บทที่ 241 คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

บทที่ 241 คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า
เย่เฟิงกระอักเลือดออกมา

ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัว บริเวณหน้าอกก็ถูกเท้าเหยียบเอาไว้ ลงน้ำหนักแรงมาก ทำให้กระดูกซี่โครงที่หน้าอกเกิดเสียงดังกร๊อบ หักไปหลายซี่ เจ็บปวดจนเขาต้องสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง

“ขอเพียงเจ้าขอร้องข้า บางทีข้าอาจจะพิจารณาไว้ชีวิตเจ้า”

เย่เฟิงหันหน้าไปทางอื่น ไม่ว่าบริเวณหน้าอกจะเจ็บแค่ไหน ก็ดึงดันที่จะไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา

สิบสามปีที่ชีวิตราวกับตกอยู่ในนรก เขาได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่ว่าเขาจะขอร้องอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่จะเป็นการกระตุ้นสัตว์ร้ายในตัวเข้า ยิ่งเหยียบย่ำซ้ำเติมมากขึ้นเท่านั้น

กู้ชูหน่วนปล่อยท่านยายเย่ลง กำหมัดแน่นจนเกิดเสียงกร๊อบ เอ่ยอย่างโมโหว่า “ปล่อยเขา ”

“ปล่อยเขาอย่างนั้นหรือ เจ้ามีสิทธิ์อะไรสั่งให้ข้าปล่อยเขา”หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เหลือบมองกู้ชูหน่วน ใบหน้าเหลี่ยมมีแววไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากจะมีสถานะเป็นพระชายาของเทพสงคราม และเป็นเพื่อนของจอมมารแล้ว นางยังมีอะไรอีก

อาศัยอะไรจึงทำให้อวดดีได้ถึงเพียงนี้

เสียงกร๊อบดังขึ้นจากสวีซานเหนียง นางได้ทำการหักคอองครักษ์ลับที่อยู่ใกล้นางที่สุดไปหนึ่งคน เดินอย่างกระชดกระช้อยไปทางกู้ชูหน่วน

“จะร้อนใจทำไม คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”

“พระชายา ท่านรีบหนีไป “ตอนนี้เหลือองครักษ์ลับอยู่สองคน และต่างก็ได้รับบาดเจ็บ แม้ศัตรูจะมาอยู่ต่อหน้าพวกเขาทั้งสองแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาคำนึงถึงยังคงไม่ใช่ความปลอดภัยของชีวิตตนเอง แต่เป็นกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนพยายามบังคับให้ตนเองใจเย็นลง “มาเจรจากันเถอะ ขอเพียงพวกเจ้ายอมปล่อยเย่เฟิงกับพวกเขา ข้าจะหากระดิ่งทลายวิญญาณให้พบ และมอบให้ต่อหน้าพวกเจ้า”

“กระดิ่งทลายวิญญาณถูกใครชิงไป เจ้าก็ยังไม่รู้ จะใช้เวลาหาอีกนานเท่าไหร่”

“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ไม่อยากจะปิดบังอีกต่อไป กระดิ่งทลายวิญญาณถูกคนของสำนักอสุราชิงไป ก่อนหน้านี้สองวันข้าเองก็เพิ่งจะรู้จากปากของฝูกวงโดยไม่ตั้งใจ ต่อหน้านั้นสำนักอสุราแสดงให้เห็นว่าส่งคนมาปกป้องข้า ที่จริงเป็นการจับตาดูข้ามากกว่า พวกเขาอยากจะได้กระดิ่งทลายวิญญาณ อยากได้มุกมังกร”

ประโยคนี้พูดออกไป เจ็ดผีแห่งภูเขาหยินเกือบจะถูกทำให้ตกใจแล้ว เพราะสำนักอสุราก็ตามหามุกมังกรมาตลอดจริงๆ

แต่หญิงสาวคนนี้ คำพูดคำจาเต็มไปด้วยความเหลวไหล ใครจะรู้ว่าสิ่งที่นางพูดจริงหรือไม่

กู้ชูหน่วนพูดต่อไปว่า “สามวัน ให้เวลาข้าสามวัน ภายในสามวันข้าจะส่งมอบกระดิ่งทลายวิญญาณให้กับพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง”

“อย่าว่าแต่สามวันเลย แม้แต่เวลาสามถ้วยน้ำชาก็เป็นไปไม่ได้ เจ้ามีสถานะพิเศษ วันนี้จำเป็นต้องตาย นังหนู อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เข้าประวิงเวลาก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เทพสงครามเจอกับปัญหาใหญ่ เขาเองคงไม่มีกำลังจะช่วยใครได้”

