กระต่ายพันธุ์ถูกขนกลับมาหนึ่งคันรถและแบ่งให้กับคนในหมู่บ้านแล้ว

ทุกคนต่างก็พึงพอใจกับกระต่ายพันธุ์ชุดนี้เป็นอย่างมาก เพราะพวกมันดูกระปรี้กระเปร่า จึงคิดว่าถึงเจ้าหกจ้าวคนนี้จะพูดอะไรโง่ ๆ แต่ก็ทำอะไรเป็นการเป็นงานให้คนอื่นพอใจได้เหมือนกัน

กระต่ายชุดนี้ถูกขนกลับมาให้คนในหมู่บ้าน จ้าวเหวินเทายังต้องกลับไปขนมาอีกรอบ

แต่เรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ จ้าวเหวินเทาไม่ได้ใส่ใจและคิดเล็กคิดน้อยเลย

พอถึงตอนค่ำ จ้าวเหวินเทาก็พูดกับภรรยาของเขาเกี่ยวกับเรื่องที่ทางฟาร์มกระต่ายภาครัฐจะปล่อยให้คนนอกมาเหมากิจการ

เย่ฉูฉู่กลับไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายมากมายอะไร กล่าวว่า “ให้คนนอกเหมาเป็นเรื่องปกติค่ะ มีอุตสาหกรรมของภาครัฐจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถอยู่รอดได้ อนาคตยังมีอุตสาหกรรมอีกมากที่จะดำเนินต่อไม่ไหว”

แน่นอนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เย่ฉูฉู่พูดเอง แต่ได้ยินมาจากพี่สะใภ้สามของเธอ

ตอนที่ฉลองวันข้ามปี พี่สะใภ้สามพูดกับเธอไปไม่น้อย ในนั้นรวมไปถึงเรื่องที่รัฐจะค่อยๆ ถูกแทนที่โดยเอกชน เอกชนจะกลายเป็นกระแสหลัก และกลายเป็นข่าวหลัก

ได้ยินคำพูดนี้ จ้าวเหวินเทาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ภรรยา นี่เป็นเรื่องที่พี่สะใภ้สามบอกคุณสินะ?”

“อือ พี่สะใภ้สามบอกฉัน” เย่ฉูฉู่พยักหน้า เธอมองจ้าวเหวินเทาพลางเอ่ยถาม “คุณอยากทำไหม?”

จ้าวเหวินเทาบอกไม่ถูกว่าตัวเองอยากทำหรือเปล่า แต่เขาก็แอบใจเต้นจริง ๆ กล่าวว่า “ถึงแม้การดำเนินงานของฟาร์มกระต่ายจะไม่ดี แต่สถานที่กับอุปกรณ์อื่น ๆ ยังดีเยี่ยม ถ้าจะรับช่วงต่อ ก็แค่กลัวว่าจะต้องใช้เงินเยอะนั่นแหละ”

เย่ฉูฉู่เข้าใจได้ดี

เหวินเทาของเธออยากรับช่วงต่อ เพียงแต่ไม่มีเงิน สถานที่ใหญ่โตขนาดนั้นคงต้องมีเงินจำนวนไม่น้อย แต่เย่ฉูฉู่กลับไม่คิดว่านี่เป็นปัญหาใหญ่

อย่าลืมว่าเธอยังมีเงินปันผลจากทางฝั่งพี่สะใภ้สามและพี่สามของอยู่ จึงกล่าวว่า “ถ้าคุณอยากทำ ฉันจะสนับสนุนคุณเอง ฉันจะโทรไปหาพี่สาม บอกเขาว่าคุณอยากรับช่วงต่อฟาร์มกระต่าย ให้เขาโอนเงินมาให้คุณ”

จ้าวเหวินเทาได้ยินก็ถึงกับหัวเราะ “ภรรยา คุณจะสนับสนุนผมจริง ๆ เหรอ? ถ้าคิดจะรับช่วงต่อ เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ”

“พี่สามบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าขายเสื้อผ้าได้ไม่เลว คุณเองก็ถามดูสิว่าเงินปันส่วนของฉันได้เท่าไร แล้วก็ค่อยไปถามที่ฟาร์มกระต่ายดู” เย่ฉูฉู่กล่าว

ในเมื่อแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอวาดสามารถทำเงินได้ แบบนั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินใช้ เธอยังมีแบบร่างอีกมากที่คิดจะส่งไปให้พี่สะใภ้สาม

ในเมื่อภรรยาสนับสนุนแบบนี้ จ้าวเหวินเทาก็ไม่รู้สึกกลัวที่ไปข้างหน้าและถอยหลังแล้ว

วันรุ่งขึ้นจึงไปขนกระต่ายที่ฟาร์มกระต่ายอีกครั้ง

จ้าวเหวินเทาถามข้อมูลโดยรวมของหัวหน้าแผนกเซี่ย หัวหน้าแผนกเซี่ยบอกข้อมูลมาสองอย่าง อย่างแรกคือตอนนี้มีความตั้งใจที่จะให้คนนอกเข้ามารับช่วงต่อ แต่ก็ไม่ได้สรุปว่าตอนไหน และยังไม่ได้สรุปว่าจะให้คนนอกมาเหมาต่ออย่างไร เรื่องนี้ยังต้องใช้เวลา คาดว่าคงต้องเป็นสิ้นปี

