ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 212 วิธีของเยี่ยนจ้าวเกอ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเฟิงอวิ๋นเซิง มองไม่เห็นความใจร้อนจากในแววตาของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เพราะภายในนั้นมีแต่ความใจเย็นหนักแน่นแน่วแน่

เฟิงอวิ๋นเซิงพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ทางเลือกของข้า ข้ารับผิดชอบเอง”

“…วิธีน่ะ มีอยู่จริงๆ ” เยี่ยนจ้าวเกอนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงกล่าวอย่างช้าๆ

ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่ไร้ซึ่งเหตุผล และยิ่งไม่ใช่แสร้งลำบากใจ เพื่อให้เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยปากขึ้นมาเอง

ถึงแม้ว่าครั้งนี้เขาจะยังมีวิธี ทว่ากลับไม่อยากใช้จริงๆ

“เจ้าอย่าเพิ่งตัดสินใจเด็ดขาดเสียดีกว่า” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะเชื่องช้า “เคยได้ยินเข็มแกนน้ำแข็งหรือไม่”

หญิงสาวฉงนสนเท่ห์อยู่บ้าง เขจึงกล่าว “ไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก แต่เจ้าน่าจะเคยได้ยินตะเกียงจุดวิญญาณกระมัง?”

เรื่องนี้เฟิงอวิ๋นเซิงเคยได้ยินมาก่อนจริงๆ นางกล่าว “ก่อนวิกฤตการณ์ ในตำนานเล่าว่าเป็นการลงโทษอันโหดร้ายทารุณ ทำให้ผู้คนต้องการจะมีชีวิตก็ไม่ได้ ร้องขอจะตายก็ไม่ได้ ได้รับความทุกข์ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ตลอดกาล”

เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ จากนั้นจึงมองเฟิงอวิ๋นเซิงลึกลงไปแวบหนึ่ง “ก่อนวิกฤตการณ์ ทั้งเข็มแกนน้ำแข็งและตะเกียงจุดวิญญาณ จัดอยู่ในเจ็ดมหาโทษทัณฑ์”

“วิธีนี้ทำให้ไขกระดูกผู้คนบังเกิดความเย็นยะเยือกจากภายในสู่ภายนอก แต่ความหนาวเย็นกลับไม่ทำให้ผู้คนด้านชา กลับจะทุกข์ทรมานประหนึ่งเข็มแหลมคมนับร้อยล้านเล่มแทงทะลุพร้อมๆ กันก็ไม่ปานเสียด้วยซ้ำไป”

“ขณะที่รับโทษ ความรู้สึกนึกคิดของผู้คนจะยิ่งตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา อยากจะหมดสติสิ้นชีพไปล้วนเป็นไปไม่ได้”

เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่อาศัยเพียงจิตตานุภาพเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เพียงอย่างเดียว ก็กัดฟันทนจนผ่านไปได้ เพราะว่าไม่ใช่แค่เพียงร่างกายเท่านั้น วิญญาณของผู้ได้รับโทษก็จะเป็นรูพรุนเนื่องด้วยเข็มเย็นเช่นกัน อ่อนแอแต่กลับจะไม่ตาย ได้รับความทุกข์ทรมานไปจนนิรันดร์ ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั่วร่างทั้งภายในและภายนอก ทุกๆ ที่”

“ข้าไม่ได้หมายความว่าข้าจะใช้เข็มเป็นร้อยเป็นพันเล่มแทงเจ้าในทุกๆ ที่ ไม่ได้หมายความว่าทุกรูขุมขนหรือทุกจุดลมปราณจะถูกเข็มแทง กระจัดกระจายทั่วร่าง โดยไร้ที่ว่างใดๆ พร้อมทั้งความเจ็บปวดรวดร้าวจากภายในสู่ภายนอกเช่นนั้น”

ชายหนุ่มกวาดสายตามองเฟิงอวิ๋นเซิงตั้งแต่หัวจรดเท้า “ร่างกายคนมีส่วนที่แรงอดกลั้นสูง และก็มีส่วนที่เปราะบางเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่นบริเวณลูกตาของเจ้า เป็นต้น”

“แต่เข็มแกนน้ำแข็งจะไม่สนจุดเหล่านี้ มันจะใส่ใจทุกจุดทั่วร่างเจ้า ฉะนั้นบริเวณที่ยิ่งเปราะบาง ก็จะยิ่งเจ็บปวดทรมาน”

เฟิงอวิ๋นเซิงฟังเยี่ยนจ้าวเกอพูดบรรยายอย่างเงียบสงบ

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “และเนื่องด้วยจันทรากายของเจ้า ฉะนั้นความเจ็บปวดที่เจ้าเผชิญกับเข็มแกนน้ำแข็งจะยิ่งรุนแรงกว่าคนทั่วไป”

