ตอนที่256 ถอนรากถอนโคนหลิวเปา

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่256 ถอนรากถอนโคนหลิวเปา

พอคิดดูให้ดี ระหว่างจ้าวเฉียนกับหลิวเปา พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันนานมากแล้ว แต่ทำไมจู่ๆถึงส่งคนมาลอบติดตามแบบนี้?

จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นว่า

“แล้วทำไมหลิวเปาต้องส่งคนมาจัดการฉันด้วย? ระยะที่ผ่านมา ฉันกับเขาไม่มีเรื่องขัดแย้งกันเลยนะ”

แต่ระดับลูกกระจ๊อกเหล่านี้จะไปรู้ได้อย่างไรว่า ทำไมหัวหน้าใหญ่ถึงส่งพวกเขามาจัดการจ้าวเฉียน คำตอบที่ได้มาจากพวกเขาก็เพียงว่า แค่ทำตามสั่งของนายใหญ่เท่านั้น

แต่หลังจากนั้นไม่นาน สายลับที่หยางหู่ส่งไปก็โทรมารายงานว่า เหตุผลที่หลิวเปาลงมือกับจ้าวเฉียนเป็นเพราะ กระตุ้นให้จ้าวเฉียนพุ่งเป้าไปที่จางต้าเฉิน เพื่อกระตุ้นให้จางต้าเฉินเพิ่มงบประมาณจ้างนักฆ่าจากเซียงเจียงมาจัดการกับจ้าวเฉียนอีกทีหนึ่ง

จ้าวเฉียนตอนนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเกินไป หยางหู่ไม่สามารถนั่งสั่งการอยู่เฉยๆได้อีกแล้ว นอกจากนี้ยังหมายความได้อีกว่า ครั้งนี้หยางหู่จะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มนักฆ่ามืออาชีพอีกครั้งชนิดแลกกันไปข้าง

ครั้งล่าสุดที่เขาออกโรง หยางหู่ถูกยิงอาการสาหัส แต่ดีที่ยังไม่ตาย หลิวเปาเล็งเห็นโอกาสและมีความเชื่อว่า หยางหู่ไม่มีทางโชคดีไปได้ตลอด ต้องมีสักครั้งที่อีกฝ่ายต้องพลาดท่าถูกยิงตาย และเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ หลิวเปาจึงทำทุกวิถีทางหวังบีบให้จางต้าเฉินเพิ่มงบจ้างนักฆ่า

ขอเพียงหยางหู่ตายลง อำนาจอิทธิพลในโลกใต้ดินของเมืองตงไห่ทั้งหมดจะตกอยู่ในกำมือของเขา หลิวเปาผู้นี้

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของหยางหู่ทั้งหมด จ้าวเฉียนก็อดหัวเราะไม่ได้ ด้วยไอคิวอันต่ำต้อยของหลิวเปา หมอนี้ยังคิดที่จะครอบครองเมืองนี้เพียงลำพัง? หวังสูงเกินไปรึเปล่า?

อย่าเพิ่งลืมไป แม้จะไม่มีหยางหู่แล้ว แต่เมืองแห่งนี้ก็ยังมีลูกชายของมหาเศรษฐีระดับประเทศจ้าวฝู่อยู่ ขอเพียงจ้าวเฉียนคิดจะกลั่นแกล้งอีกฝ่ายจริงๆ เขาสามารถจ้างระดับหัวหน้าแก๊งจากหยางจิ้งให้มาคุมเมืองตงไห่ต่อก็ยังได้ คงไม่ปล่อยให้ถึงคิวหลิวเปาอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อครั้งนี้หลิวเปาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ทั้งจ้าวเฉียนและหยางหู่ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องไว้ไมตรีกับอีกฝ่ายแล้ว ในเมื่อเล่นใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาย่อมต้องเล่นใหญ่ยิ่งกว่า

