ประมุขนิกายขมวดคิ้วในขณะที่จ้องมองคัมภีร์อย่างใกล้ชิดเพื่อพยายามหาข้อแตกต่างระหว่างทั้งสามเล่มแล้วกล่าว “เล่มนี้ถูกส่งมาให้ฉันจากนิกายตำหนักอมตะ มันมีอะไรผิดปกติรึ?”

นอกจากสี พวกมันก็ดูเหมือนกันหมดนี่นา

แดร์ริลยิ้ม “โปรดวางใจให้ผมได้ดูเล่มสีเหลืองได้ไหมครับ?”

ในขณะเดียวกัน ประมุขนิกายก็ส่งคัมภีร์เล่มนั้นให้เขาอย่างกังขา

หลังจากรับมันมา แดร์ริลก็จับปกของมันและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาต้องยอมรับว่างานเลียนแบบนี้คุณภาพยอดเยี่ยม ยังไงก็ตาม กระดาษที่ใช้นั้นมันใหม่

แดร์ริลรู้สึกว่ามันมีรอยนูนใต้หน้าปกของมันเมื่อเขาพลิกมันไปมา

‘มันมีอะไรซ่อนอยู่ในนี้’ เขาคิด

ทันใดนั้น เขาก็ฉีกคัมภีร์ออกมา!

แควก!

ทุกคนในโถงจ้องอย่างไม่เชื่อสายตาพร้อมกับกลั้นหายใจจากการมองเขา!

‘อะไร!? นี่เขา… เขาฉีกคัมภีร์!?’

พยัคฆ์ขาวทนไม่ได้อีกต่อไป เขากระโจนขึ้นมาแล้วจ้องแดร์ริล “ผู้อาวุโส ท่านกล้าดียังไง!?”

ในขณะเดียวกัน หงส์เพลิงเองก็ตวาดเพิ่มเข้าไป “กล้าดียังไงฉีกคัมภีร์!? ไม่อยากมีชีวิติอยู่แล้วใช่ไหม?”

คัมภีร์มหาปริศนานั้นเป็นความฝันของผู้บ่มเพาะทุกคน และแดร์ริลก็เพิ่งฉีกมันขาดไป

ใบหน้าของประมุขนิกายมืดมนลง เขาเริ่มมีโทสะ เขาระอากับความหยาบคายที่แดร์ริลแสดงต่อเขาเต็มที แดร์ริลกล้าดียังไงทำลายคัมภีร์ต่อหน้าเขาและทุกคน!? เขามันไม่สมควรมีเมตตา!

ประมุขนิกายรวบรวมปราณจากในตันเถียนของเขาด้วยความโกรธ อาณาเขตพลังงานน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมา

ยังไงก็ตาม แดร์ริลไม่ได้ตื่นตระหนกเลยสักนิด เขาหยิบแผ่นสีดำออกมาหลังจากฉีกหน้าปกออก

เครื่องดักฟัง!?

ถูกต้อง มีเครื่องดักฟังซ่อนอยู่ใต้หน้าปก

ในขณะเดียวกัน แดร์ริลถือเครื่องดักฟังไว้ และทุกคนในโถงโดยเฉพาะประมุขนิกายถึงกับเงียบลงไปเลยทีเดียว

“ท่านประมุขนิกาย หากผมไม่ผิดพลาด นิกายตำหนักอมตะนั้นไม่ได้หวังดีเลยสักนิด บางทีพวกเขาอาจจะพยายามสืบความลับของนิกายเรา” แดร์ริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เปรี้ยง!

ทันใดนั้น ใบหน้าของประมุขนิกายก็มืดมนลงอย่างน่าสะพรึงกลัว เขาฟาดมือลงบนโต๊ะพร้อมกับพลังปราณอันน่าหวาดกลัวที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาก่อนจะตะโกน “ฉันไม่อยากเชื่อว่าพวกมันจะส่งคัมภีร์ของปลอมมาพร้อมกับเครื่องดักฟัง! พวกมันรนหาที่แล้ว! เมื่อใดที่ฉันรวบรวมได้ครบเจ็ดคัมภีร์ พวกมันจะเป็นที่แรกที่จะพินาศ”

ทุกคนในโถงสั่นสะท้านและเงียบกริบ รังสีของประมุขนิกายนั้นมีแรงกดดันมากเกินไป ไม่มีใครกล้าหายใจเสียงดังเลยในขณะที่เขากำลังโมโห

ในขณะเดียวกัน โมนิก้าก็มองแดร์ริลด้วยความโกรธ เธอกลัวมากก่อนหน้านี้เมื่อเธอคิดว่าแดร์ริลฉีกคัมภีร์นั้นจริง ๆ

ประมุขนิกายกำหมัดด้วยความโกรธและเริ่มชม “ผู้อาวุโส ฉันคงยังถูกหลอกเป็นคนโง่อยู่หากไม่ใช่เธอ เธอทำได้ดี!”

จตุราชันย์พิทักษ์ดูอึดอัดในขณะที่เขาพูด ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าแดร์ริลถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้อาวุโสอย่างไม่ยุติธรรม แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แล้ว

แดร์ริลยิ้มอย่างอ่อนน้อม “มันเป็นหน้าที่ของผมครับ”

ประมุขนิกายพยักหน้าอย่างพอใจแล้วยกแก้ว “มา ฉันอยากดื่มให้ความรอบรู้อันเหนือล้ำของเธอ!”

ทุกคนในโถงเริ่มดื่มให้แดร์ริลเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขารู้ดีว่าแดร์ริลเป็นผู้อาวุโสระดับสูงสุดในโถงนี้รองจากประมุขและนายหญิงแห่งนิกาย ทุกคนต้องการทำให้แดร์ริลพอใจ โดยเฉพาะหลังจากสิ่งที่เขาได้ทำก่อนหน้านี้

มื้อค่ำนั้นยาวนานไปถึงห้าชั่วโมง ทุกคนในโถงจบลงที่ความมึนหัวหรือไม่ก็เมาอยู่ที่โต๊ะ

โมนิก้าเองก็ดื่มไปมากเกินไป เธอใช้มือกุมหน้าผาก ใบหน้าที่มึนเมาของเธอยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์กว่าที่เคย แก้มของเธอแดงก่ำและดวงตาของเธอก็หรี่ลง เธอปลดปล่อยบรรยากาศของความปราถนาในตัณหา

หลังจากทุกคนออกจากโถงไปด้วยสภาพไม่จืด เหลือเพียงประมุขนิกายและแดร์ริลที่ยังอยู่

“แดร์ริล มีบางสิ่งที่ฉันต้องการจะพูดกับเธอ” ประมุขนิกายกล่าวในขณะที่เขามองดวงตาของแดร์ริล

‘อะไร? นี่เขาต้องการพูดอะไรกับเราแบบส่วนตัวกัน?’ หัวใจของแดร์ริลเต้นอย่างบ้าคลั่งจนรู้สึกเหมือนมันจะหลุดออกมาจากลำคอ เหงื่อเย็น ๆ หยดลงมาอย่างไม่อาจควบคุม

ยังไงก็ตาม ประมุขนิกายยกมือของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ้ แดร์ริล ฉันขอบใจมากสำหรับสิ่งที่เธอทำวันนี้ ฉันคือคนที่แยกการลงโทษและให้รางวัลอย่างชัดเจน เธอทำสิ่งที่ดี และฉันต้องการจะมอบรางวัลให้เธอเพื่อการนั้น”