“วิธีนี้สามารถเสริมพลังจันทรากายของเจ้าให้แกร่งขึ้นได้อย่างแท้จริง ในทางกลับกันถึงขั้นเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนวรยุทธ์ปกติของเจ้า โดยผ่านจันทรากาย ทำให้พลังฝึกปรือเจ้าพัฒนาเร็วขึ้นอีกขั้นหนึ่ง แต่เงื่อนไขแรกคือเจ้าต้องอดทนต่อความเจ็บปวดของมันได้”

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวจบ ก็ปิดปากเงียบไม่พูดจา

เขาไม่ได้คิดจะใช้วิธีนี้ตั้งแต่แรก ยอมให้เฟิงอวิ๋นเซิงพัฒนาได้ช้าลงเสียบ้าง รอคอยไปอีกปีสองปี

แท้จริงแล้วหากไม่ได้รู้ว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กำลังเสาะหาวิชาหยินหยางค้ำจุนช่วยเมิ่งหว่านพัฒนาเช่นกัน เยี่ยนจ้าวเกอจะยังคงไม่พิจารณาใช้วิธีนี้ แต่ทดลองคิดหาหนทางอื่นแทน

เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจนักว่าหญิงสาวเบื้องหน้าจะยืนหยัดทนได้หรือไม่

“ข้ายินดีลองดู” ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะพูดจบ เฟิงอวิ๋นเซิงก็กล่าวตอบอย่างสงบนิ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอมองนาง อีกฝ่ายพลันเซิงยิ้มแย้ม “ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นใดแล้ว ถูกต้องหรือไม่?”

“กาลเวลาไม่คอยผู้ใด ถ้าหากศิษย์พี่เยี่ยนมีวิธีที่ดีกว่านี้ แน่นอนว่านั่นดีที่สุด ก่อนจะถึงเวลานั้น ก็ให้ข้าลองเข็มแกนน้ำแข็งนี้ก่อนก็แล้วกัน”

ขณะที่เฟิงอวิ๋นเซิงขาดการฝึกฝนเป็นเวลาถึงสองปี เมิ่งหว่านเป็นหญิงสาวแห่งจันทราที่ยอดเยี่ยมที่สุด เดิมที่ก็รุดนำหน้าไปแสนไกลแล้ว

บัดนี้เมิ่งหว่านเองก็ใช้วิชาหยินหยางค้ำจุนยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นเช่นกัน เฟิงอวิ๋นเซิงและสำนักเขากว่างเฉิงต้องการจะไล่ตามให้ทัน ความหวังเปลี่ยนเป็นเลือนรางฉับพลัน

จุดเริ่มต้นทั้งสองฝ่ายต่างกันจนเกินไปแล้ว อีกทั้งล้วนกำลังรุดหน้าไป เฟิงอวิ๋นเซิงจำเป็นต้องพัฒนาให้เร็วกว่าเมิ่งหว่านอย่างมาก จึงจะไล่ตามทัน

ไม่เช่นนั้นแม้ว่าจะเร็วกว่า แต่ความเร็วก็มีจำกัด เช่นนั้นหากรอจนถึงตอนที่ไล่ตามทัน ก็ไม่รู้ได้ว่าจะต้องรอไปจนเมื่อใด

สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในระยะเวลาอันสั้น ไม่มีเวลามากมายเช่นนั้นให้นางกับสำนักเขากว่างเฉิงแล้ว

นางเม้มริมฝีปาก “ศิษย์พี่เยี่ยน ท่านเห็นข้าพูดด้วยความมั่นใจในตอนนี้ แท้จริงแล้วข้าไม่ได้มั่นใจว่าตัวเองจะอดทนได้จริงๆ”

“ดังเช่นท่านว่า หนึ่งในเจ็ดมหาโทษทัณฑ์นะหรือ เดิมมุ่งประสงค์ทรมานผู้คน ซึ่งก็คือการบีบบังคับให้สารภาพด้วยการทรมาน คือการทำให้ผู้คนไม่สู้ตายเสียดีกว่าอยู่ หากผู้คนทนได้ง่ายเช่นนั้น จะนับว่าเป็นมหาโทษทัณฑ์ได้อย่างไรเล่า”

“แต่ข้าจะลองดู”

เฟิงอวิ๋นเซิงสูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง ประกายตาแน่วแน่ดุจจิตมั่งคงถาวร “ข้าต้องชนะการทดสอบแห่งจันทรา จะยากลำบากอีกสักเพียงใด จะแสนเข็ญอีกสักเพียงใด ข้าก็ต้องอดทน ต้องยืนหยัด!”

