“ซูหวานหว่าน! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดช่วงนี้ถึงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเจ้า ความจริงแล้วไม่ใช่พวกเราที่มุ่งเป้าไปที่เจ้า แท้จริงเป็นคนอื่นต่างหาก หากเจ้ารู้เรื่องนี้ เรื่องที่ผ่านมาเจ้าก็จะรู้ด้วย” ชายคนนั้นพูดอออกมา

“อ่า? สองพี่น้องตระกูลสืองั้นหรือ?” ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มมุมปาก

“ไม่ใช่” ชายผู้นั้นส่ายหัว “หากเจ้าไปกับข้า เจ้าก็รู้เอง”

“ย่อมได้ เช่นนั้นข้าจะยอมไปกับเจ้า” ซูหวานหว่านบอกให้เขานำทางไป พวกเขาเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมของผู้ดูแลหวังในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ ก่อนเดินเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่คุ้นเคย จากนั้นชายหนุ่มก็เปิดประตูออก และส่งสัญญาณให้ซูหวานหว่านเดินเข้าไป จึงได้พบผู้ดูแลหวังนั่งสูบยาเส้นอย่างสบายอารมณ์ นางจึงถามออกมาอย่างหงุดหงิด “คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่ที่ใด?”

“อยู่ที่นี่” ผู้ดูแลหวังก็เคาะม้วนยาเส้นกับถาด

“ที่นี่นอกจากข้าแล้วก็เป็นท่าน ข้ายังไม่เห็นผู้อื่นเลยสักคน ผู้ดูแลหวัง ท่านคิดจะทำอะไร!” ซูหวานหว่านตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด มือที่ถือยาเส้นของเขาหยุดชะงักก่อนจะวางมันลงในถาด พร้อมทั้งเอ่ยออกมาช้า ๆ “ที่นี่นอกจากเจ้าแล้วก็มีข้า อีกทั้งคนที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่ข้า เจ้าคิดว่าเป็นใครกัน?”

เขาหมายความว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือนางอย่างงั้นหรือ? นางจะทำร้ายตัวเองไปทำไมกัน!

น่าขำสิ้นดี!

“โบราณมีเมฆ ต้นไม้ตั้งตระหง่านกลางป่า ย่อมถูกสายลมโค่นล้ม*[1] หากไม่โทษเจ้าจะโทษใครได้อีก?” ผู้ดูแลหวังเอ่ยแผ่วเบา

นี่มันน่าขันเกินไป! เป็นเพียงเพราะนางเก่งเกินไปงั้นหรือ? ซูหวานหว่านฟังดูแล้วมันช่างน่าขำ “เช่นนั้นก็คงต้องโทษสายลมอย่างพวกท่าน ต้นไม้เช่นข้าตั้งตระหง่าน ต่อให้สายลมพัดมาข้าก็ยังคงไม่ล้มโอนเอนตามลม แต่พวกท่านแค่พัดผ่านมาไม่นานก็แตกสลายไป”

“ปากดี!” ผู้ดูแลหวังเขี่ยขี้เถ้ายาสูบด้วยความโกรธ “ซูหวานหว่าน! ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อมาทะเลาะกับเจ้า! ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเอาเรื่องเถ้าแก่หู และปล่อยเขาออกมาในวันพรุ่งนี้!”

“เจ้าสั่งให้ข้าปล่อยเขา แล้วข้าจะต้องปล่อยงั้นเหรอ? เหลวไหล!” ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะ “พวกเจ้าทั้งหมดในหอการค้าลงมือกับข้าก่อน! มันคือการร้องขอความตาย ไม่รู้ว่าพวกเจ้ามีตาหรือเปล่า เหตุใดถึงมองไม่เห็นจิตสำนึกของตนเองเลย!”

พูดจบซูหวานหว่านก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที “อย่าหาเรื่องใส่ตัว หากทำให้ข้ารู้สึกขุ่นเคือง เถ้าแก่หูจะต้องพบจุดจบเพราะพวกเจ้า!”

ช่างเป็นสตรีที่บ้าคลั่งอะไรอย่างนี้! ผู้ดูแลหวังกัดฟันกรอด เขาถ่มน้ำลายใส่ซูหวานหว่านและกล่าวว่า “ซูหวานหว่าน! ในเมื่อพูดกันดี ๆ แล้วไม่ยอมฟัง! เจ้าก็รอดูแล้วกัน!”

พอพูดจบเขาก็ขอให้คนเตรียม 10 ตำลึงเพื่อส่งให้กับทางการ เขาไม่เชื่อว่าเงินนี้จะทำให้ท่านนายอำเภอปฏิเสธได้!