ข้อมูลที่สองก็คือ การเหมารับช่วงต่อฟาร์มกระต่ายนี้มีการจำกัดอายุปี แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีเงินมากกว่าหนึ่งหมื่น ตัวเลขที่แน่นอนยังไม่ชัดเจน คงต้องดูเบื้องบนว่าจะทำอย่างไร

เมื่อคิดได้ว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงสิ้นปี โดยตนเองยังมีเวลาเตรียมตัว เขาจึงไม่จำเป็นต้องโทรไปหาเย่หมิงเป่ยเป็นการเฉพาะ

รอให้โทรศัพท์ในครั้งหน้า ถึงเวลานั้นค่อยพูดถึงก็ได้

จ้าวเหวินเทายังเชิญหัวหน้าแผนกเซี่ยไปรับประทานอาหาร เพื่อใช้วิธีใจแลกใจ แบบนี้เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวอะไรเขาก็จะทราบเป็นคนแรก

จ้าวเหวินเทาเป็นคนร่าเริง เขาเติบโตภายในชนบทและวิ่งไปกลับในเมือง ทำให้มีประสบการณ์ไม่น้อย ดังนั้นจึงได้กำไรมากเมื่อคุยกับหัวหน้าแผนกเซี่ย

ยิ่งทำให้หัวหน้าแผนกเซี่ยรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนมีกึ๋น หากเขาเหมารับช่วงต่อฟาร์มกระต่ายแห่งนี้ไปคงไม่แย่

ส่วนจ้าวเหวินเทาเองก็มีแผนในใจแล้ว ไม่เพียงแค่เพื่อทราบการเคลื่อนไหวของฟาร์มกระต่ายจึงเลี้ยงข้าวเท่านั้น แต่หลังจากที่เหมาฟาร์มกระต่ายแล้ว เขายังต้องการคนมีความเป็นมืออาชีพอย่างหัวหน้าแผนกเซี่ยมาดูแลด้วย

การรับประทานอาหารหนึ่งมื้อจึงมีความสุขร่วมกัน

ในหมู่บ้านเลี้ยงกระต่ายแล้ว ทั้งยังเลี้ยงแบบจำนวนมากขนาดนี้อีก

นับเป็นเรื่องใหญ่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในชนบท เลขาวิ่งไปที่สำนักงานการไฟฟ้าสองรอบแล้ว หลังจากที่สำนักงานการไฟฟ้าเดินทางมาเพื่อความมั่นใจ จึงออกจดหมายที่แน่นอน ว่าสิ้นเดือนจะมีการนำเสาไฟฟ้ามาลง เพื่อนำจ่ายกระแสไฟฟ้า!

เลขาที่เป็นคนหัวโบราณอายุห้าสิบกว่าปีได้ยินเรื่องนี้ ก็ดีใจเสียจนจิบชาเข้มข้นไปหลายอึก

“นำจ่ายกระแสไฟฟ้าแล้ว ในที่สุดหมู่บ้านของพวกเราก็จะมีไฟฟ้าใช้แล้ว!” หลังจากอัดอั้นมาหลายปี เรื่องใหญ่แบบนี้ที่ยากเกินกว่าจะทำได้ ความรู้สึกถึงความสำเร็จของเลขาทำให้เขากระโดดดีดตัวขึ้นสูง และทำการกระจายข่าวผ่านลำโพงขนาดใหญ่ทันที

นี่คือเรื่องที่เป็นเกียรติอย่างมาก หมู่บ้านอื่นที่อยู่รอบ ๆ ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย!

“ทุกคนฟังนะ สำนักงานการไฟฟ้าแจ้งแล้ว ว่าจะปล่อยกระแสไฟฟ้ามาให้พวกเรา สิ้นเดือนจะมีการลงเสาและลากสายไฟเข้ามาแล้ว!” เสียงของเลขาผ่านลำโพงกระจ่ายทั่วทั้งหมู่บ้าน

คนที่อยู่ในหมู่บ้านได้ยินเสียงของเลขาผ่านลำโพง ต่างก็พากันตกตะลึง นี่มันอะไรกัน สิ้นเดือนจะนำจ่ายกระแสไฟฟ้าแล้ว พูดจริงหรือพูดเล่นเนี่ย?

คนในหมู่บ้านที่หน้าดำคร่ำเครียดหลังกลับมาจากการทำนาได้ไม่นานต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการขนฟืนทำอาหาร

ครั้นได้ยินข่าวนี้ คนที่เคยเห็นหลอดไฟก็พูดอย่างมีความสุขว่า “เยี่ยมไปเลย มีไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว หลังจากนี้ต่อให้กลับมาดึกกว่านี้ก็สามารถทำอาหารท่ามกลางแสงสว่างได้แล้ว!”

