บทที่ 242 เจ้าตายแล้ว ก็ไม่แน่ว่าข้าจะตายด้วย

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

บทที่ 242 เจ้าตายแล้ว ก็ไม่แน่ว่าข้าจะตายด้วย
“โครม……”

เป็นอีกหนึ่งฝ่ามือที่พลาดเป้า สวีซานเหนียงอดที่จะแค้นใจไม่ได้ “เจ้าเอาแต่หลบ นอกจากจะเป็นการยื้อเวลาแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถหนีพ้นหรือ”

กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น

ในขณะที่มือโลหะของสวีซานเหนียงประทับลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้นางไม่ถอยแต่เดินหน้า

“โครม……”

สองฝ่ามือปะทะกัน

ร่างกายของกู้ชูหน่วนราวกับว่าวที่เชือกขาดสะบั้น ปลิวกระเด็นออกไป กระอักเลือดออกมา อวัยวะภายในปั่นป่วนรุนแรง

หันกลับไปดูสวีซานเหนียง แทบจะไม่มีผลกระทบอะไรเลยสักนิด ได้แต่มองกู้ชูหน่วนอย่างได้ใจเท่านั้น

“นังหนู คนที่ถูกฝ่ามือโลหิตของข้า ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครสามารถมีชีวิตรอดได้”

กู้ชูหน่วนถ่มเลือดที่อยู่ในปากออกมา กัดฟันลุกขึ้นยืนอย่างโอนเอน

ยังคงสัมผัสได้ถึงความอวดดีที่ยอมแพ้และไม่ยอมคน

“จริงหรือ แต่ข้ากู้ชูหน่วนแต่ไหนแต่ไรมาก็ชอบแหกกฎ อีกอย่าง เจ้าตายแล้ว ไม่แน่ว่าฆ่าจะตายด้วย”

นางนวดนิ้วมือ ถูกลวกจนเจ็บมาก

ในโลกแห่งนี้ ไม่มีพลังภายในจะเสียเปรียบมากจริงๆ

ทุกคนต่างมองนางอย่างรู้สึกประหลาดใจ

ฝ่ามือโลหิตของสวีซานเหนียงมีพิษ และมีอุณหภูมิที่สูงมาก เพียงพอที่จะหลอมละลายทุกสิ่ง คนที่ถูกทำร้าย ไม่ตายก็ต้องพิการ

กู้ชูหน่วนไม่มีพลังภายใน ทำไมจึงยังยืนหยัดได้จนถึงตอนนี้

หรือร่างกายของนางจะมีอะไรซ่อนอยู่

สวีซานเหนียงเอ่ยอย่างนิ่งอึ้ง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“เจ้าลองดูที่ฝ่ามือของตัวเอง”

สวีซานเหนียงก้มหน้าลง มองดูฝ่ามือของตัวเอง ที่นั่นมีเข็มเงินปักอยู่หนึ่งเล่ม เป็นเข็มเงินที่มีขนาดเล็กมาก รอบๆเข็มเงินมีหมอกดำปกคลุมอยู่เป็นวง มองแค่แวบเดียวก็สามารถดูออกแล้ว นั่นคือเข็มพิษ และเป็นพิษร้ายแรง

นางโมโห รวบรวมพลังภายในอยากจะฆ่ากู้ชูหน่วน

แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็คิดไม่ถึง ตัวเองไม่เพียงแต่จะไม่สามารถรวบรวมพลังภายในได้ กลับรู้สึกเจ็บตั้งแต่ช่วงแขนไปจนถึงหัวใจ เจ็บปวดจนนางแทบจะสิ้นลมหายใจ

สวีเจิ้นเห็นเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ยาถอนพิษเล่า ส่งยาถอนพิษมา ”

“อยากจะได้ยาถอนพิษก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ให้ชายต่ำช้าคนนั้นปล่อยเย่เฟิงเดี๋ยวนี้”

กู้ชูหน่วนถูกพวกเขาสามคนล้อมเอาไว้ ไม่มีทางไปช่วยเย่เฟิงได้เลย ฟ้ารู้ดีว่านางเห็นเย่เฟิงถูกคนอื่นเหยียดหยามถึงขั้นนี้ ในใจรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน

“เจ้ากล้าด่าข้าว่าต่ำช้าหรือ อยากจะตายให้ได้ใช่ไหม”

“ถ้าหากเจ้าฆ่าข้า สวีซานเหนียงก็ต้องถูกฝังไปพร้อมกับข้า ข้าวางยาพิษ นอกจากข้าแล้ว ก็ไม่มีใครบนโลกถอนพิษนี้ได้”

