นี่ก็คือผู้หญิงคนนั้นที่คิดจะเข้ามากอดเสี่ยวเฉียงที่ตลาดกลางคืน
ที่แท้เธอก็ถูกจับเป็นตัวประกันวันนี้นี่เอง
เสี่ยวเฉียงเคยช่วยเธอไว้ครั้งหนึ่ง เสียวเหม่ยก็ช่วยไว้อีกครั้ง นี่ตกลงยัยคนนี้มีวาสนากับครอบครัวเธอมากขนาดไหนกัน?
สาวร่างอวบยังไม่ยอมแพ้ ถูกลากตัวออกไปแต่เท้าก็ยังขัดขืน
“ผู้มีพระคุณ ฉันชอบคุณค่ะ ฉันหลงรักคุณ”
เสี่ยวเฉียงได้ยินแล้วก็ขนลุก เขาเอามือลูบแขนพลางถามเสี่ยวเชี่ยน “เขาเพี้ยนแล้วหรือเปล่า? แบบนี้มันปกติเหรอ? จับส่งโรงพยาบาลบ้าเลยดีไหม?”
ถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน แถมยังถูกแทงอีกด้วย นี่รอดแล้วยังจะทำตัวบ้าผู้ชายอีก เขาคิดจริงๆนะว่าไอคิวของผู้หญิงคนนี้ต่ำจนเป็นแชมป์ของประเทศได้
“คนบางคนไม่ได้เพี้ยนหรอก ก็แค่สมองมีแต่น้ำ เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็เบาใจได้ว่าคงไม่เสียขวัญจากเหตุการณ์ในครั้งนี้แน่”
เสี่ยวเชี่ยนเองก็อยากขำให้น้ำตาเล็ด ถึงขนาดที่รู้สึกสงสารเสี่ยวเฉียงหน่อยๆด้วยซ้ำที่เจอคนหน้าด้านขนาดนี้ มันคงเป็นความทุกข์สุดๆเลยใช่ไหม
ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนเตรียมจะออกจากตรงนั้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ
“ลูกพ่อ เป็นอะไรไป”
เสี่ยวเชี่ยนหันไปมอง แล้วก็เห็นผู้หญิงที่ไม่ได้บาดเจ็บคนนั้นน้ำลายฟูมปาก ลงไปนอนชักตัวเกร็งที่พื้น
แย่แล้ว
“ลูกพ่อเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น” ผู้เป็นพ่อตกใจทำอะไรไม่ถูก เขากอดลูกตัวเองตัวสั่น
ทำไมคนที่โดนแทงกลับกระโดดโลดเต้นได้ แต่คนที่ไม่ถูกแทงน้ำลายฟูมปาก?
หมอรีบเข้าไปตรวจ หญิงสาวคนนั้นเกร็งไปทั้งตัว ปากก็มีฟองน้ำลายออกมาเรื่อยๆ เห็นแล้วน่าตกใจมาก
เสี่ยวเชี่ยนเองก็ตกใจ เธอรีบเดินเข้าไปดูแล้วดันตัวหมอออก
“ขอดูหน่อยค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนยกเปลือกตาผู้หญิงคนนั้นขึ้นแล้วหันไปส่งสัญญาณให้หมอรีบช่วยชีวิต การเต้นของหัวใจกับความดันโลหิตปกติหมด
“หมอ ลูกสาวผมเป็นอะไร” ผู้ชายคนนั้นร้องไห้พลางถาม
“คือว่า…พวกเราต้องพากลับไปตรวจให้ละเอียดก่อนถึงจะสรุปได้ครับ” หมอฉุกเฉินยังสรุปไม่ได้ อาการไม่เหมือนโรคหัวใจหรือลมบ้าหมู
แล้วตกลงเป็นอะไรกันแน่?
ทันใดนั้นผู้ป่วยก็หยุดเกร็งตัว ลุกขึ้นมานั่งร้องไห้ใหญ่ ร้องไปอ้วกไป
อาการของเธอทำให้คนเป็นพ่อตกใจมาก
เสี่ยวเชี่ยนเห็นแบบนั้นก็พอจะเข้าใจแล้ว
“เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเป็นโรคหลายบุคลิกเพราะเจอเหตุการณ์สะเทือนใจน่ะค่ะ”
“หา? คุณหมายความว่าลูกสาวผม…เป็นบ้าเหรอ?”
