ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 295

มู่หรงเจี๋ยมองไปที่ใบหน้าที่สิ้นหวังของป้าซือจู และเขาก็รู้สึกสึกตื่นตระหนกในทันใด “ทหาร!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารองครักษ์เดินออกมาจากด้านหลังของเขา

“จับตาดูกุ้ยไท่เฟยอย่างใกล้ชิด หากมีอะไรผิดปกติให้มารายงานข้าในทันที” มู่หรงเจี๋ยสั่งการออกไป

“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารองครักษ์รับคำสั่งแล้วจากไป

ในคืนที่สองของเดือนแปด

พรุ่งนี้เป็นวันที่เซี่ยหวายจุนมหาเสนาบดีของต้าโจว แต่งงานกับหลานสาวของจิ้นกั๋วกงซีเหมินเสี่ยวเยว่แล้ว

กฎหมายของต้าโจว (กฎต้าโจว กฎครอบครัว การแต่งงาน) บัญญัติว่าผู้ชายในต้าโจวจะแต่งกับภรรยาได้เพียงคนเดียว ผิงชีแม้จะเรียกว่าเป็นภรรยา แต่ก็มีสถานะทางสังคมเท่ากับอนุภรรยาเท่านั้น

ดังนั้นที่เรียกกันว่า ผิงชี คือวิธีการที่คนทั่วไปใช้เรียกเพื่อให้เกียรติภรรยาอีกคนหนึ่ง แต่ในแง่ของกฎหมาย ก็ยังคงเป็นอนุภรรยาอยู่ดี

ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วการแต่งผิงชีเข้ามา จะต้องมีกฎเกณฑ์บางอย่าง และการแต่งงานอย่างเป็นทางการ และถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่เหมือนกัน ก่อนอื่นเลยก็คือ ห้ามสวมชุดแต่งงานสีแดงสด จะต้องเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีอื่นที่คล้ายกับสีแดง ประการที่สอง เกี้ยวเจ้าสาวมิอาจหยุดอยู่ที่หน้าประตู ต้องผ่านประตูเข้ามา จะใช้ประตูหลักก็ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ปูพรมแดง และไม่ให้จุดประทัดที่ประตู ประการที่สาม เนื่องจากไม่มีวิธีการเรียกภรรยา ดังนั้นผิงชีจะต้องยกน้ำชาในเรือนกลาง ถึงจะสามารถจบพิธีได้

อย่างไรก็ตาม ในวันแรกของเดือนแปด ซีเหมินเสี่ยวเยว่ได้ถูกหวงไท่โฮ่วแต่งตั้งให้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งนั่นก็คือ เก้ามิ่งฮูหยิน เพราะมีการแต่งตั้ง ดังนั้นนางจึงเสนอว่าในวันแต่งงาน นางจะเข้าทางประตูใหญ่ปฏิบัติตามพิธีการของการแต่งงาน ให้มีการปูพรมแดง และหลังจากเข้ามาในจวนแล้วก็ให้จุดประทัดยาว ไม่ใช่ประทัดสั้น

นอกจากนี้ นางยังสามารถสวมชุดสีแดงสดและสวมมงกุฎหงส์ พร้อมสายสะพาย และนั่งบนเกี้ยวมีคนหามแปดคนได้

นอกจากนี้ นางยังกล่าวอีกว่าปีนักษัตรของหยวนซื่อชงกับนาง ในวันแต่งงานนั้นหยวนซื่อจะอยู่ในจวนไม่ได้ แต่คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองที่อยู่ในจวนจะต้องคุกเข่าและยกชาให้นางต่อหน้าแขก เป็นการให้เกียรตินางในฐานะแม่

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นางต้องการเข้าไปจวนมหาเสนาบดีในฐานะฮูหยินของเขา

เซี่ยหว่านเอ๋อจำยอมเพราะนางเป็นลูกที่เกิดจากอนุภรรรรยา จะต้องยกชาให้ผิงชี ให้เกียรตินางในฐานะแม่ ไม่ถือว่าว่ามากเกินไป

อย่างไรก็ตามเซี่ยจื่ออัน เป็นบุตรสาวคนโตของภรรยาเอก และแม่ของนางก็เป็นฮูหยินใหญ่ของจวนนี้ เป็นนายหญิงของเรือน ตามมารยาทแล้ว จื่ออันไม่จำเป็นต้องหมอบคลานเพื่อยกชาให้ผิงชี และไม่จำเป็นต้องเคารพนางในฐานะแม่ ด้วยเพราะสถานะบุตรสาวคนโต สูงกว่าอนุภรรยาทั้งหมดรวมถึงผิงชีที่ทุกคนรู้จักด้วย

มีอีกอย่างหนึ่งที่ซีเหมินเสี่ยวเยว่สั่งคนให้ไปดูที่ตั้งของจวนมหาเสนาบดี นางรู้สึกว่าพักอยู่ที่เรือนเซี่ยจือหย่วนจะดีกว่า แต่ว่าตอนนี้ฝั่งเรือนเซี่ยจือหย่วนค่อนข้างจะเรียบง่ายไปสักหน่อย หลังจากนางแต่งเข้าไปอยู่แล้ว จะพักอยู่ที่ที่ฮูหยินหลิงหลงเคยพักอยู่เป็นการชั่วคราวก่อน แต่จะต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลาเดือนเต็ม” หลังจากตกแต่งเรือนเซี่ยจือหย้วนดีแล้วค่อยย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่น และป้ายศาลาเดือนเต็มนี้ ถึงเวลานั้นก็จะเอาไปใช้แทนที่เรือนเซี่ยจือหย่วนด้วย

มีการแต่งตั้งอยู่กับตัว ทำทุกอย่างตามที่กฎหมายกำหนด ก็สามารถพิจารณาได้

ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับทางจวนมหาเสนาบดีว่าจะเห็นด้วยหรือไม่

มหาเสนาบดีตอบกลับอย่างรวดเร็ว โดยยอมรับข้อเสนอทั้งหมดที่ซีเหมินเสี่ยวเยว่ขอมา ไม่เพียงแค่นั้นสินสอดทองหมั้นที่จิ้นกั๋วกงขอมา ก็ยังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า