ตอนที่ 76 การเข้าใกล้ที่แสนงุ่มง่าม / ตอนที่ 77 นายมองฉันได้รึเปล่า

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 76 การเข้าใกล้ที่แสนงุ่มง่าม

 

 

ทุกๆ ห้องกลับไปยังตำแหน่งเดิมของตัวเองเพื่อทำการฝึกต่อ

 

 

เพื่อนๆ ห้องสามเหมือนกับว่าเริ่มจะรู้จักชุยหังใหม่ไม่มีผิด เอาแต่ใช้สายตาในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนมองมาที่เขา

 

 

แม้แต่เพื่อนรูมเมทห้องเขาก็กำลังพูดคุยกัน: “เหลาอู่ซ่อนเร้นปกปิดเอาไว้ซะมิดชิดเลย ดูไม่ออกเลยสักนิด”

 

 

“จริงด้วย แสร้งเก่งจริงๆ เลย ก็นึกว่าเขาร้องเพลงไม่ได้ซะอีก”

 

 

ชุยหังก็ไม่ได้พูดอะไร ที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะแสร้งทำเพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสได้ร้องเพลงแบบนี้

 

 

หลังจากเมื่อครู่ร้องเพลงไปเพลงหนึ่งแล้ว ชุยหังเหมือนจะผ่อนคลายลงมากแล้ว อย่างน้อยเรื่องที่เมื่อก่อนไม่กล้าทำตอนนี้ก็ได้ทำมันแล้ว ตัวเองกล้าที่จะร้องเพลงต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้แล้ว ยังจะมีอะไรที่ตัวเองจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับมันได้อีก

 

 

เขามองไปทางที่หลูจื้อยืนอยู่ ดูเหมือนหลูจื้อจะไม่ค่อยเหมือนกับเมื่อครู่นี้สักเท่าไหร่นัก เขาไม่ได้จงใจเบือนสายตามองไปทางอื่นอีกแล้ว

 

 

เพียงแต่เมื่อเขาทั้งสองคนเผลอมาสบสายตากันเข้าเมื่อไหร่ ชุยหังมักจะรู้สึกเก้อเขิน

 

 

เพราะไม่ว่ายังไงเรื่องเมื่อคืนวานนี้มันก็เคยเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

 

 

“นายก็ร้องเพลงเพราะดีหนิ ร้องบ่อย?”

 

 

ไม่รู้ว่าหลูจื้อเดินมาหยุดตรงหน้าของชุยหังอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ เล่นเอาชุยหังตกอกตกใจหมด

 

 

“ไม่ค่อยได้ร้อง ร้องมั่ว” ชุยหังพูดตอบ

 

 

“อ้อ ใช้ได้” พอหลูจื้อพูดจบก็เดินแยกตัวออกไป

 

 

ชุยหังถูกท่าทีของเขาทำเอางงงวยประหลาดใจไปหมด เดิมทีคิดว่าเขาคงไม่มีทางมาสนใจอะไรชุยหังอีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าแค่เพราะเพลงๆ เดียวก็ทำให้เขาเริ่มจะกลับมาเข้าใกล้ชุยหังอีกแล้ว แต่วิธีการมันดูงุ่มง่ามมากไปหน่อย

 

 

เขาควรจะกลัวชุยหังสิ ในเมื่อสิ่งที่ชุยหังพูดไปและสิ่งที่ทำลงไปเมื่อวาน มันควรจะทำให้ภายในใจของเขารู้สึกหวาดกลัวสิ

 

 

แต่เขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อยว่าทำไมเหล่าครูฝึกพวกนั้นถึงเอาแต่เรียกเขาว่าอาซ้ออยู่ได้ ดูท่าทางของพวกเขาก็ไม่เหมือนพวกที่จะยุยงให้ผู้ชายสองคนได้กันสักหน่อย

 

 

แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาของตัวเขาเองเท่านั้น

 

 

