ตอนที่ 170 ฟาร์มกระต่ายภาครัฐ

เฮ่อซงจือกล่าว “เมื่อวานฉันไม่ได้ไป แต่พี่สะใภ้บอกกับฉันแล้ว ฉันลองถามคนอื่น ๆ เหวินเทาก็บอกว่าต้องเลี้ยงให้ดี แถมยังบอกด้วยว่าการทำเงินไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ฉันเห็นทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย ทั้งยังเห็นดีเห็นงามที่จะเลี้ยงกระต่ายด้วย”

เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม

ต้องขอบคุณฝีปากของเหวินเทาของเธอแล้ว ต่อให้พูดถึงข้อดีและข้อเสียอย่างชัดเจน แต่ก็สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนให้ไปอยู่ที่ผลกำไรได้ ทุกคนจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความเสี่ยงที่จะขาดทุนเท่าไรนัก

“ถ้าดูแลให้ดี ๆ ก็จะทำเงินได้อย่างมากเลยล่ะ” เย่ฉูฉู่เองก็สนับสนุนอย่างมาก จากนั้นก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับกระต่ายในบ้าน

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมของปีนี้ก็มีการทยอยนำกระต่ายออกไปขายทีละชุด กระต่ายเหล่านี้ขายดีเป็นพิเศษ เป็นที่นิยมอย่างมากด้วย

ดังนั้นแม้ว่าเหวินเทาของเธอจะพูดเกินจริงไปหน่อย แต่รายได้ส่วนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง

แน่นอนว่าต้องดูแลพวกมันให้ดีเสียก่อน

กลับมาทางฝั่งจ้าวเหวินเทา

เขาขับรถมาซื้อกระต่ายพันธุ์ จึงมาที่ฟาร์มกระต่ายภาครัฐแห่งเดียวภายในเมืองโดยเฉพาะ

หากถามว่าจ้าวเหวินเทารู้จักฟาร์มกระต่ายภาครัฐทางนี้ได้อย่างไร นั่นก็ต้องยกความดีความชอบให้จางหมิง

จางหมิงคือยุวปัญญาชนในชนบทที่เย่หมิงเป่ยแนะนำให้จ้าวเหวินเทารู้จักก่อนหน้านี้ คนคนนั้นที่เคยตามจีบเย่ฉูฉู่

ตอนนี้จางหมิงสนิทกับจ้าวเหวินเทาแล้ว

ทุกครั้งที่จ้าวเหวินเทามาหาก็ไม่เคยมามือเปล่า ถ้าไม่นำผักผลไม้มาให้สักหน่อย ก็จะเป็นไข่ไก่หรือไม่ก็เนื้อสัตว์

ภรรยาของจางหมิงมีความประทับใจต่อจ้าวเหวินเทาในระดับดี

ทั้งยังต้อนรับจ้าวเหวินเทาที่มาเป็นแขกที่บ้าน และไม่ได้รังเกียจที่เขามาจากชนบทด้วย

นี่ก็เป็นเพราะมองออกถึงพฤติกรรมของจ้าวเหวินเทา

ฟาร์มกระต่ายแห่งนี้อยู่ด้านนอกชานเมือง พื้นที่ใหญ่โตมาก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จ้าวเหวินเทามาที่นี่ เขาจึงรู้ดีเป็นอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์วงในของฟาร์มกระต่าย

ฟาร์มกระต่ายภาครัฐมีกระต่ายมากกว่าหมื่นตัว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นของภาครัฐ จะบริหารดีหรือไม่ดีก็ได้เงินเดือนตามเกณฑ์ที่กำหนด มีหรือที่จะมาสนใจกระต่าย?

ตอนนี้ทางหน่วยงานแค่ดูแลฟาร์มกระต่ายขนาดใหญ่อย่างกล้ำกลืนฝืนทนก็เท่านั้น

คนที่ดูแลรับผิดชอบต้อนรับจ้าวเหวินเทาก็คือหัวหน้าแผนกเซี่ยที่อยู่ที่นี่ ทั้งสองคนพูดคุยกันมาหลายครั้งแล้ว

หัวหน้าแผนกเซี่ยชอบเด็กหนุ่มที่ยิ้มแล้วดูสดใสแบบนี้มาก ประเด็นก็คือเด็กหนุ่มคนนี้เวลาพูดคุยก็จะคำนวณตัวเลขไปด้วย เงินค่ากระต่ายบอกว่าจะจ่ายตอนไหนก็จ่ายตอนนั้น เป็นการซื้อที่พึ่งพาได้มากกว่าคนอื่นมาก

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จ้าวเหวินเทามาซื้อกระต่าย ก่อนหน้านี้เขาก็มาซื้อที่นี่ ซื้อจากตรงนี้แล้วก็นำไปขายออกที่อื่น เรียกว่ามาที่นี่เพื่อขายส่งนั่นแหละ

