ตอนที่ 259: ตระกูลเซียลงมือ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 259: ตระกูลเซียลงมือ

หลังจากที่ผู้เฒ่าถาม ทั้งโถงก็เงียบในขณะทุกคนเคร่งเครียดขึ้น ชายทั้งยี่สิบคนเริ่มกังวลในขณะที่พวกเขามองไปที่หัวหน้าของพวกเขา ในฐานะที่เป็นสมาชิกระดับสูงของตระกูลเซีย พวกเขารู้ลึกลึกถึงความเป็นเพื่อนระหว่างผู้เฒ่าและลุยเช็ง หลังจากที่เขาตาย แต่ละคนก็พบว่ามันยากมากที่จะรายงายมันกับหัวหน้าของพวกเขา

สายตาของหัวหน้าที่จ้องอย่งาเคร่งเครียดเย็นชาขึ้นไปอีกในขณะที่เขาจ้องไปที่ทุกคน ในตอนนี้ หัวใจของทุกคนเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา

“นายท่าน ให้นายน้อยอธิบายเรื่องนี้จะดีที่สุด มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะอธิบายรายละเอียดเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน” ชายวัยกลางคนพูดออกมาอย่างลนลานพร้อมกับเหงื่อที่เต็มหน้าผากของเขา

“ไปพาเซียลุยมาตอนนี้เลย” หัวหน้าสั่ง

คนนั้นออกไปจากห้องเพื่อที่จะพานายน้อยเซียลุยเข้ามาทันที

หลังจากที่ผ่านไปสักพัก เซียลุยที่มีใบหน้าหวาดกลัวก็เข้ามาที่โถงและคุกเข่าลง “หลานเซียลุยคำนับท่านปู่ ! “

สายตาของหัวหน้ามองไปที่ร่างของเซียลุย สายตาที่เย็นชาของเขาที่มีก่อนหน้านี้อ่อนลงเรื่อย ๆ ก่อนที่เขาจะพูดออกมา “ลุยเอ๋อ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ใครเป็นคนที่ฆ่าลุงของเจ้า?”

“ท่านปู่ ท่านต้องล้างแค้นให้การตายของท่านลุงลุย ! ” ใบหน้าของเซียลุยโศกเศร้าก่อนที่เขาจะอธิบายรายละเอียดสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเจี้ยนเฉินและตระกูลเซีย เขาแต่งเรื่องและโยนความผิดทั้งหมดไปให้กับตระกูลไค่และเจี้ยนเฉิน และเขายังป้ายสีว่าเจี้ยนเฉินเป็นปีศาจโหดเหี้ยมเพื่อที่เขาจะได้พ้นความผิด

หลังจาที่เซียลุยพูดจบ หัวหน้าก็เงียบไปสักพักในขณะที่เขาเริ่มคิดกับตัวเอง ตาของเขาเป็นประกายอย่างอันตรายก่อนที่เขาจะพูดออกไปกับหลานของเขาในที่สุด “ลุยเอ๋อ ชายที่ชื่อเจี้ยนเฉินฆ่าลุยเซิ่งด้วยกระบี่เดียวใช่ไหม?”

“ท่านปู่ นั่นเป็นเรื่องจริง ! ถ้าท่านไม่เชื่อคำของหลาน ถามพวกองครักษ์ก็ได้ ! แต่ละคนเห็นมันกับตา ไม่เพียงแต่เขาไม่คิดว่าตระกูลเซียมีค่า เขายังคิดว่าเราไม่ได้อยู่ในระดับเท่าเขาเลย เขาหยามตระกูลเซียของพวกเรา ! ท่านปู่ ท่านต้องไม่ปล่อยเขาไป การตายของท่านลุงลุยต้องได้รับการแก้แค้น ! ” เซียลุยตะโกนออกมาอย่างปวดร้าว ความเกลียดของเขาที่มีต่อเจี้ยนเฉินได้ฝังเข้าไปจนถึงในกระดูก

“นายท่าน คนที่ชื่อเจี้ยนเฉินนั้นทำเกินไปจริง ๆ ถ้าพวกเราไม่ทำอะไรกับเรื่องนี้ ข้าเกรงว่าชื่อเสียงของตระกูลเซียจะต้องได้รับผลกระทบในอนาคต” ชายวัยกลางคนพูดออกมา