อีกอย่างในตัวหลูจื้อก็ไม่มีอะไรที่ทำให้ตัวเขามองเห็นไอที่แลดูมีแนวโน้มว่าจะเอนเอียงมาทางวงการนี้เลยสักนิด

 

 

บางทีอาจเป็นเพราะความพิเศษแบบนี้ถึงทำให้ตัวเขารู้สึกว่าถูกดึงดูดก็ได้

 

 

หลังจากนั้นหลูจื้อก็เหมือนตั้งใจจะเดินเฉียดมาทางข้างตัวของชุยหังอีกสองสามครั้ง ชุยหังก็รู้สึกได้ว่าเขามีบางอย่างที่อยากจะพูดกับตน แต่ว่าเพราะตนไม่ได้หันไปมองเขาดังนั้นหลูจื้อจึงได้แค่ปลีกตัวเดินจากไปอย่างอึดอัดใจ

 

 

หลูจื้อที่เป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ชุยหังรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีกว่า เขาไม่รู้สึกว่ามันอึดอัดบ้างหรอ

 

 

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางที่จะถามออกไปตรงๆ ว่านายไม่รู้สึกว่าฉันน่ารังเกียจหรออะไรแบบนั้น เขาทำเรื่องโง่เง่าแบบนั้นออกมาไม่ได้จริงๆ

 

 

ตลอดจนกระทั่งการฝึกของวันจะสิ้นสุด หลูจื้อเดินผ่านข้างกายของชุยหังไปแล้วกว่าสิบรอบ

 

 

แต่ทว่าเป็นเพราะทุกครั้งชุยหังต่างก็ไม่กล้ามองเขา ดังนั้นเขาถึงได้เดินๆ แยกตัวออกไป

 

 

มีหลายครั้งที่หลูจื้อยื่นมือออกมาเหมือนอยากจะผลักชุยหังสักหน่อยเหมือนที่ทำไปเมื่อวานนี้ แต่หลังจากที่ชุยหังออกแรงเกร็งขาเรียบร้อยเขาก็ชักมือกลับไปเสียอย่างนั้น

 

 

ชุยหังรู้สึกอึดอัดใจมาก นี่หลูจื้อกำลังฝึกซ้อมการแสดงอะไรอยู่หรอ

 

 

เมื่อวานเขาก็ถูกชุยหังเล่นเสียจนสับสนมึนงงขนาดนั้น ยังไม่เชื่ออีกหรอว่าชุยหังเป็นเกย์ ทำไมตอนนี้ถึงเริ่มมาเข้าใกล้งุ่มง่ามกับตนอีกแล้วล่ะ

 

 

นึกย้อนกลับไปเมื่อก่อนหน้านี้ วันที่ชุยหังอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่เขาก็ยังเรียกให้ชุยหังออกไปเดินตากฝนจนถึงทะเลสาบประดิษฐ์ใกล้ประตูสามอยู่ตั้งนานสองนาน เขาเดาว่ามันคงยังเป็นความคิดอยากดูแลรับผิดชอบของหลูจื้ออีกเหมือนเดิม

 

 

เพราะเขาพึ่งจะมาเป็นครูฝึกครั้งแรกและเขาอยากจะดูแลทุกๆ คนเป็นอย่างดี

 

 

เพียงแต่เขาคงจะนึกไม่ถึงว่าการเป็นครูฝึกครั้งแรกต้องมาเจอคนแบบชุยหังเข้า ไม่กล้ายอมรับและในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ชุยหังรู้สึกว่าเขาดูถูกตน

 

 

ดังนั้นถึงได้คิดหาวิธีการที่จะทำให้ชุยหังรู้สึกว่าเขาไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามชุยหังแต่อย่างใด

 

 

ในเมื่อฐานะทางสังคมไม่เหมือนกัน รสนิยมเพศตรงข้ามก็แตกต่างกัน เชื่อว่าหลูจื้อคงจะไม่มีทางเอาชนะสิ่งกีดขวางภายในใจของตัวเองไปได้ง่ายๆ แน่นอน

 

 