“น้องชายมาซื้อกระต่ายเหรอ?” หัวหน้าแผนกเซี่ยเชิญจ้าวเหวินเทาให้เข้าไปในห้องทำงานอย่างกระตือรือร้น

หัวหน้าแผนกเซี่ยอายุห้าสิบกว่าปี เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับคุณพ่อจ้าว แต่จ้าวเหวินเทากลับเรียกเขาว่าพี่ชาย

ทำการซื้อขายมาตั้งหลายครั้งแบบนี้แล้ว ซึ่งหัวหน้าแผนกเซี่ยก็เป็นคนไม่เลวเลย มีความรับผิดชอบมาก

จ้าวเหวินเทายิ้มพร้อมกับยื่นถุงเห็ดกึ่งเปียกกึ่งแห้งให้เขาพลางกล่าว “หัวหน้าแผนกเซี่ย นี่คือเห็ดที่คุณอยากได้ ผมไปเก็บกลับมาจากในป่า ตากแดดไว้สองวันแล้ว คุณเอากลับไปแช่น้ำ ตุ๋นกับไก่สักตัวสิอร่อยมาก!”

หัวหน้าแผนกเซี่ยมองเห็ดที่มีหญ้าติดมา เขารู้สึกพึงพอใจไม่น้อย จึงถามว่า “เท่าไหร่ล่ะ?”

“เท่าไหร่อะไรกัน?” จ้าวเหวินเทาพูดติดตลก “ของแค่นี้ยังต้องเอาเงินจากหัวหน้าแผนกเซี่ยอีกเหรอ? คุณอย่ามาล้อผมเล่นเลย นี่เป็นของจากในหมู่บ้านของพวกเรา ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไร”

“ได้ยังไงกัน?” หัวหน้าแผนกเซี่ยพูดเคล้ารอยยิ้ม

จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “จะไม่ได้ได้ยังไงล่ะครับ ก็แค่เห็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เอง”

หัวหน้าแผนกเซี่ยยิ้มขณะกวาดตาสำรวจเห็ด เห็ดนี้คาดว่าน่าจะมีน้ำหนัก 2-3 ชั่ง จำนวนก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย

แม้ว่าจ้าวเหวินเทาจะบอกว่าไม่ต้องการเงิน แต่เขาก็ยังหยิบเงินเหมาออกมาให้จ้าวเหวินเทาอยู่ดี

จ้าวเหวินเทาปฏิเสธไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่รับไว้ พูดอย่างจนปัญญาว่า “หัวหน้าแผนกเซี่ยเห็นผมเป็นคนอื่นคนไกลเกินไปแล้วนะ”

“ไม่ได้เห็นเป็นคนอื่นคนไกลหรอก ฉันไปดูในตลาดมาแล้ว ฉันก็ไม่ได้ให้เยอะแยะอะไร” หัวหน้าแผนกเซี่ยกล่าว

ตอนนี้เห็ดในตลาดขายดีมาก จ้าวเหวินเทาเองก็ไปทำความเข้าใจในตลาดมาแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาก็กว้านซื้อเห็ดจากคนในหมู่บ้านด้วย

ถ้ามีคนอยากขายแลกเงินก็สามารถนำมาได้

ทั้งสองคนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวเหวินเทาก็พูดถึงเรื่องที่คนในหมู่บ้านจะเลี้ยงกระต่ายขึ้นมา ครั้งนี้ที่มาที่นี่ก็เพื่อซื้อกระต่ายพันธุ์

นอกจากนี้ยังต้องการจำนวนมากด้วย เป็นการซื้อขายครั้งใหญ่เลย!

หัวหน้าแผนกเซี่ยได้ยินว่าต้องการกระต่ายมากขนาดนี้ ดวงตาพลันเป็นประกาย นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก ทำเงินให้กับฟาร์มเลยนะ!

“มา ๆ นายตามฉันไปดูกระต่ายสิ” หัวหน้าแผนกเซี่ยรีบพูด

จากนั้นก็นำจ้าวเหวินเทามาดูกระต่าย ระหว่างทางหัวหน้าแผนกเซี่ยก็แอบถอนหายใจ “ฉันไม่เข้าใจเลย พวกนายต่างก็รู้จักเลี้ยงกระต่ายไว้ทำเงิน แต่ฟาร์มกระต่ายของพวกเราทำไมถึงทำเงินยากเย็นขนาดนี้ก็ไม่รู้!”

จ้าวเหวินเทามาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นจึงเข้าใจถึงกระบวนการปฏิบัติงานของฟาร์มกระต่ายบ้างแล้ว ทำไมถึงทำเงินได้ยาก?

เหตุผลตามข้างหน้าที่กล่าวไปเลย ไม่ว่าจะออกแรงหรือไม่ก็ได้เงินเดือนแค่นั้น ใครจะไปอยากออกแรงกันล่ะ?