“ข้าเห็นด้วย นายท่าน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเราจะปล่อยไปไม่ได้”

“พวกเราต้องแก้แค้นให้กับการตายของลุยเซิ่ง…”

กลุ่มชายที่นั่งอยู่เริ่มพูดคุยกัน แม้ว่าลุยเซิ่งจะถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ก็ไม่มีใครสักคนกังวล พวกเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของหัวหน้าของพวกเขาเป็นที่สุด

หัวหน้าตระกูลประสานมือแล้วพูดไปกับกลุ่มคนที่กังวลอยู่ “บิดาของลุยเซิ่งและข้าเป็นสหายกันมาหลายปี พ่อของเขาเคยช่วยชีวิตข้า และเขาก็ได้ตายไป เขาฝากฝังลุยเซิ่งไว้กับข้า ในตอนนี้เขาก็ถูกฆ่าไปอีก มันไม่สำคัญว่าคนร้ายคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหนหรือเป็นใคร นี่เป็นอะไรที่ลืมไม่ได้ นอกเหนือไปจากนั้น ลุยเซิ่งเองยังทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อตระกูลเซียมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้น ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาตายอย่างไร้ค่า เซิ่งหัว ไปจ้างคนให้ไปที่เมืองเวคเพื่อหาข้อมูลก่อนที่พวกเราจะลงมือ ข้าต้องการจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกมันอย่างละเอียด”

“ขอรับ นายท่าน!”

…..

หลายวันต่อมาก็เป็นวันที่สงบสุขอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ฝูงสัตว์อสูรที่เข้ามาในเมืองเวคได้ตายไป ทั่วทั้งเมืองกลับมาฟื้นฟูเต็มที่และสดใสอีกครั้ง

รางวัลที่ให้สำหรับข้อมูลของเคนดาลนั้นมีผลกระทบกับใครหลายคน ทุกคนโลภอยากได้รางวัลนี้ ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงพยายามทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อที่จะได้เงิน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผ่านไปหลายวัน เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้เลย เพราะหลายคนต้องการที่จะเอาเงินจากข้อมูลปลอม

ในเวลาเดียวกันนี้ เจี้ยนเฉินก็อยู่ที่ตระกูลไค่โดยไม่ได้ออกไปไหนเลย ผู้บัญชาการเต้าหลีมาวันละครั้งเพื่อที่จะรายงานข่าวเกี่ยวกับการค้นหา และชายทั้งสามคนจากนิกายเทียนหัวก็มาหาเจี้ยนเฉินบ่อย ๆ เพื่อที่จะพูดคุยกับเขา

เจี้ยนเฉินก็ได้คุยกับชายทั้งสามเกี่ยวกับตระกูลเซียไปในเวลานั้นด้วย โชคดีสำหรับเขา เขาได้รู้มาว่า ตระกูลเซียนั้นมีเซียนปฐพีเพียงคนเดียว และความสามารถในการฝึกฝนของเขานั้นก็ไม่ได้ดีมากนัก ดังนั้น เขาน่าจะอยู่ในวัฏจักรที่ 2 หรือ 3 ในตอนนี้ ซึ่งไม่เป็นอันตรายมากอะไรกับเจี้ยนเฉิน

ในระหว่างการฝึกฝน เจี้ยนเฉินได้ส่งทหารรับจ้างอัคนีเพื่อไปแอบดูตระกูลเซีย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นทุกการเคลื่อนไหว แต่อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ว่ามีกองกำลังใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอยู่

เจี้ยนเฉินฝึกฝนไปหลายวันโดยไม่ถูกรบกวน และความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่น่ากลัว ในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับกลางของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษแล้ว

ในตอนเย็น หนุ่มนักเดินทางที่ดูอ่อนเพลียก็เข้ามาที่ตระกูลไค่และตรงเข้าไปหาเจี้ยนเฉินที่ลานเล็กอย่างรวดเร็วอย่างไม่หยุด