เขาจิตใจดี แต่มันก็แค่นั้น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 77 นายมองฉันได้รึเปล่า

 

 

ตอนเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารพวกเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มาเดินรายล้อมอยู่รอบข้างชุยหัง

 

 

ชุยหังรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานับว่าใช้ได้ แต่เมื่อก่อนมีแค่พวกเพื่อนรูมเมทเท่านั้นที่ชอบมาอยู่ด้วยกัน

 

 

เหลียงจื้อเอ่ยขึ้น: “ชุยหัง นายร้องเพลงเพราะมากเลย”

 

 

ชุยหังเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นเพราะเพลง (เพลงรักทะเลตะวันตก) เพลงนั้นนี่เอง

 

 

“ไม่หรอก นายอย่าชมฉันเลย อีกเดี๋ยวฉันก็ได้หลงตัวเองจนก้าวไม่ออกเอาง่ายๆ กันพอดี” ชุยหังพูด

 

 

“ไม่เป็นไร นายเชิญหลงตัวเองได้ตามใจเลย ในเมื่อนายมีทุนตรงนี้อยู่แล้ว หลังเปิดเทอมนายก็เข้าไปอยู่ในกลุ่มสมาคมศิลปะเลยสิ?” เหลียงจื้อพูด

 

 

ชุยหังถามกลับ: “กลุ่มสมาคมศิลปะอะไร”

 

 

“นายโง่หรือเปล่าเนี่ย ในมหา’ ลัยจะมีกลุ่มสมาคมต่างๆ นายไม่รู้หรอ? อย่างกลุ่มศิลปะก็จะเกี่ยวกับการแสดงต่างๆ ทุกครั้งที่ได้ออกแสดงจะมีคะแนนการเรียนบวกเพิ่มให้ด้วย คะแนนทุกคะแนนต่างก็สำคัญมากเลยนะลูกพี่” เหลียงจื้อพูด

 

 

ชุยหังพูดต่อ: “ฉันไม่เคยเรียนมหา’ ลัยสักหน่อย ฉันไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ”

 

 

“ในนี้มีใครบ้างที่ไม่ได้เข้าเรียนมหา’ ลัยครั้งแรก ก่อนนายจะมาที่นี่ไม่ได้ไปหาแอบถามใครมาบ้างเลยหรือไง” เหลียงจื้อถาม

 

 

ชุยหังทำหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่พลางพูด: “ไม่รู้จะไปถามใครน่ะสิ ในหมู่บ้านพวกเราก็มีแค่ฉันคนเดียวที่สอบเข้ามหา’ ลัย…”

 

 

“พูดจริงป่ะเนี่ย หมู่บ้านนายใหญ่แค่ไหนอะ” โจวเฉวียนก็เริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว

 

 

เขาไม่ได้ไม่ดีใจที่สุดท้ายแล้วชุยหังแย่งบทบาทตัวเด่นไปจากเขา ดูแล้วเขาก็เป็นคนใจกว้างมากทีเดียว

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “ทั้งหมดก็ยี่สิบสามสิบครัวเรือนได้”

 

 

“ใหญ่ไม่เท่ากองทัพหนึ่งของพวกเราเลยด้วยซ้ำ มิน่าล่ะ แต่นายสอบติดมหา’ ลัยคราวนี้แถวหมู่บ้านของนายคงจะครึกครื้นน่าดูเลยใช่ไหม”

 

 

ชุยหังนึกย้อนกลับไปถึงภาพที่คนในหมู่บ้านของเขามาส่งตัวเองภาพนั้น พลางเอ่ยขึ้น: “ก็พอสมควรนะ ในเมื่อต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไง”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นนายฝึกร้องเพลงที่ไหน” ถังเฉิงถาม

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “ไม่มีหรอก ก็ฮึมฮัมมั่วๆ ไปเอง…”

 

 

“ฮึมฮัมมั่วๆ ยังสามารถฮึมฮัมออกมาซะฮือฮาได้ขนาดนี้ เก่งเหมือนกันนะเนี่ย หรือว่าเราสองคนไปทดสอบเข้ากลุ่มศิลปะด้วยกันเป็นไง” โจวเฉวียนว่า

