ความแข็งแกร่งของหลิงเซียวดึงดูดความสนใจของดอกไม้ทองคำทั้งสี่ในทันที

“คุณสนใจที่จะทำความรู้จักกับฉันไหม” เซี่ยหยู่ เดินมาที่ด้านข้างของหลิงเซียวและกล่าวถาม

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลิงเซียวก็เงยหน้าขึ้นมาและส่ายหัวทันทีพร้อมกับกล่าวขอโทษว่า “ขอโทษน่ะ ผมไม่สนใจคุณ!”

“หือ?” เซี่ยหยู่สับสนเล็กน้อย

นักเรียนในโรงอาหารก็ตกตะลึงเช่นกัน

พี่ชายไม่ใช่ว่าพี่ชายเพิ่งขอเธอเดทและอยากได้เธอไปที่ห้องหรอกหรือ? แล้วทำไมตอนนี้พี่ชายถึงได้เปลี่ยนสีหน้าไวจัง

หลิงเซียวพูดต่อไปว่า “เว้นแต่ว่าคุณจะถอดเสื้อออกและนั่งทับผม พร้อมกับโล้สำเภาด้วยตัวคุณเอง มิฉะนั้นผมก็จะไม่สัมผัสคุณ ถ้าผมสัมผัสก็นับว่าฉันเป็นผู้แพ้!!”

“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสำเร็จ พลังชีวิต +0.1! “

” ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสำเร็จ พลังวิญญาณ +0.1! “

อึก!

นักเรียนทุกคนต่างมองไปที่หลิงเซียวด้วยความตกใจ

พี่น้อง! พี่น้องเป็นผู้ชายน่ะเห้ย!

ใบหน้าของ เซี่ยหยู่ ดูน่าเกลียดเล็กน้อย “แล้วคุณจะเสียใจ!”

จากนั้นเธอก็หันกลับไปและกลับไปที่ที่นั่งของเธอ ดอกไม้ทองคำอีกสามคน ใบหน้าของพวกเธอก็ดูน่าเกลียดมากเช่นกัน

แต่หลิงเซียวไม่สนใจ เขาทำเพียงกลืนอาหารลงไปราวกับว่าเรื่องทุกอย่างเป็นเพียงก้อนเมฆที่ลอยผ่านมาเท่านั้น

ตอนแรกเธอไม่รักและไม่สนใจฉันเลย

แต่ตอนนี้เธอขาดฉันไม่ได้แล้ว!

คนที่ทำให้หลิงเซียวพัฒนาได้แค่ 0.1 ถึงแม้ว่าเธอจะสวย หลิงเซียวก็ไม่อยากจะยุ่งกับเธออีก

สำหรับหลิงเซียวแล้ว การปรับปรุงระดับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของเขาในตอนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่มีสิ่งใดมาทำให้เขาหวั่นไหวได้

ใช้เวลาไม่นานก่อนที่หลิงเซียวจะทานอาหารเสร็จ หลังจากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไป

ในช่วงเวลาที่เขากินเขาได้คิดเกี่ยวกับแผนการในอนาคตของเขาแล้ว

การแปลงความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าความเร็วมันยังช้าเกินไป

โรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่หนึ่งและสอง โรงเรียนทั้งสองแห่งนี้มีนักเรียนจำนวนมากกว่า

เมื่อเทียบกับโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สามแล้ว มันสามารถทำให้ หลิงเซียว พัฒนาได้มากกว่า

“ว่าแต่ฉันควรใช้ชื่ออะไรในการปลอมตัวดี นี่ฉันโง่จนจนถึงขนาดคิดไม่ออกเลยงั้นเหรอเนี้ย?” หลิงเซียวพึมพำ

ไม่นานเขาก็มาถึงประตูโรงเรียน

ชายร่างสูงในชุดศิลปะการต่อสู้ของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สองยืนอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม

หลิงเซียวได้ยินเสียงตะโกนเสียงดัง “จ้าวเล่ยปีสามของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สอง มาเพื่อท้าทาย!”

จ้าวเล่ย เต็มไปด้วยแรงผลักดัน เขาตะโกนอย่างต่อเนื่องดึงดูดฝูงชนให้เข้ามาดู

ใบหน้าของนักเรียนในโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม ที่ประตูทางเข้าโรงเรียนค่อนข้างน่าเกลียด พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้โรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สองมาท้าทายพวกเขาเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงตรงไปยังประตูทางเข้าโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม เพื่อดู

“จะแหกปากอะไรนักหนาวะ!” นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งตะโกนขึ้น

เมื่อจ้าวเล่ยได้ยินคำนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเหยียดขาตรงขยับขาราวกับแส้สร้างลมกระโชกพุ่งเข้าหานักเรียนมัธยมปลายที่ตะโกนทันที

กรงเล็บในมือแหลมคมขึ้น แหวกผ่านอากาศไปพร้อมกับเสียงลม

ใบหน้าของนักเรียนมัธยมปลายเปลี่ยนไป เขาไม่ได้คาดคิดว่าความเร็วของ จ้าวเล่ย จะเร็วขนาดนี้

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีนักเรียนมัธยมปลายคนนั้นก็ล้มลงกับพื้นร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด

“นี่คือระดับความแข็งแกร่งของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม?” จ้าวเล่ยส่ายหัว

นักเรียนคนอื่นๆของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม กัดฟันแต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า

รุ่นพี่ระดับมัธยมปลาย ที่เพิ่งพ่ายแพ้การต่อสู้มีพลังชีวิตและพลังวิญญาณอยู่ที่ 75 จุดแต่เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเล่ย