หยินต้ากุ่ยกวาดมองไปรอบๆ มั่นใจว่าที่นี่ไม่มีคนนอก จึงได้เอ่ยเสียงเย็นว่า “รีบฆ่าพวกเขาซะ ทิ้งไว้นานจะยิ่งเป็นปัญหา”

“นังหนูคนนี้ หลอกพวกเราตั้งสองสามครั้ง มอบนางให้ข้าเถอะ ข้าอยากจะดูว่า เข็มเงินของนางร้ายกาจ หรือมือโลหิตของข้าจะร้ายกาจกว่า”

พูดถึงขั้นนี้แล้ว กู้ชูหน่วนเข้าใจดีกว่าใคร

คนพวกนี้ต้องการให้พวกนางตาย พวกเขาต้องรีบทำลายศพไม่ให้เหลือร่องรอยหลักฐาน

อยากจะหนีไป ตอนนี้นอกจากจะสู้จนพวกเขาแพ้ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

องครักษ์ลับอยากจะปกป้องกู้ชูหน่วน ใบหน้าของสวีเจิ้นมีรอยยิ้มแห่งความกระหายเลือดผุดขึ้นมา ชูทวนจันทร์เสี้ยวขึ้นมา ชิงโจมตีก่อน

วรยุทธของสวีเจิ้นสูงส่ง องครักษ์ลับทั้งสองคนจำเป็นต้องกระโจนหนีสุดกำลัง

ไล่องครักษ์ลับออกไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกู้ชูหน่วนกับท่านยายเย่ที่สลบไปแล้วยังไม่ถูกจับตัวเอาไว้

“นังหนู พี่สาวรับประกันว่าจะทำให้เลือดในกายเจ้าเลือดพล่านแน่”

สวีซานเหนียงยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ฝ่ามือโลหิตสายหนึ่งประทับออกไป

กู้ชูหน่วนเบี่ยงตัว หลบรอยฝ่ามือโลหิต

“ปัง……”

บริเวณที่รอยประทับฝ่ามือเคลื่อนผ่าน บนพื้นผิวปรากฏร่องลึกเป็นทาง ดินในร่องมีไอแห่งความแห้งกรังผุดขึ้นมา ราวกับดินก็ถูกเผาไหม้จนหมด

“ปังปังปัง……”

แล้วก็ตามติดมาอีกหลายฝ่ามือ กู้ชูหน่วนได้แต่หลบหลีกไม่สู้กลับ

แม้ว่านางจะสามารถหลบได้ทุกครั้ง แต่องครักษ์ลับยังคงร้อนใจมาก และเพราะว่าจิตใจไม่นิ่ง ฉะนั้นองครักษ์ลับทั้งสองคนจึงถูกทวนจันทร์เสี้ยวของสวีเจิ้นฟันลงไปที่ศีรษะ มันสมองทะลักออกมา ตายอย่างอนาถทันที

เย่เฟิงดิ้นรนยืนขึ้น “นางเป็นพระชายาของเทพสงคราม ถ้าพวกท่านฆ่านาง เทพสงครามไม่มีทางปล่อยพวกท่านไปแน่”

“เพียะ……”

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ฟาดฝ่ามือลงไปอีกครั้ง พลังฝ่ามือของเขาแรงมาก ถูกตบด้วยฝ่ามือนี้ทำให้ใบหูของเย่เฟิงมีเลือดไหลออกมา ไม่รู้ว่าแก้วหูถูกตบจนได้รับบาดเจ็บหรือไม่

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้กระชากคอเสื้อของเขา ใบหน้าเหลี่ยมอันเหี้ยมโหดขยับเข้ามาตรงหน้าเขา ราวกับปีศาจที่มาจากขุมนรก เค้นคำพูดลอดไรฟันออกมา

“เจ้าเป็นห่วงนางมากหรือ เพื่อนางแล้ว ไม่เสียดายที่จะขัดคำสั่งของข้า เพื่อนางแล้ว ไม่เสียดายที่จะสละชีวิตอย่างนั้นหรือ เสี่ยวเฟิงเอ๋อ ข้าว่าเจ้าคงจะลืมสถานะของตัวเองไปแล้วจริงๆ”

“แควก……”

เสื้อผ้าที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดแดงฉานของเย่เฟิงถูกฉีกลงมา

ตอนนี้หัวหน้ากองกล้วยไม้กำลังถลึงตาที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดเอาแต่ใจอยู่ตรงหน้าเขา