“หัวหน้า เมื่อเช้า กองกำลังใหญ่กำลังออกมาจากตระกูลเซียเพื่อมุ่งตรงมาที่เมืองเวค ! ” ทหารรับจ้างรายงานด้วยน้ำเสียงที่กระหืดกระหอบ เจี้ยนเฉินยังคงนั่งฝึกฝนอยู่ แต่สายตาของเขาก็มองไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นอย่างสงบ “มีกี่คนและพวกนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ ? “

“มีกันทั้งหมด 300 คน แต่เนื่องด้วยจำนวนที่มาก พวกเขาจึงเดินทางได้ไม่เร็วนัก หากพวกเขาเดินทางกันทั้งคืนด้วย น่าจะมาถึงที่นี่ตอนเที่ยงคืน แต่ถ้าพวกเขาพักก่อนพวกเขาจะมาถึงพรุ่งนี้” ทหารรับจ้างพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด

เจี้ยนเฉินโบกมือโดยไม่ได้แสดงท่าทางอะไร “เจ้าไปได้”

หลังจากที่ทหารรับจ้างออกไป เจี้ยนเฉินก็นั่งอยู่บนเตียงสักพัก ในขณะที่เขาพึมพำออกมากับตัวเอง “ถ้ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนีสู้กับตระกูลเซียในตอนนี้ มันคงเหมือนกับเอาไข่ไปกระทบหิน พวกเราไม่สามารถรอความตายอยู่ตรงนี้ได้ ดังนั้นมันจะดีที่สุดถ้าพวกเราโจมตีก่อนในช่วงกลางคืน แบบนี้การสูญเสียของพวกเราก็จะน้อยกว่า”

เจี้ยนเฉินคิดแผนการอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพาเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 7 คนออกจากเมืองบนหลังสัตว์อสูรระดับ 2 ไป

1 กิโลเมตรด้านนอกเมืองเวค ชายในเครื่องแบบ 3 คนจู่ ๆ ก็เข้ามาในเส้นทางของเจี้ยนเฉิน ชายทั้งสามคนนี้คือ ฉิงหยุน ฉิงมู่ และฉิงฉัน จากนิกายเทียนหัว

“ฮ่าฮ่า น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าจะไปไหนกัน ? ” ฉิงหยุนพูดพร้อมกับยิ้มให้เจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินประสานมือ “อ่า ท่านฉิงหยุน ฉิงมู่ และฉิงฉัน เรามีเรื่องที่ต้องไปจัดการหน่อยคืนนี้”

ฉิงหยุนหัวเราะ “ถ้าข้าเดาไม่ผิด น้องเจี้ยนเฉินจะไปจัดการกับตระกูลเซียใช่หรือไม่ ? “

เจี้ยนเฉินพยักหน้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

ใบหน้าของฉิงหยุนเคร่งเครียดสักพักก่อนที่เขาจะพูดต่อ “น้องเจี้ยนเฉิน อย่าคิดว่าข้าดูถูกเจ้านะ แต่ตระกูลเซียไม่ได้อ่อนแอเลย พวกเขามีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 10 คน ในขณะที่คนอื่นก็อยู่ในระดับเซียน นอกเหนือไปจากนั้น หัวหน้าตระกูลของตระกูลเซียยังนำกองกำลังมาด้วยตัวเองอีก ด้วยพวกเจ้าแค่ 8 คน ถึงพวกเจ้าจะชนะ พวกเจ้าก็จะสูญเสียอย่างมาก”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ตาของเจี้ยนเฉินก็หรี่เล็กลง กองกำลังที่ตระกูลเซียนำมาเหนือกว่าที่เขาคาดเอาไว้

ฉิงหยุนยิ้มให้เจี้ยนเฉินแล้วพูดต่อ “แม้ว่าน้องเจี้ยนเฉินจะพบว่ามันยากที่จะต้องสู้กับตระกูลเซียด้วยคนแค่ 8 คน ถ้างั้นก็เพิ่มพวกเราทั้งสามคนเข้าไปด้วยซิ แบบนั้นมันจะได้กลายเป็นเรื่องง่าย น้องเจี้ยนเฉินจะยินดีรับการช่วยเหลือจากพวกเราหรือไม่ ? “