ผู้ชายคนนั้นตกใจจนแข้งขาอ่อนล้มเซไปด้านหลัง อวี๋หมิงหลางรีบเข้าไปพยุงเขา สายตาเต็มไปด้วยความสงสาร
คนร้ายเมื่อครู่ที่จับลูกสาวเขาเป็นตัวประกันก็เป็นโรคหลายบุคลิก นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะบอกว่าลูกสาวเขาก็อาจเป็นด้วย
ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกแบบนี้
“ฉันแค่คาดคะเนน่ะค่ะ ดูจากอาการของเขาแล้วคล้ายโรคหลายบุคลิก…ส่วนรายละเอียดต้องให้ทางโรงพยาบาลตรวจถึงจะรู้ค่ะ แต่คุณลุงไม่ต้องกลัวนะคะ โรคนี้มีหลายแบบ ถ้ารักษาได้ทันบวกกับมีการบำบัดจิตใจเขาก็จะหายได้ค่ะ”
“แต่เมื่อกี้คนเลวนั่นเป็นถึงขนาดนั้นแล้ว อีกหน่อยลูกสาวผมก็คง…”
“ไม่หรอกค่ะ โรคหลายบุคลิกแบ่งได้หลายชนิด คนไข้ส่วนใหญ่ฟื้นฟูได้ดีหลังการรักษา ผู้ป่วย60%-80%จะอาการค่อยๆดีขึ้นภายในหนึ่งปี งั้นเอาแบบนี้นะคะ เดี๋ยวฉันทิ้งเบอร์ติดต่อให้ ถ้าเขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลายบุคลิกจริง ฉันช่วยบำบัดจิตใจให้เขาได้ค่ะ”
“หา” ผู้ชายคนนั้นรับเบอร์โทรของเสี่ยวเชี่ยนมาด้วยอารมณ์หลากหลายความรู้สึก มัวแต่เป็นห่วงลูกสาวจนลืมพูดขอบคุณ
เสี่ยวเชี่ยนจัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้วจึงเตรียมตัวไป พอหันหลังเธอก็ถูกถ่ายภาพรัวๆ
อวี๋หมิงหลางรีบเอามือบังหน้าเธอไว้ แต่สื่อก็ยังกดชัตเตอร์ไม่หยุด
เสี่ยวเชี่ยนยังเห็นไป๋จิ่นด้วย
“ช่วยให้สัมภาษณ์ด้วยครับ” สื่อชอบเล่นประเด็นร้อนแบบนี้
ไป๋จิ่นรีบเบียดมาข้างหน้าสุด สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
“ไอดอล ฉันเป็นแฟนคลับคุณนะคะ พวกเรารู้จักกันคุณต้องให้สัมภาษณ์ฉันก่อน”
เสี่ยวเชี่ยนทำตาตี่ใส่ ไป๋จิ่นก็ข่าวไวเหมือนกันนะ
เสี่ยวเชี่ยนอยากพูดออกไปว่า เธอไม่ต้องบ้าตามคนพวกนี้หรอก จะสัมภาษณ์เมื่อไรก็ได้ แต่ตอนนี้เธอต้องรีบไปแข่งนะ
แต่พูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไป๋จิ่นทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสถานีโทรทัศน์เมืองหลิน แถมยังมีสื่ออื่นๆอีก
หนังสือพิมพ์ใหญ่ๆหลายเจ้า สถานีโทรทัศน์หลายแห่ง นอกจากสื่อแล้วยังมีชาวบ้านที่ออกันเข้ามา ปิดเส้นทางจนขยับไปไหนไม่ได้ ล้อมวงกันเข้ามาดูเสี่ยวเชี่ยนประหนึ่งเธอเป็นหมีแพนด้า ขนาดตำรวจกับทหารหน่วยรบพิเศษพูดก็ยังไม่ฟัง
กว่าเสี่ยวเชี่ยนจะปลีกตัวออกมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ อวี๋หมิงหลางขับรถไปส่งเธอด้วยตัวเอง แต่ก็สายไปแล้ว
จะพูดให้ถูกก็คือ ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนไปถึงสถานีโทรทัศน์ยังมีเวลาอีกสองนาที
แต่ตอนที่เธอไปถึงหน้าห้องออกอากาศ ยามก็มาขวางหน้าไม่ให้เธอเข้าไป
“ห้ามเข้าแล้วครับ มันเลยเวลาแล้ว”
“นาฬิกาฉันบอกยังมีเวลาอีกสองนาทีนะคะ”
“ไม่ได้ครับ มีคำสั่งลงมาว่าห้ามเข้าแล้ว”
ยามรักษาความปลอดภัยพูดอย่างไร้ความเมตตา ประตูค่อยๆถูกปิดลง
เสี่ยวเชี่ยนถูกกั้นไว้ด้านนอก
หลังจากที่ยามปิดประตูห้องออกอากาศแล้ว มีผู้ชายใส่สูทสวมรองเท้าหนังคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขาใช้คำบรรยายได้แค่คำเดียว
ยิ้มเยาะ
เสี่ยวเชี่ยนเห็น อวี๋หมิงหลางก็เห็น
“สาวน้อยคนเก่งคนนี้ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ? ฮ่าๆๆ”
ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาอย่างได้ใจ แล้วหยุดยืนห่างจากเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางไปแค่ก้าวเดียว
“รู้จักผมไหมครับ? ผมชื่อจ้าวต้าเผ้า คุณอาจจะไม่รู้จักผม แต่พี่สาวผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาตอนมอปลายของคุณชื่อจ้าวเสี่ยวถง คุณน่าจะรู้จักดีนะครับ?”