หลังจากซูหวานหว่านกลับไปแล้ว ผู้ดูแลหวังก็ส่งคนไปมอบเงินสินบนให้กับนายอำเภอ เขารับเงินนั้นเอาไว้พร้อมกับขอบคุณสำหรับการบริจาคเงินจากการช่วยเหลือน้ำท่วมในหมู่บ้าน ผู้ดูแลหวังก็อดไม่ไหวที่จะตบหน้าตัวเองอีกครั้ง “นายอำเภอเก่าออกจากตำแหน่งไปแล้ว! นายอำเภอคนนี้ไม่ยอมรับสินบนง่าย ๆ เลย!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกโมโห ร้านขายยาเหรินเฮอกำลังจะล่มสลาย หอการค้ากำลังจะเสียมือขวาไป!

เช้าวันรุ่งขึ้น ซูหวานหว่านรีบตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปศาลาว่าการกับเหล่าชาวบ้าน ในการไต่สวนในครั้งนี้มีหลักฐานในสิ่งที่ทั้งสองลงมือ และหลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกส่งตัวเข้าไปยังห้องขัง แต่สิ่งที่ซูหวานหว่านยังไม่พอใจก็คือเถ้าแก่หูถูกขังแค่หนึ่งปี ส่วนหลี่หลางจงนั้นถูกขังเพียงครึ่งปีเท่านั้น

เถ้าแก่หูมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสีหน้ามีความสุข “ซูหวานหว่าน! ปีหน้าเจอกัน!”

“ท่านนายอำเภอ! ข้าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินครั้งนี้!” ซูหวานหว่านชี้เถ้าแก่หูพร้อมเอ่ยว่า “พวกเขาทั้งสองทำให้หมู่บ้านของเราสูญเสียพริกไปเกือบทั้งหมด ยังไม่นับรวมค่าเสียหาย พวกเขาต้องจะต้องจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับหมู่บ้านพวกเรา 200 ตำลึงมาด้วยถึงจะถูก!”

“ใช่แล้ว! นอกจากนี้เวลาหนึ่งปีมันสั้นเกินไป หากพวกเขาออกมาแล้วมา และกลับมาทำร้ายพวกเราอีกล่ะ?” ชาวบ้านคนหนึ่งค้านขึ้นมา

สีหน้าของเถ้าแก่หูพลันเปลี่ยน เขาเอ่ยปกป้องตัวเองโดยบอกว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม นายอำเภอไม่สนใจ เขาส่งคนไปที่ร้านเหรินเฮอเพื่อรวบรวมเงิน 200 ตำลึง และมอบให้ซูหวานหว่านพร้อมกับเพิ่มโทษเป็นเวลาสามปี

ทั้งสองคนไม่ยอมรับคำตัดสินใจ และอ้อนวอนร้องขอความเมตตา แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เถ้าแก่หูพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “ตามกฎบ้านเมืองของเรา พวกเราจะถูกขังไม่เกินหนึ่งปี!”

“เจ้าคิดว่าเจ้ามีความผิดเดียวอย่างงั้นหรือ?” เถ้าแก่หูหันไปหาฉีเฉิงเฟิงผู้ซึ่งทำงานกับเขาในคดีนี้

ชายหนุ่มหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา เปิดมันออกอ่านเรื่องที่ร้านเหรินเฮอเคยทำความผิดและติดสินบนเจ้าหน้าที่ “นายอำเภอคนก่อนอาจจะไม่ลงโทษเจ้า แต่ว่าตอนนี้… เฮอะ!”

เถ้าแก่หูตกใจเมื่อนึกสิ่งที่ตัวเองเคยทำลงไป เขารู้สึกเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่เสียใจที่ไม่ได้ฆ่าซูหวานหว่าน ไม่เช่นนั้นเรื่องต่าง ๆ คงไม่กลายเป็นแบบนี้!