เดิมทีหัวหน้ากองธงกล้วยไม้อยากจะดำเนินการขั้นสุดท้าย แต่กลับถูกเรื่องราวของที่นี่กวนใจ เขาปล่อยเย่เฟิง คิดว่าจะปิดบัญชีกับกู้ชูหน่วนก่อนค่อยจัดการกับเย่เฟิง

ร่างของเย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมา เก็บเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนพื้นขึ้นมาปกปิดร่างกายของตัวเองเอาไว้ เพื่อจะปกปิดความอเนจอนาถบนตัวเขา

กู้ชูหน่วนโล่งใจลงเล็กน้อย

อีกนิดเดียว

อีกนิดเดียวเย่เฟิงก็จะถูกทำให้แปดเปื้อนแล้ว

หยินต้ากุ่ยกับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ต่างก็มองไปที่พิษของสวีซานเหนียง และลองช่วยนางถอนพิษ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ถอนไม่ได้

กู้ชูหน่วนสีหน้าขาวซีด เริ่มยืนไม่มั่นคง ได้แต่ฝืนให้ตนเองยืดแผ่นหลังให้ตรง แสดงให้เห็นว่าสบายมาก

“ปล่อยเย่เฟิงกับท่านยายเย่ไป ข้าจะให้ยาถอนพิษกับนาง และจะจากไปพร้อมพวกเจ้า ว่ายังไง”

“พี่ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์แสนกล ฆ่านางก่อน จะได้ไม่เป็นภัยที่หลัง ข้าไม่เชื่อ ใต้หล้านี้มีหมอเป็นพันเป็นหมื่น จะไม่มีสักคนเลยหรือที่ถอนพิษให้ข้าได้”

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างอวดดี ยิ้มอย่างมีเสน่ห์โดดเด่นกว่าใคร ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ

“นอกจากข้า ก็ไม่มีใครสามารถถอนพิษให้เจ้าให้จริงๆ อีกอย่าง เจ้าก็มีเวลาแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น ภายในหนึ่งชั่วยาม ถ้าถอนพิษไม่ได้ เจ้าก็รอพบยมบาลเถอะ”

“เจ้าสามจับนาง ค้นตัว”

“จับตัวข้าก็ไร้ประโยชน์ บนตัวข้าไม่มียาถอนพิษ พิษร้ายแรงเช่นนี้ ข้าจะพกยาถอนพิษติดตัวได้อย่างไร”

ซูด……

ฝ่ามือขวาของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ทำท่าดูด เย่เฟิงที่อเนจอนาถไปทั้งร่างก็ถูกเขาดูดเข้าไปหา

“กร๊อบ……”

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้บีบที่คอของเขา ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม “เงื่อนไขของเจ้า ข้าไม่มีทางตอบตกลงแน่ แต่ว่าข้าสามารถเสนอเงื่อนไขให้เจ้าข้อหนึ่ง ”

มือใหญ่หยาบกระด้างของเขา ลูบไล้ไปที่ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนนุ่มขาวเนียนของเย่เฟิง มองดูเขาอย่างพึงพอใจที่เห็นใบหน้าแดงก่ำเพราะขาดอากาศหายใจ

“เจ้าส่งยาถอนพิษออกมาซะดีๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะหักกระดูกเขาทีละท่อน แล้วมอบเขาให้กับฉีโส่วนับพันนับหมื่นคนของเผ่าปีศาจ แน่นอน ข้าจะให้เจ้าชื่นชมเขาอยู่ข้างๆด้วย”

“ออ เจ้าก็อย่าได้หวังว่าจอมมารจะช่วยเจ้า เพราะจอมมารยุ่งมาก ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องในเผ่าปีศาจ ฉีโส่วมากมาย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีพวกเขาอยู่ ”

กู้ชูหน่วนไม่ใช่คนโง่

นางฟังออก ความหมายของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้คือ พวกเขาได้ชุบเลี้ยงฉีโส่วกลุ่มหนึ่งเอาไว้เป็นการส่วนตัว เป็นฉีโส่วที่แม้แต่จอมมารก็ไม่รู้

แม้ว่านางเองก็ไม่รู้ ทำไมหัวหน้ากองธงกล้วยไม้จึงได้กลัวว่าเรื่องที่เขาต่อสู้กับนาง จะถูกจอมมารรู้เข้า

แต่ว่าก็ต้องยอมรับ ความคิดนี้ ช่างต่ำช้าจริงๆ

คำพูดของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้เพิ่งจะสิ้นสุดลง นิ้วก้อยมือซ้ายของเย่เฟิงก็ถูกหักทันที เกิดเสียงดังที่ได้ยินชัดเจน

เย่เฟิงกัดฟันไว้แน่น ไม่ปริปากให้ได้ยินเสียงเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าที่ถูกหักไปไม่ใช่นิ้วมือของเขา แต่บนใบหน้ามีเหงื่อเย็นผุดออกมา หักเราเขาเอง