จ้าวเฉียนออกคำสั่งหยางหู่ทันที ต่อจากนี้เป็นต้นไป เขาจะเตรียมบ่อนทำลายหลิวเปา

ส่วนหยางหู่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องศึกการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว เขาเพียงแค่ทำตามสั่งเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวฝู่เป็นคนออกคำสั่งให้เขาบินมาจัดการและควบคุมขั้วอิทธิพลในโลกใต้ดินของเมืองตงไห่เมื่อสิบปีก่อน ปานนี้เขาคงกลายมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้จ้าวฝู่ไม่ก็จ้าวเฉียนไปนานแล้ว เพราะนี่คือสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน

จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นว่า

“แล้วนายพอจะรู้ไหมว่า ที่แก๊งของหลิวเปามีเอี่ยวกับพวกเรื่องค้ากาม ยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายอะไรไหม?”

หยางหู่รีบตอบทันทีว่า

“ต้องมีอยู่แล้วครับ พวกเขาไม่เหมือนกับพวกเราที่มีแหล่งรายได้หลักจากการเปิดสถานบันเทิงและธุรกิจถูกฎหมายอื่นๆ โดยส่วนใหญ่แหล่งรายได้ของพวกมันมาจากธุรกิจสีเทาค่อนไปทางมืดเลยคับ เรื่องยาเสพติดเลี่ยงไม่ได้แน่นอน จะให้ผมใช้ในส่วนนี้จัดการมันใช่ไหมครับ?”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่น หยางหู่เป็นนักฆ่าผู้มีประสบการณ์เจนจัดอย่างแท้จริง แค่เกริ่นขึ้นมานิดๆหน่อยๆก็เข้าใจได้ในทันที

ถ้าจะปล่อยให้หยางหู่ปะทะกับหลิวเปาตรงๆ ราคาที่ต้องจ่ายย่อมสาหัสสากรรจ์อย่างแน่นอน สู้หยิบฉวยจุดอ่อนของอีกฝ่ายและบ่อนทำลายจากภายในยังจะดีกว่า

กดดันจนพลังอำนาจของหลิวเปาอ่อนแอถึงขีดสุด ยามนี้ค่อยให้กำลังคนขงอหยางหู่เคลื่อนไหว ถึงตอนนั้นไม่ว่าหลิวเป่าจะพยายามดิ้นรนแค่ไหน ก็ไม่มีทางหนีจากความตายได้แน่นอน

ถ้ามันยังขัดขืนสู้มือ หยางหู่คนเดียวก็เอาอยู่แล้ว

จ้าวเฉียนวางสายโทรศัพท์ เดินกลับไปหาหวานเจียงโดยไว แต่เธอไม่มีอารมณ์จะมาทำเรื่องอย่างว่าแล้ว ตอนนี้นั่งอยู่หน้าคอมทำงานค้างคาต่อให้เสร็จ

จ้าวเฉียนลากเก้าอี้มาตัวหนึ่งนั่งข้างเธอและยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“มันไม่ดีต่อผิวหน้าหรอกนะ การทำงานต่อตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้เนี่ย อีกอย่างพรุ่งนี้เราต้องบินไปหยางจิ้งแล้ว ไปนอนกันเถอะ”

หวานเจียงเหล่มองเขาเล็กน้อยและกล่าวตอบไปว่า

“ฉันยังไม่อยากนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปหยางจิ้งแล้วไง ฉันเลยอยากทำงานค้างที่เหลือให้เสร็จ นายไปนอนบนเตียงฉันไป เดี๋ยวฉันนอนที่ห้องรับแขกเอง”

จ้าวเฉียนปฏิเสธทันทีทั้งยังบอกอีกว่า พรุ่งนี้จะต้องกลับบ้านไปพบพ่อแม่ของเขาแล้ว ถ้าไปแบบสภาพไม่พร้อมขึ้นมาจะขายหน้าเอาได้

แต่หวานเจียงกลับสวนตอบทันทีว่า

“แล้วไง? ก็ฉันอยากไปเจอพ่อแม่นายแบบไม่มีอะไรต้องค้างคาไง นายห้ามฉันได้งั้นเหรอ? ผิดกฎหมายรึเปล่าห่ะ? ไปนอนได้แล้ว ฉันจะทำงาน!”