เย่เฟิงตื่นตระหนก อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพในวันวานที่กรูขึ้นมา

เขารีบดิ้นรนปิดบังร่างกายของตัวเองเอาไว้ “ท่านจะทำอะไร”

“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรเล่า”

“ปล่อยข้า ปล่อยมือ……”

เย่เฟิงมีความคิดที่อยากจะตายด้วยซ้ำไป

ในป่าดงพงไพร อีกทั้งยังมีคนมากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้ากู้ชูหน่วน ถ้าหากจะถูก……ตอนนี้ไม่สู้ฆ่าเขาเสียจะดีกว่า

“เขาสูบวิญญาณมีทาสบำเรอทั้งมากมาย แต่ข้าโปรดปรานเจ้าคนเดียว แต่เจ้ากลับใจกล้า สมคบคิดกับคนนอก โจมตีเขาสูบวิญญาณของข้า ยังอยากจะเอาชีวิตข้าด้วย ทำให้ความรักและโปรดปรานที่ข้ามีต่อเจ้าต้องเสียเปล่า”

ได้ยินคำว่าโปรดปราน ดวงตาของเย่เฟิงเต็มไปด้วยความเดือดดาล

“สิ่งที่ท่านว่าโปรดปราน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทรมานข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านเคยดีกับข้าจริงๆเสียที่ไหน เวลาสิบสามปีในหอฉิวเฟิ่ง มีวันไหนบ้างที่ท่านไม่ทำร้ายข้า ถ้าหากความโปรดปรานที่ท่านหมายถึง คือการทำร้ายร่างกายข้าทุกวัน ข้ายอมไม่เอาจะดีกว่า”

“บัดซบ ข้าทำร้ายเจ้า นั่นเป็นเกียรติแก่เจ้า เจ้าควรจะขอบคุณข้าตั้งนานแล้ว”

เย่เฟิงที่เดิมทีก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว จะต้านทานวรยุทธที่แข็งแกร่งได้อย่างไร หัวหน้ากองธงกล้วยหอมที่มีพลังมหาศาล แค่สองสามครั้งก็ถูกกำราบแล้ว ไม่ว่าเขาจะดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด

ความเจ็บปวดจากความอัปยศอดสูทำให้เขาไม่สามารถอดทนต่อไปได้อีก ดิ้นขยับ คิดจะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย

แต่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้กลับมองออกก่อนแล้ว ได้ชิงลงมือทำลายขากรรไกรล่างของเขา

เจ็บ ……

เจ็บจนน้ำตาของเขาไหลพรากออกมา

แต่จะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ไม่เท่ากับความเจ็บปวดในใจ

ทำไม ทำไมเขาจึงหนีไม่พ้นสักที ทำไมเรื่องเช่นนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับตัวเขาด้วย

ทำไมแม้แต่ความตายของเขายังเป็นสิ่งที่ร้องขอมากไป

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เอ่ยเตือนว่า “ถ้าหากเจ้ากล้าตาย ข้าจะทำให้กู้ชูหน่วนกับยายเฒ่าตาบอดอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้”

น้ำตา ไหลพรากลงมา ดวงตาพร่ามัวของเย่เฟิงมองตรงไปยังกู้ชูหน่วนที่กำลังต่อสู้อยู่กับสวีซานเหนียง

กู้ชูหน่วนพลางหลบ พลางมองเขา ในดวงตามีไฟที่ลุกโชน ราวกับกำลังโกรธแทนเขา

นางคิดจะมาช่วยเขาอยู่หลายครั้ง แต่สวีซานเหนียงกลับขวางทางนางเอาไว้

เย่เฟิงหัวเราะเสียงเย็น หลับตาลงอย่างรู้สึกสิ้นหวัง ที่หางตามีน้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมา รอคอยการเหยียบย่ำดูถูกจากหัวหน้ากองธงกล้วยไม้อย่างเงียบๆ

“ไร้ยางอาย”

ลูกดอกลูกหนึ่งของกู้ชูหน่วนบินออกไป นี่เป็นลูกดอกลูกสุดท้ายที่นางเก็บเอาไว้

แต่ลูกดอกลูกนี้ยังไม่ทันไปถึงข้างกายของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ก็ถูกกระแทกจนกระเด็น  

สวีเจิ้นกับพี่ใหญ่หยินกำลังดูละครฉากเด็ด ไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

สวีซานเหนียงพูดยิ้มๆว่า “นังหนู คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า อย่าได้ว่อกแว่กอีกเลย”