“กร๊อบ……”

นิ้วนางถูกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้หัก

เหมือนหัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะมีความสุขกับการได้ยินเสียงแตกร้าวของกระดูก ยิ่งมีความสุขที่เห็นเย่เฟิงทนฝืนกล้ำกลืนความเจ็บปวด

กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างโมโหว่า “พอแล้ว เคยเห็นคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นเจ้ามาก่อน น่ารังเกียจ วิปริต”

“เพราะฉะนั้น ยาถอนพิษเล่า”

“ข้าไม่มียาถอนพิษ ได้แต่ปรุงยาขึ้นมาทันทีเท่านั้น ”

“นังหนูนี่ เจ้าหลอกข้าหรือ พิษร้ายแรงเช่นนี้ จะปรุงยาถอนพิษในเวลาหนึ่งชั่วยามได้อย่างไร”

“ข้าย่อมมีวิธีปรุงออกมาได้ ถ้าหากพวกท่านยังคงพล่ามไม่หยุด ข้าเองก็ไม่มั่นใจ อีกอย่าง รีบปล่อยเย่เฟิงซะ ไม่เช่นนั้นถ้าข้าไม่ระวัง ผสมยาถอนพิษผิดไป คนที่ตายจะเป็นสวีซานเหนียง”

ทุกคนต่างสบตากัน บรรลุข้อตกลง

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ปล่อยเย่เฟิง

เย่เฟิงไอไม่หยุด ไอจนแทบจะหายใจไม่ทัน และขากรรไกรล่างก็ถูกแยกออก แค่พูดจาคำเดียว ก็ยากเย็นแสนเข็ญมาก

“รีบไปปรุงยาถอนพิษ”

“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

ดวงตาของกู้ชูหน่วนกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว มองหาโอกาสที่จะหนีไป

ทันใดนั้น ก็มีพลังที่ทรงอานุภาพลงมาจากกลางอากาศ ตรงไปยังหัวหน้ากองธงกล้วยไม้และพวกเจ็ดผีแห่งภูเขาหยิน

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นดู คนเหล่านั้นล้วนสวมชุดสีดำเหมือนกันหมด ดูจากเครื่องแต่งกายของพวกเขา เหมือนจะเป็นองครักษ์ลับของเย่จิ่งหาน

วรยุทธขององครักษ์ลับกลุ่มนี้สูงกว่ากลุ่มเมื่อครู่มาก โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าองครักษ์ลับ ถึงกับสามารถสู้กับหยินต้ากุ่ยได้อย่างสูสี

พลังภายในแข็งแกร่งมาก

กู้ชูหน่วนดีใจ ฉวยโอกาสประคองเย่เฟิงขึ้นมา “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ไป……”

เย่เฟิงพูดออกมาอย่างยากลำบาก

“พวกเราไปด้วยกัน”

กู้ชูหน่วนยังไม่ทันแบกท่านยายเย่ขึ้นหลัง ไกลออกไปก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาอีกแล้ว คนกลุ่มนี้สวมชุดขาวและปกปิดใบหน้า วรยุทธสูงส่งไม่อาจคาดเดาได้

พอเข้ามา พวกเข้าก็เข้าร่วมสงคราม

เพียงแต่คนกลุ่มนี้ไม่ได้ช่วยพวกเขา แต่ละกระบวนท่ามุ่งตรงไปที่เหล่าองครักษ์ลับของเย่จิ่งหาน ราวกับว่าถ้าฆ่าองครักษ์ลับของเย่จิ่งหานไม่หมด จะไม่มีวันรามือ

กู้ชูหน่วนเห็นตัวอักษรตัวหนึ่งบนแขนเสื้อของพวกเขา เฟิ่น

เผ่าเทียนเฟิ่น

คนเหล่านี้เป็นคนของเผ่าเทียนเฟิ่นหรือ

นี่เป็นสงครามที่วุ่นวายจริงๆ

เจ็ดผีแห่งภูเขาหยินและหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ปลีกตัวออกมา ออกห่างจากสนามรบ ทิ้งสนามรบไว้ให้กับองครักษ์ลับของเย่จิ่งหานกับคนของเผ่าเทียนเฟิ่น ตัวเองกลับไปขวางทางหนีของพวกกู้ชูหน่วนเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง

พี่ใหญ่หยินเค้นคำพูดลอดไรฟันว่า “ฆ่า”

ครั้งนี้  พี่ใหญ่หยินลงมือเอง

องครักษ์ลับของเย่จิ่งหานมากันมากมายขนาดนั้น และต่างก็เห็นว่าพวกเขากำลังจะฆ่ากู้ชูหน่วน

ถ้าหากพวกองครักษ์ลับไม่ตาย คนที่ตายคงต้องเป็นพวกเขา