“หึหึ” เสี่ยวเชี่ยนแสยะยิ้ม
“ได้ยินว่าคุณเก่งมาก เก่งสุดๆ พี่สาวผมชื่นชมคุณมาตลอด ในฐานะที่ผมเป็นสปอนเซอร์การแข่งครั้งนี้ผมเฝ้ารอชมผลงานลูกศิษย์คนเก่งของพี่สาวผมมาก แต่ปรากฏว่าทำไมคุณถึงทำได้น่าผิดหวังแบบนี้ล่ะ ไม่เข้าไปแข่งขันเหรอ?”
ในสถานการณ์แบบนี้ลงไม้ลงมือไม่ได้เด็ดขาด
หากเสี่ยวเชี่ยนหรืออวี๋หมิงหลางลงมือขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่
การมีเรื่องในสถานีโทรทัศน์ แค่ถูกเล่นข่าวเพิ่มนิดหน่อย สถานการณ์อาจเลวร้ายถึงขั้นเสี่ยวเชี่ยนถูกถอนใบอนุญาต
ดังนั้นอวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนจึงมีสีหน้าท่าทางแบบเดียวกัน ใช้สายตามองเหยียดผู้ชายคนนี้
แค่คิดดูก็รู้ว่าคนที่สั่งไม่ให้เสี่ยวเชี่ยนเข้าไปในสองนาทีที่เหลือนั่น มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ชายคนนี้จะเป็นคนแกล้งเธอ
“คุณสินะที่อยู่เบื้องหลังการกลั่นแกล้งทั้งหมด?” เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เป็นผมแล้วไงล่ะ? คุณมาสายยังจะมีเหตุผลอีกเหรอ? ไม่ให้เกียรติการแข่งขันก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา ตอนนั้นคุณเห็นหยาหย่าหลานผมแล้วไม่ยอมช่วย นี่แหละคือกรรมตามสนองของคุณ ฮ่าๆ” จ้าวต้าเผ้าไม่ปฏิเสธการกระทำของตัวเอง เขายอมรับอย่างเปิดเผย
“คุณมันพวกโจรปล้นศีลธรรม ฉันมีความสามารถแต่ไม่จำเป็นว่าต้องช่วย ก็เหมือนกับตอนนี้ที่คุณมีเงินแต่ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้คนจน”
“สำบัดสำนวนดีนี่ น่าเสียดายที่เข้าไปใช้วาทะในการแข่งไม่ได้ ผมจะบอกคุณให้นะ ผมเป็นคนสั่งให้ปิดประตูก่อนเองแหละ ใครใช้ให้คุณมาสายล่ะ? ฮ่าๆ ดูจากการแต่งตัวของแฟนคุณคงเป็นทหารสินะ ทหารทำร้ายประชาชนไม่ได้ มาสิ ต่อยผมสิ เก่งมากไม่ใช่เหรอ ถ้าทำร้ายผมคุณก็ทำผิดกฎ ฮ่าๆๆ”
อวี๋หมิงหลางยืนนิ่งไม่ขยับ เสี่ยวเชี่ยนกลัวเขาบุ่มบ่ามจึงจับมือเขาไว้ เสี่ยวเฉียงส่งสายตานิ่งๆให้เธอ