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเงียบงันเนิ่นนาน เขาก็พยักหน้า “ตกลง”

ใบหน้าเฟิงอวิ๋นเซิงเผยเห็นรอยยิ้ม “อย่าเพิ่งบอกเหล่าท่านอาจารย์”

เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจ “ได้”

เมื่อมีบทสรุปแล้ว บรรยากาศตึงเครียดโดยรอบพลันผ่อนคลายลงบ้างในที่สุด

การเจรจาของทั้งสองก่อนหน้า คล้ายกับมีคลื่นพลังไร้รูปร่างปกคลุมโดยรอบ ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเข้าใกล้

เวลานี้บรรยากาศคลายลง โร่วโร่วจึงวิ่งมาทางเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างร่าเริง

ทว่าเพิ่งจะกอดได้กึ่งหนึ่ง ตรงหน้าก็เกิดเงาดำมหึมาวับวาบฉับพลัน ลมพัดลมแรงถาโถม จนเกือบจะพัดสุนัขสีดำตัวน้อยล้มไป

เห็นได้ชัดว่าพ่านพ่านเร็วกว่าโร่วโร่ว หมีสยงเมายักษ์ถลาพุ่งไปตรงหน้าเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างฉับไว ทั้งสองกะพริบดวงตาโตปริบๆ

ในฐานะตัวตะกละที่ได้มาตรฐานตัวหนึ่ง หลายวันมานี้ปากท้องของมันก็ถูกเฟิงอวิ๋นเซิงจัดการเช่นกัน

เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายศีรษะหลุดหัวเราะ ก่อนจะลูบหัวพ่านพ่าน แล้วจึงกวักมือเรียกโร่วโร่ว

ประเดี๋ยวเดียวโร่วโร่วก็กระโดดโลดเต้น กระโดดขึ้นมาอยู่ในอ้อมอกเฟิงอวิ๋นเซิง

มันถูไถอย่างสบายอกสบายใจก่อน แล้วจึงแยกเขี้ยวใส่พ่านพ่าน สุดท้ายหันหัวกลับด้วยความโอหังยิ่ง ไม่มองเจ้าตัวขนาดมหึมาอีก

เบ้าตาดำคู่หนึ่งของพ่านพ่าน มองดูขนาดร่างของโร่วโร่ว แล้วจึงก้มหน้ามองตัวเองอีกครั้ง

มันแกว่งหัว ส่งเสียงร้องเบาๆ ก่อนที่บนร่างจะมีเพลิงขาวน้ำดำพรั่งพรู ห่อหุ้มมันเอาไว้

ชั่วขณะถัดมา เพลิงและน้ำสลายไป จึงเห็นว่าพ่านพ่านที่แต่ไรมีขนาดตัวเหมือนหมีสยงเมาธรรมดาทั่วไป กลับร่างกายหดเล็กลงอีกครั้ง

ลักษณะภายนอกยังเหมือนเช่นหมีสยงเมาตัวเต็มวัยไม่มีผิด ไม่ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นหมีสยงเมาแรกเกิดที่ไม่มีขนแต่อย่างใด เพียงแค่อัตราส่วนร่างกายหดเล็กลงอย่างมากเท่านั้น เปลี่ยนเป็นขนาดที่ไม่ต่างจากโร่วโร่วมากนัก

จากนั้นพ่านพ่านจึงส่งเสียงร้องเบิกบาน ร่างอันอุ้ยอ้ายคล้ายก้อนขนน้อยก็ไม่ปานดีดตัวขึ้นจากพื้น กระโดดขึ้นไปอยู่ในอ้อมอกของเฟิงอวิ๋นเซิงเช่นกัน

โร่วโร่วเบิกตาโพลงฉับพลัน มองไปยังเจ้าของของตัวเองด้วยความประหม่า ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ มือทั้งสองข้างอุ้มพวกมันเอาไว้ข้างหนึ่งตัวหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูภาพฉากนี้ แววตามีความว้าวุ่นอยู่บ้าง

ก้นบึ้งจิตใจเขาพลันผุดความคิดหนึ่งออกมาอย่างฉับพลันยิ่ง

หากตนเองแข็งแกร่งกว่านี้อีกหน่อย มีความสามารถกว่านี้อีกหน่อย มีวิธีมากกว่านี้อีกหน่อย ให้หญิงสาวผู้เข้มแข็งและงดงามไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงแค่เล่นกับพ่านพ่านและโร่วโร่วอย่างสบายใจ

ชายหนุ่มส่ายศีรษะน้อยๆ สงบจิตใจลงอีกครั้ง แววตาไม่ว้าวุ่นอีกต่อไป

เขาอดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้ม ‘ให้คนอื่นไปทั้งหมด ตนเองกลับไม่ทุ่มความพยายาม ลักษณะเช่นนั้น เกรงว่านางเองกลับจะจิตตกอยู่บ้างกระมัง’

เยี่ยนจ้าวเกอมองเฟิงอวิ๋นเซิง แล้วส่ายศีรษะเบาๆ “แม้ว่าจะมีสำนวนพูดที่ว่า สวรรค์ย่อมตอบแทนคนขยันหมั่นเพียร แต่คนที่พยายาม ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับการตอบแทน เหตุการณ์เช่นนี้ ข้าพบเห็นมามากยิ่งนักแล้ว”

“แต่เจ้าจะได้สวมมุงกฎแห่งจันทราเป็นแน่”

……….