จ้าวเฉียนถึงกับผงะไปชั่วครู่ จู่ๆก็เอ่ยถามขึ้นว่า

“นี่เธอเป็นคนราศีอะไรเนี่ย? หรือเป็นพวกมีสองบุคลิกในคนเดียว? เมื่อกี้ยังเป็นห่วงฉันกำลังโรแมนติกกันอยู่เลย ทีตอนนี้ไล่ให้ฉันไปนอน อยากทำงานขึ้นมาเฉยเลย?”

หวานเจียงหยุดพิมอีเมล เหลืองหางตามองจ้าวเฉียนเจือรำคาญพลางตอบไปว่า

“นี่มันเรื่องของฉัน ไปนอนได้แล้ว อย่ารบกวนฉันตอนทำงาน!”

จ้าวเฉียนเหลือบมองจอคอมพิวเตอร์ของหวานเจียงเล็กน้อย พอเห็นว่าเธอกำลังพิมพ์เมลตอบลูกค้าไปอยู่จริงๆ ก็เลยไม่อยากจะรบกวนเธอแล้ว และเข้านอนเพียงลำพังไป

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดหวานเจียงก็ทำงานเสร็จสักที และแล้วเธอก็ได้เข้านอน เดินมายังห้องรับแขก หวานเจียงก็ทิ้งลงบนโซฟาทันทีด้วยความเหน็ดเหนื่อย

แต่ทันทีทันใด หวานเจียงพลันรู้สึกได้ทันทีว่ามีใครกำลังพร่อมร่างเธออยู่ พอหรี่ตาสังเกตดีๆก็พบว่าเป็นจ้าวเฉียนที่กำลังโน้มศีรษะเข้ามา

“นี่นายกำลังทำบ้าอะไรเนี่ย! ออกไป!”

หวานเจียงปริปากบ่นทันทีพร้อมยกมือผลักร่างจ้าวเฉียนออกไปอย่างแรง แต่จ้าวเฉียนยังคงนั่งคร่อมเธอทั้งแบบนั้น ไม่ว่าจะพยายามออกแรงยังไงก็ไร้ผล หลังจากดิ้นขัดขืนอยู่นาน ในที่สุดเธอก็หยุดมือเลิกต่อต้านไป

จ้าวเฉียนรุกหนักต่อเนื่องทันที เสียงโซฟาดังเอี๊ยดอ๊าดต่อเนื่องจนเกือบรุ่งสาง

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น จ้าวเฉียนปลุกหวานเจียงให้ตื่น

พอเธอตื่นขึ้นก็เหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเพิ่งหกโมงเช้าอยู่เลย เธอจึงหลับตานอนต่อพลางบ่นอุบอิบขึ้นว่า

“นี่เพิ่งกี่โมงเอง ปลุกฉันทำไมเนี่ย”

“นี่มันหกโมงเช้าแล้วนะ รีบไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วมาจัดกระเป๋าเดี๋ยวนี้เลย! เราต้องรีบไปสนามบิน!”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบ

“นายนี่มันขยันผิดที่ผิดเวลาจริงๆนะ กว่าจะบินก็เที่ยงกว่า นายจะรีบตื่นไปก่อนทำไม? ฉันไม่สน! ฉันง่วง! ฉันจะนอนต่อ!”