แต่การเลี้ยงกระต่ายของพวกเขานั้นไม่เหมือนกัน เลี้ยงดีก็ได้เงินเยอะ เลี้ยงไม่ดีก็ได้เงินน้อย สิ่งนี้เรียกว่าอะไร? เป็นการระดมแรงงานคนที่มีความกระตือรือร้น โดยที่หน่วยงานใหญ่ๆ ไม่สามารถระดมแรงงานแบบนั้นได้

เขาพูดคำพูดนี้ออกไป จากนั้นก็พูดเรื่องที่ตอนนี้แบ่งที่ดินทำงานกันเองไปอีกหนึ่งรอบ

เมื่อเทียบกับการทำงานแบบกลุ่มเมื่อก่อนหน้านี้ ทุกคนในชนบทก็ไม่รู้ว่าทำงานหนักมากขึ้นตั้งเท่าไร จนแทบจะเหมือนกับเติบโตอยู่ในทุ่งนาอยู่แล้ว

หัวหน้าแผนกเซี่ยถอนหายใจ เขาพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก

ในฐานะที่เป็นหัวหน้าแผนกฟาร์มกระต่ายย่อมทราบเหตุผลนี้ดี แต่รู้แล้วจะทำอะไรได้?

เพิ่มเงินเดือนพนักงานเหรอ?

เขาพูดไปก็ทำไม่ได้อยู่ดี

อย่าว่าแต่เขาที่เป็นหัวหน้าแผนกเลย ต่อให้เป็นหัวหน้าฟาร์มก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

จ้าวเหวินเทาเลือกกระต่ายพันธุ์เสร็จแล้ว หัวหน้าแผนกเซี่ยจึงเรียกพนักงานให้ใส่ไว้ในกรงและขนขึ้นรถ ทั้งสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับพูดคุยไปพลาง ๆ

“น้องชาย นายมาซื้อกระต่ายตั้งหลายครั้งแล้ว สายตาในการเลือกกระต่ายไม่เลวเลยนะ” หัวหน้าแผนกเซี่ยหัวเราะ

“พวกเราทำกิจการด้านนี้ ถ้าไม่มีความสามารถด้านนี้จะทำได้ยังไงล่ะ? ผมบอกหัวหน้าแผนกตรง ๆ เลยนะ ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจหรอก ทั้งหมดนี้ก็พึ่งพาจากการอ่านหนังสือทั้งนั้นแหละ ประกอบกับได้เลี้ยงเองเกือบปีแล้ว ก็พอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง รับมือกับกระต่ายไม่กี่ร้อยตัวไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ถ้ามากกว่านี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่เคยทำมาก่อนเลย” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม

หัวหน้าแผนกเซี่ยพยักหน้า เมื่อเห็นว่าขนใส่รถจนเสร็จแล้วจึงกระซิบว่า “น้องชาย ฉันเห็นว่านายเป็นคนเอาการเอางาน ฉันจะแอบบอกข้อมูลนายให้อย่างหนึ่ง”

จ้าวเหวินเทากระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขารีบส่งสัญญาณให้กับหัวหน้าแผนกที่กำลังพูด พลางกระซิบ “หัวหน้าแผนกว่ามาเลย”

“ฟาร์มกระต่ายแห่งนี้อาจจะต้องถูกโอนเป็นของเอกชนแล้ว ถ้านายยินดีก็มารับไปได้นะ” หัวหน้าแผนกเซี่ยพูดจบก็ตบบ่าเขา กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันคิดว่านายทำได้ กลับไปคิดดูก่อนก็ได้”

พูดจบหัวหน้าแผนกก็เดินไป

จ้าวเหวินเทาชะงักอยู่นาน จนกระทั่งพนักงานตะโกนบอกเขาว่าขนขึ้นรถเสร็จแล้ว เขาจึงได้สติกลับมา

ฟาร์มกระต่ายจะถูกโอนให้เป็นของเอกชนแล้ว ถ้าเขายินดีก็มารับไปได้?

จ้าวเหวินเทาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก หัวหน้าแผนกเซี่ยเห็นความสำคัญของเขามากเกินไปแล้ว

เขาเคยคิดอยากจะทำฟาร์มกระต่ายจริง ๆ แต่ไม่เคยคิดว่าจะทำตอนนี้ โดยเฉพาะทำอยู่ในเมือง

หรือว่าเขาจะย้ายมาอยู่ที่นี่?

จ้าวเหวินเทาขับรถกลับ แต่ใจของเขาราวกับว่าถูกหัวหน้าแผนกเซี่ยโรยเมล็ดหญ้าไว้ ความคิดที่จะครอบครองฟาร์มกระต่ายเริ่มงอกเงยแบบเป็นบ้าเป็นหลังขึ้นมาแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

การทำงานแบบเช้าชามเย็นชามน่ะค่ะ ทำมากทำน้อยแต่ได้เงินเท่ากัน ใครที่ขยันก็ถอดใจไม่อยากทำเพราะรู้สึกว่าไม่ได้เติบโตกับไม่คุ้มแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทไป

เหวินเทาจะกว้านซื้อฟาร์มกระต่ายแล้วสินะ

ไหหม่า(海馬)