เมื่อปัญหาทุกอย่างคลี่คลาย ซูหวานหว่านไปยังร้านแลกตั๋วเงิน นางแลกเงินค่าชดใช้ที่ได้มาและมอบมันให้กับหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อเอาไปแจกให้กับชาวบ้าน และนางก็กลับไปดูกิจการของตนเอง

นางไม่ได้มาที่นี่เป็นเวลาสองสามวันแล้ว เครื่องสำอางที่มีก็ขายจนเกือบหมด และกิจการในร้านก็เงียบเหงาลงไปมาก ซูหวานหว่านตรวจดูบัญชีเพื่อดูว่ามีเงินเหลือเท่าไร โม่เหยียนเหลือบมองเด็กสาวด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย จากนั้นเดินไปหยุดที่ข้างซูหวานหว่านแล้วพูดว่า “แม่นางซู ข้าไม่ได้ขโมยเงินไป เงินอาจจะน้อยไป คงเป็นเพราะเวลาลูกค้ามาซื้อของได้ขอลดราคา มันเลย…”

“ไม่เป็นไร” ซูหวานหว่านพูดออกมาอย่างนิ่งสงบ หากแต่ในใจนางกลับเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะว่าคนส่วนใหญ่ที่เอ่ยว่าตนเองไม่ได้ทำ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนทำ

ซูหวานหว่านหยุดครุ่นคิด นางคำนวณเงินเดือนนี้ให้กับพวกนางสองพี่น้อง และให้เงินพิเศษกับทั้งสองเพิ่มเป็นคนละ 2 เหรียญทองแดง หลังจากตรวจสอบบัญชีแล้วนางก็พบว่าเงินขาดไปประมาณ 50 เหรียญทองแดง ซึ่งก็ไม่เป็นไร “คราวหน้าอย่าลดราคาให้ลูกค้าอีก ของในร้านของพวกเรานั้นดีสมราคา! จะซื้อหรือไม่ซื้อก็แล้วแต่พวกเขา!”

“ใช่ ใช่ ใช่” โม่เหยียนตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจซูหวานหว่านรู้สึกได้ถึงความประจบสอพลอเล็กน้อย แววตาของนางนั้นราวกับคนรับใช้ที่ชอบทำให้เจ้านายพอใจ

เมื่อก่อนแววตาของนางไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่กี่วันมานี้มันเกิดอะไรขึ้น?

ซูหวานหว่านเกิดความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา เมื่อปิดร้านเสร็จนางก็เดินกลับไปที่บ้านของฮวงเหล่า

ฉีเฉิงเฟิงเตรียมอาหารไว้เรียบร้อย

ฉีเฉิงเฟิงคีบอาหารให้ซูหวานหว่าน ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างเผยสีหน้าบูดบึ้งด้วยความอิจฉา “กินนี่สิ ซี่โครงที่เจ้าชอบกิน เห็ดนี้ และปลานี้ เจ้าจะได้เพิ่มสารอาหารให้กับสมอง และน้ำแกงไก่อุ่น ๆ จะทำให้รู้สึกสบายท้อง”

“…”

ซูหวานหว่านไม่มีทางเลือกจึงต้องกินมันเข้าไป

หลังจากกินข้าวเสร็จ ซูหวานหว่านก็เตรียมตัวไปชำระล้างร่างกาย แต่กลับถูกโม่เหยียนเรียกเอาไว้ก่อน “แม่นางซู เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่?”

“เชื่อสิ เจ้าเป็นอะไรไป?” ซูหวานหว่านถามออกมา

“หากอย่างนั้นเจ้าก็ให้สูตรน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้แก่ข้าสิ เวลาเจ้าไม่อยู่ที่นี่ ร้านของเรามันเงียบเหงามาก ข้าต้องการขายมันให้ได้มากขึ้น เพื่อหารายได้มาตอบแทนเจ้า” โม่เหยียนพูดออกมาด้วยดวงตาเป็นประกาย

นี่มันเป็นเรื่องโกหก!

“ย่อมได้” แต่ถึงอย่างนั้นซูหวานหว่านก็พยักหน้า นางเขียนสูตรและขั้นตอนการทำให้นางไป!

โม่เหยียนที่ได้สูตรมารู้สึกมีความสุข นางบอกว่าจะไปซื้อส่วนผสมและจะลองทำตาม ซึ่งซูหวานหว่านก็พยักหน้ารับ โดยเด็กสาวได้แอบตามไปอย่างเงียบ ๆ และต้องพบเข้ากับสิ่งที่ไม่คาดคิด!

แท้จริงแล้วโม่เหยียนต้องการมอบสูตรน้ำศักดิ์สิทธิ์ของนางให้กับคนอื่น!

[1] ใช้ชีวิต อย่าเที่ยวอวดฉลาดไปทั่ว คนฉลาดจริงรู้อำพราง เรื่องเล็กเรื่องน้อยทำไขสือยอมเสียเปรียบบ้างเป็นไรไป ยอมอ่อนยอมด้อยไม่บาดเจ็บคงความเป็นคนเล็กไม่เสียเปรียบ