พอพสิ้นเสียง เธอก็พลิกตัวหันไปอีกด้านและนอนต่อ

จ้าวเฉียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวและเก็บของก่อน จึงค่อยกลับมาปลุกเธอ

หลังจากที่ทั้งสองกำลังเช็คของครั้งสุดท้ายก่อนออกจากบ้าน โทรศัพท์ของจ้าวเฉียนก็ดังขึ้น ปรากฏว่าเป็นจ้าวฝู่โทรมาหา

เปิดฉากรับสาย จ้าวฝู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นและกล่าวขึ้นว่า

“เห้ย! แกตื่นรึยังห่ะ? ระวังตกเครื่อง ตอนนี้ทั้งปู่และย่าแก รวมไปถึงอาโตอารองร่ายยาวไปยันอาเจ็ดอาแปดเพิ่งบินมาถึงสนามบินหยางจิ้ง แม่แกกำลังขับรถออกไปรับอยู่ แถมคุณตาคุณย่า บรรดาป้าๆทั้งหลายกำลังรอแกกลับมาอยู่นะ อย่าปล่อยให้พวกเขารอเก้อ!”

จ้าวเฉียนถึงกับสะดุ้งโหย่งทันทีที่ได้ยิน ไหนว่าก่อนหน้าพ่อบอกว่า แค่กลับมาพบปะครอบครัวธรรมดาทั่วไป ไม่ได้เป็นทางการอะไรขนาดนั้น ซึ่งเขาเองก็ย้ำนักย้ำหนาไปแล้ว แต่ไหงถึงเป็นงานรวมญาติใหญ่ตาปานนี้?

ไม่เป็นไร ใจเย็นก่อนไอ้จ้าว ถ้าเขากับหวานเจียงแต่งงานกันจริงๆในอนาคต นี่ก็ถือเป็นการพาเธอมาพบปะกับครอบครัวเขา ดังนั้นใจเย็นไปได้เป๊าะหนึ่ง

หลังเห็นว่าจ้าวเฉียนเงียบชะงักไปพักใหญ่ จ้าวฝู่ก็หัวเราะลั่นนึกหน้าอีกฝ่ายออกได้ทันที

“ไอ้ลูกชาย แกเป็นถึงลูกชายเพียงคนเดียวของฉัน อนาคตไม่ใช่แค่ฝากความหวังของตระกูลจ้าวไว้กับแก แต่ยังรวมไปถึงภรรยาของแกในอนาคตอีก แน่นอนว่าทุกคนต้องใสใจกับคู่หมั้นของแกเป็นธรรมดา”

“ผมเข้าใจนะพ่อกับสิ่งที่พยายามจะสื่อ แต่ผมยังไม่ได้ตัดใจเลยว่าจะแต่งกับเธอไหม ไม่…ไม่สิยังไม่ได้คบเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ ถ้าผมไม่ได้อยู่ร่วมกับเธอจริงในอนาคต นี่ไม่ต่างอะไรกับเอามาขายหน้าหรอกเหรอ? เรื่องนี้มันใหญ่มากเลยนะพ่อ ผมต้องค่อยๆตัดสินใจด้วยความระมัดระวังมาก อย่ากดดันผมแบบนี้เลย”

จ้าวฝู่กังวลว่า ลูกชายของเขาจะไม่กลับมาจริงๆเพียงเพราะโกรธเรื่องดังกล่าว ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทุกคนที่รอมาเจอหลานชายจำต้องผิดหวังไปตามๆกัน

ดังนั้นเขาจึงรีบปลอบไอ้ลูกชายจอมน้อยใจทันทีว่า

“ใจเย็น ใจเย็นก่อนไอ้ลูกชาย พวกเขาแค่อยากเห็นหน้าแม่สาวน้อยฮวาหยินกรุ๊ปเฉยๆ พวกเขาไม่จี้ถามแกเรื่องส่วนตัวหรอกน่า เอาล่ะ รีบๆมาได้แล้ว พวกเรารออยู่”

จ้าวเฉียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะวางสายไป

ถ้าหวานเจียงรู้เข้า เธอคงกลัวจนไม่กล้าเดินทางไปหยานจิ้งแน่นอน

จ้าวเฉียนจึงตัดสินใจไม่บอกเรื่องนี้แก่เจอ รอไปเซอร์ไพรส์เธอทีเดียวตอนถึงที่นั่น