แล้วพวกเขาจะไม่ยิ่งสิ้นหวังขึ้นไปอีกหรือ? ถ้าพวกเขาขึ้นไปจริงๆมันก็ไม่ต่างจากการส่งตัวเองออกไปตาย

“จ้าวเล่ยแห่งโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สอง มาท้าทาย! ” เมื่อ จ้าวเล่ย เห็นสิ่งนี้ เขาก็ยิ่งตะโกนออกมาอย่างรุนแรง

ผู้คนจำนวนมากกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้

“ฉันไม่คิดเลยว่านักเรียนของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สามจะอ่อนแอขนาดนี้ “

“เพียงแค่เริ่มต่อสู้ ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที ฉัยก็ล้มพวกแกได้หมดแล้ว ออกมาให้ฉันเล่นสนุกอีกสักหน่อยสิ”

“อย่าพูดอะไร ถ้าฉันมีลูกในอนาคตฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เขามาใช้เวลาอย่างเสียเปล่าที่นี่”

“ใช่คุณพูดถูกต้อง ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

ความเห็นของผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์ก็เหมือนกับการตบหน้าของนักเรียนของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม เรื่องนี้มันทำให้พวกเขาหน้าแดงด้วยความอับอาย

แน่นอนว่ามีข้อยกเว้นเช่นหลิงเซียว

หลิงเซียว กำลังกำลังคิดเรื่องที่ซับซ้อนอยู่ในหัว เมื่อเขามาถึงตรงนี้การต่อสู้มันก็จบลงแล้ว? แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรให้เขาต้องแสดงอีก

เมื่อคิดอย่างนั้น หลิงเซียว ก็เดินออกจากโรงเรียนไปทันทีโดยไม่สนใจ

ใบหน้าของนักเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม ดูดีขึ้นอย่างน้อยก็มีบางคนกล้าเข้าไปท้าทาย

จ้าวเล่ยมองไปที่หลิงเซียวเช่นกัน แต่หลิงเซียวไม่ได้มองไปที่เขาเลยแม้แต่น้อย

หลิงเซียวเดินไปข้างหน้าราวกับว่าเขาไม่เห็นจ้าวเล่ยที่กำลังขวางประตูของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สามอยู่เลยแม้แต่น้อย

การกระทำนี้ทำให้ผู้ที่เฝ้าดู และจ้าวเล่ยสับสน

คนนี้คือใคร?

ทำไมเขาช่างไร้ยางอายได้ขนาดนี้?

โรงเรียนของเขาถูกปิดกั้น แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรสักคำ?

จนกระทั่งหลิงเซียวเดินออกไปกว่าสิบเมตร จ้าวเล่ย ก็กลับมามีสติอีกครั้ง

“หยุด! ใครอนุญาตให้แกไป?” จ้าวเล่ย กล่าว

หลิงเซียวหันกลับมาและพูดว่า “ขาอยู่บนตัวฉัน ฉันอยากจะเดินไปที่ไหนก็ได้ตามใจฉัน”

“แกไปไหนไม่ได้ แกไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป! เว้นแต่ว่าแกจะโดนฉันทุบตีก่อน” จ้าวเล่ย กล่าวเสียงดัง

หลิงเซียวครุ่นคิดถึงเรื่องนี้และกล่าวว่า “นี่ไม่ถูกต้อง หลังจากที่แกมาขวางประตู แกก็เพิ่งจะชนะได้เพียงคนเดียว แล้วถ้ามาถูกฉันทุบตี นี่ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับแกหรอกเหรอ ??”

ทุกคนที่เฝ้าดูเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ก็พากันพูดไม่ออก

พี่ชายคุณได้พิจารณาถึงเรื่องที่จะตามมาหรือเปล่า?

ทำไมพี่ชายไม่คิดถึงหน้าตาของโรงเรียนก่อน?

เมื่อ จ้าวเล่ย ได้ยินคำนั้น เขาก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ถ้าแกสามารถเอาชนะฉันได้ ก็เข้ามา!”

ทันทีที่เสียงของจ้าวเล่ยจางหายไป หลิงเซียวก็ก้าวถอยหลังไปสิบเมตรภายในสามก้าว

ขาที่กลายเป็นแส้ กลายเป็นเงาดำ พุ่งเข้าไปกระแทกที่พื้นอย่างรุนแรง

ดวงตากลมโตของจ้าวเล่ยเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ปัง!

มีเสียงดังขึ้น พร้อมกับการมองเห็นของทุกคนที่พร่ามัว

จ้าวเล่ยรู้สึกราวกับว่าคอของเขาถูกชนโดยรถถังที่เเล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของจ้าวเล่ย แต่เขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้องออกมาได้

จากนั้นฝูงชนที่มองดูอยู่รอบๆ ก็เห็นจ้าวเล่ยล้มลงกับพื้น

พวกเขาพากันมองไปที่หลิงเซียวด้วยความตกตะลึง พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็น

พี่ชายคนนี้แข็งแกร่งมาก!

ทำไมพี่ชายถึงไม่ออกมาให้เร็วกว่านี้ ถ้าพี่ชายยอดเยี่ยมมากขนาดนั้น? พี่ชายกำลังล้อเล่นอยู่หรือไง?

หลิงเซียวหันกลับมาและพูดพึมพำว่า “ต้องการพ่ายแพ้เพื่อปล่อยคนไป ใครบางคนกลับขอแบบนี้ เขามันบ้าไปแล้วจริงๆ!”