“จริงเหรอ ไฟฟ้านั่นสว่างเหมือนกับตะเกียงน้ำมันจริงหรือ?” มีคนไม่เข้าใจ

“ตะเกียงน้ำมันจะเทียบได้เหรอ? หลอดไฟประเภทนั้นสว่างเหมือนกับแสงจันทร์เลย!” คนที่เข้าใจพูดขึ้น

“พอเถอะ แสงจันทร์ยังสว่างไม่เท่าแสงจากตะเกียงน้ำมันเลย!” คนหนึ่งไม่เห็นด้วย

“ผมยาวแต่ความรู้สั้นจริง ๆ รอให้ไฟฟ้าเข้าถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละ!” คนที่ถูกปฏิเสธรู้สึกไม่สบอารมณ์แล้ว

“……”

พี่สะใภ้รองจ้าวกำลังลากกล่องลม กล่องลมเป็นอุปกรณ์ระบายอากาศให้กับเตาในการทำอาหารของคนในชนบท เพื่อให้ไฟร้อนขึ้น

ครั้นได้ยินประกาศจากลำโพงและเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกลูก ๆ ที่กลับมาคุยถึงเรื่องนำจ่ายกระแสไฟฟ้า ก็นึกถึงก๊อกน้ำอันนั้นที่จ้าวเหวินเทาติดตั้งไว้บนที่วางหม้อทันที

คำพูดของเย่ฉูฉู่ดังก้องอยู่ในหู หากไฟฟ้าเข้าถึงก็สามารถใช้งานได้แล้ว แค่หมุนก๊อก น้ำก็จะไหลออกมา

ตอนนั้นหล่อนคิดว่านี่เป็นการฝันกลางวัน กว่าไฟฟ้าจะเข้าถึงต้องรอไปจนถึงชาติไหน? ผลลัพธ์ที่ได้คือผ่านไปได้ไม่นาน ในหมู่บ้านก็จะมีไฟฟ้าใช้แล้ว แถมมีข้อมูลแจ้งมาแล้วว่าสิ้นเดือนนี้จะมีการลงเสาไฟฟ้า!

หล่อนรู้สึกได้ว่าบนใบหน้าตนเกิดไฟร้อนผ่าว

หล่อนเพิ่งจะพูดไปว่าบ้านนั้นใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอยู่เลย จริงสิ ยังมีพวกหลี่เฟินด้วย หล่อนรวมถึงคนพวกนั้น แต่ละคนช่างน่าขำจริง ๆ!

“เหอะ ๆ! เหอะ ๆ!”

พี่สะใภ้รองจ้าวหัวเราะออกมาราวกับเป็นคนโรคจิต

พี่รองจ้าวที่กำลังนั่งถักเชือกอยู่บนธรณีประตูถึงกับตกใจ เขาหันมามองภรรยา “คุณหัวเราะอะไรเนี่ย?”

พี่สะใภ้รองจ้าวค่อย ๆ หันมามองพี่รองจ้าว แล้วก็พบว่าเส้นผมของเธอยุ่งเหยิง สีหน้าก็ขาวเหลืองราวกับขี้ผึ้ง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง มุมปากกลับยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาดเล็กน้อย

ภาพนี้ทำให้พี่รองจ้าวตกใจแทบแย่

“รอให้กระต่ายขายได้เงินเมื่อไร พวกเราก็แต่งบ้าน ติดตั้งก๊อกน้ำ และเครื่องทำความร้อนด้วย อะไรที่บ้านของน้องหกมี พวกเราก็ต้องมีเหมือนกัน” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดทีละคำ

ภรรยาคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ? พี่รองจ้าวมองหล่อนด้วยสายตาว่างเปล่า

พี่สามจ้าวแข็งแกร่งกว่าพี่สะใภ้รองนิดหน่อย แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็แอบมึนงงไปเหมือนกัน นี่จะมีไฟฟ้าเข้าถึงแล้วเหรอ?

พี่สะใภ้สามจ้าวนำข้าวโพดมาวางไว้บนโต๊ะ พูดชมว่า “น้องหกนี่มีความสามารถจริง ๆ เรียกให้คนทั้งหมู่บ้านเลี้ยงกระต่ายได้ไม่พอ ยังทำให้ทั้งหมู่บ้านมีไฟฟ้าเข้าถึงอีก!”

หม่าต้านก็พูดว่า “อาเล็กเก่งที่สุดเลย พาพวกเราขึ้นเขา บอกว่ามีของดีให้กินก็มีจริง ๆ!”

“ใช่ หนูยังจำตอนที่ไปหาไข่ไก่ป่ากับอาเล็กได้อยู่เลย คนอื่นหาไม่เจอ แต่อาเล็กกลับหาเจอ แถมยังมีผลไม้ป่าด้วยนะ อร่อยสุด ๆ ทุกครั้งที่ขึ้นเขาอาเล็กก็ทำให้พวกเราได้กินอิ่มกลับมาทุกครั้งเลยด้วย!” เอ้อร์หยาก็พูดขณะหวนระลึกถึง

………………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีคนโดนไฟช็อตสองคนค่ะ เย็บหน้ากันทันไหมคะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)