 

 

ชุยหังคิดก่อนจะพูดตอบ: “ถ้าได้คะแนนเพิ่มจริงๆ ก็ลองไปดู”

 

 

คะแนนเรียนมีผลเชื่อมต่อกับทุนการศึกษา แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคะแนน

 

 

เมื่อกลับมาถึงหอพักชุยหังก็ได้รับข้อความจากชย่าอวี่ชิว

 

 

[เมื่อคืนวานนี้ออกไปดื่มเหล้า?]

 

 

ชุยหังตกใจ แต่สักพักเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนี้ตัวเองเคยถามชย่าอวี่ชิวไปว่าที่ไหนสามารถดื่มเหล้าได้บ้าง ที่จริงเขาจะเดาออกมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

 

[อืม] ชุยหังตอบอย่างไม่ปิดบัง

 

 

ในเมื่อพวกเขาไม่ได้อยู่คณะเดียวกัน ต่อให้อยู่คณะเดียวกันชย่าอวี่ชิวก็ไม่มีทางเอาเรื่องนี้ของเขาไปบอกกับอาจารย์แน่นอน

 

 

[ทำไมหรอ อารมณ์ไม่ดี?] ชย่าอวี่ชิวตอบข้อความกลับอย่างรวดเร็ว

 

 

ชุยหังคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบกลับเขาไปอีกหนึ่งข้อความ: [เพราะอกหัก นายเชื่อไหม]

 

 

[ฉันเชื่อสิ ก่อนหน้านี้ฉันก็รู้สึกได้ว่านายเหมือนจะถูกใครเขาทิ้งมา แต่นายก็ยังไม่ยอมรับ ไม่ใช่แค่คู่รักวัยมัธยมหรอกนะ มหา’ ลัยก็เหมือนกัน หลังจากเรียนจบถ้าไม่ได้ทำงานอยู่ที่เดียวกันมันก็ง่ายที่จะเลิกกัน] ชย่าอวี่ชิวกลับไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลย

 

 

ที่จริงถึงพวกเขาพึ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานก็จริง แต่ความรู้สึกที่ชย่าอวี่ชิวให้เขามันคือความยึดมั่นในความเป็นธรรม ตรงไปตรงมาและไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

 

 

ตอนนี้สมองของชุยหังเหมือนบ้าไปแล้วไม่มีผิด เขากดส่งข้อความหนึ่งกลับไปว่า: [ถ้าฉันบอกนายว่าคนๆ นั้นเป็นผู้ชายล่ะ]

 

 

แต่เมื่อกดส่งข้อความนี้ออกไปแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่จึงรีบกู้ข้อความกลับทันที

 

 

เขากำลังคิดว่าชย่าอวี่ชิวคงจะไม่ทันได้อ่านวีแชทเร็วขนาดนั้นหรอก

 

 

ด้านชย่าอวี่ชิวไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อยู่นาน ชุยหังดีใจมาก ดูเหมือนว่าเขาคงยังไม่ทันได้เห็นข้อความจริงๆ ไม่อย่างนั้นต้องถามกลับมาแน่นอนว่าที่ตัวเขาดึงข้อความกลับเมื่อครู่คืออะไร

 

 

ตอนนี้เขายังพอมีเวลาที่จะคิดคำอธิบายเรื่องที่ตัวเองพึ่งจะดึงข้อความกลับเมื่อครู่นี้

 

 

อันที่จริงมันง่ายนิดเดียว ก็แค่บอกว่าเมื่อกี้เขากดส่งผิดก็เรียบร้อยแล้ว

 

 

ขณะที่เขากำลังพิมพ์ข้อความอยู่นั้น ทางชย่าอวี่ชิวก็ส่งข้อความหนึ่งตอบกลับมา

 

 

[ถ้าเลิกแล้ว นายมองฉันได้รึเปล่า]