้!”

“ถุย! ไร้สาระ!” เถ้าแก่หูถ่มน้ำลาย “ร้านขายยาเหรินเหอของข้าขายมันในราคาที่เป็นธรรมที่สุด!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเถ้าแก่หู เสียงของหญิงชราก็ดังขึ้นมา “ไอ้พวกคนชั่ว!! ข้านำเงินจำนวน 100 เหรียญมีอยู่ไปซื้อยาทั้งหมด! มันแพงมาก! ร้านขายยาเหรินเฮอบังคับให้ข้าซื้อ อีกทั้งยังทุบตีทำร้ายข้าอีกด้วย!”

พลันใดนั้นก็มีเกวียนวัวแล่นผ่านมา ซึ่งผู้คนบนเกวียนวัวเป็นพวกชาวบ้านในหมู่บ้านที่ไปซื้อยาจากร้านยาเหรินเฮอในวันนี้ พวกชาวบ้านต่างมีสีหน้าไม่พอใจเพราะพวกเขาเป็นหนี้ที่ร้านขายยาเหรินเฮอรวมกันเป็นเงิน 100 ตำลึง!

ชาวบ้านที่ไม่ได้ไปต่างตกตะลึง จำนวนเงินทั้งหมดในหมู่บ้านมีไม่ถึง 100 ตำลึงด้วยซ้ำ! แต่กลับกลายเป็นหนี้ถึง 100 ตำลึง!

“เถ้าแก่หู เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม!” ซูหวานหว่านชำเลืองมองเขา

เถ้าแก่หูพูดออกมาด้วยท่าทางนิ่งสงบ “อาการป่วยของพวกเขาค่อนข้างหนัก พวกเขาจึงต้องใช้เงินเป็นค่าใช้จ่ายเยอะมากขึ้น ร้านยาเหรินเฮอของเรามีจิตใจดีเมตตาให้พวกเขายืมเงิน! พวกเจ้าไม่ขอบคุณข้า แต่พวกเจ้ากลับมาปฏิบัติตัวทำกับข้าเช่นนี้! เกิดข้ามีโทสะขึ้นมา ระวังไว้ด้วยว่าจะพวกเจ้าจะไม่ได้ยาแม้แต่เม็ดเดียว!”

หึ นางไม่กลัวเขาหรอก!

ซูหวานหว่านพูดออกมา “ทุกคน อย่างไรเสียข้าก็เป็นหมอ ข้าสามารถวินิจฉัยโรค รักษาโรคให้โดยที่ไม่คิดเงินได้ แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงจะต้องไปเชื่อคำพูดของเขา! พวกเจ้าไปจับตัวเขาแล้วพาไปที่เมืองเพื่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ และยกเลิกการยืมเงินนั้นซะเถอะ!”

เมื่อชาวบ้านได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับตัวเถ้าแก่หูและมัดเขาเอาไว้ พวกชาวบ้านรู้สึกไม่พอใจกับร้านเหรินเฮอมาก

ซูหวานหว่านก้าวเข้าไปหาเขาด้วยใบหน้าที่สดใสและมีเสน่ห์ แต่แววตาเต็มไปด้วยความขำขัน นางเหมือนงูที่กำลังจ้องมองเหยื่ออย่างเยาะเย้ย “อย่าเพิ่งส่งตัวเขาให้กับทางการเลย พวกเรามาบังคับให้เขาพูดออกมากันดีกว่าว่าเรื่องผงขี้เถ้านั้นเป็นฝีมือร้านเหรินเฮอเป็นหรือไม่?”

“ไม่ ไม่ใช่…” เถ้าแก่หูตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขาชี้ไปที่ซูหวานหว่านแล้วพูดว่า “เห็นได้ชัดว่าเรื่องผงขี้เถ้านั้นเจ้าเป็นคนทำ! ข้าได้ยินมาพวกเขาพูดว่าพบผงขี้เถ้าในห้องนอนทางทิศตะวันตกของบ้านเจ้า แต่เข้าไปค้นไม่ได้ เลยไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก”

เขาพูดเช่นนี้ออกมา แสดงว่าเขาสั่งให้คนเอาผงขี้เถ้าไปยัดใส่ห้องนอนของนางใช่หรือไม่?

ซูหวานหว่านตกใจ พลันเหลือบไปเห็นหวังเซียนซูวิ่งไปที่บ้านของนาง “ไปดูกันเถอะว่าจริงหรือไม่! หากเป็นเรื่องจริง พวกเราก็จับตัวซูหวานหว่านไปส่งให้กับทางการเสีย!”