ตอนที่257 ไม่ไปแล้ว

เนื่องจากจ้าวเฉียนต้องรีบกลับบ้านตัวเองเพื่อไปจัดกระเป๋าก่อน เขาจึงรีบออกไปทันที

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาที่บ้านของหวานเจียง

หวานเจียงที่ได้ยินเสียงกดออดดัง ก็ลุกขึ้นตื่นอย่างไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก เดินโซเซเดินไปเปิดประตูให้เขาและบ่นขึ้นว่า

“นี่แค่กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่เองไม่ใช่เหรอ? ตื่นเต้นขนาดนั้นเลย? รีบปลุกฉันตั้งแต่เช้า จะให้ฉันไปนอนต่อในสนามบินรึไง?”

จ้าวเฉียนวางกระเป๋าสัมภาระในมือลง แล้วตอบกลับไปว่า

“โอ้ คุณพี่สาวสุดสวยครับ ที่เรากำลังไปขึ้นคือเครื่องบินโดยสาร ไม่ใช่เครื่องบินส่วนตัวนะครับ เราต้องไปถึงสนามล่วงหน้าก่อนสองชั่วโมง รีบไปจัดกระเป๋าเดินทางได้แล้ว”

หวานเจียงตอบกลับเจือน้ำเสียงหงุดหงิดว่า

“ไม่เห็นต้องจัดอะไรเลย แค่ยัดเสื้อผ้าสองสามชิ้นลงกระเป๋า ฉันไปนอนต่อก่อนล่ะ ไม่ไหว ไม่ไหว ฉันง่วงมากเลย”

หลังจากพูดหวานเจียงก็ตรงกลับไปห้องนอนอีกครั้งทันที จ้าวเฉียนรีบก้าวออกไปสวมกอดเธอจากด้านหลังและกล่าวขึ้นว่า

“พี่สาวสุดสวย รอขึ้นเครื่องก่อน ถึงตอนนั้นได้นอนตามต้องการแน่นอน แต่ตอนนี้รีบจัดกระเป๋าก่อนดีกว่าเนอะ?”

หวานเจียงส่ายหัวสุดแรง ยกกำปั้นทุบตีตัวเองเบาๆเพื่อกระตุ้นให้ตื่นสองสามที

“โอเค โอเค! ฉันจะรีบล้างหน้าแปรงฟัน แล้วไปเก็บของเดี๋ยวนี้แหละ ตกลงไหม?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบตกลง และช่วยไปหยิบกระเป๋าเดินทางของเธอเพื่อให้เธอมาจัดเสื้อผ้าใส่เข้าไป

พอลองเปิดตู้เสื้อผ้าของหวานเจียงออกมาดู มันช่างน่าทึ่งเป็นอย่างมาก สรรพสิ่งอย่างถูกแขวนไว้อย่างประณีต ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบนับหลายร้อยชุด เวลานั้นพลันได้ยินเสียงหวานเจียงตะโกนมาบอกให้ จ้าวเฉียนเลือกชุดยัดเข้ากระเป๋าได้เลย เขาก็รีบเลือกออกมาประมาณสิบชุดออกมาพับใส่กระเป๋าเดินทาง ซึ่งพูดได้เลยว่า เสื้อผ้าแต่ละชิ้นของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงทั่วไปจะมีปัญญาซื้อมาใส่เองได้เลย

หวานเจียงเปิดประตูห้องน้ำออกมาดูจ้าวเฉียนจัดเสื้อผ้า พลางแปรงฟันอยู่คาปากอย่างเชื่องช้าเหมือนว่ายังงัวเงียอยู่ ถ้าทุกอย่างยังดำเนินต่อไปด้วยความเร็วเพียงแค่นี้ มีหวังตกเครื่องแน่นอน

“พี่สาวสุดสวยครับ รบกวนเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม นี่เครื่องบินนะครับไม่ใช่รถไฟที่ไปถึงแล้วยื่นตั๋วขึ้นได้เลย”

จ้าวเฉียนกล่าวเร่งเร้า

หวานเจียงเหลือบมองเขาเล็กน้อย แต่ก่อนไม่ได้พูดอะไรและยังแปรงฟันต่อไปอย่างใจเย็น

จ้าวเฉียนถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้ และทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอก็เปิดประตูออกมาเหลือบมองเขาอีกครา พอเห็นว่าอีกฝ่ายหน้ามุ่ยเป็นตูดลิง เธอจึงเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย

แต่จะอย่างไร ผู้หญิงก็คือผู้หญิง กว่าจะทาครีมโน้นนี่ แต่งหน้าทำผม ไม่ว่าจะพยายามเร่งความเร็วแค่ไหน แต่มันก็ใช้เวลาเบ็ดเสร็จเกือบชั่วโมงกว่าจะเสร็จ

หลังจากแต่งหน้าเสร็จแล้ว หวางเจียงก็ยืนหน้าตู้เสื้อผ้าอยู่ครู่หนึ่ง คิดอยู่ว่าจะแต่งตัวยังไงไปดี ทั้งนี้ต้องไปเจอพ่อแม่ของจ้าวเฉียน จะให้แต่งตัวจัดไปก็ดูเสียมารยาท จะให้แต่พิธีการตั้งแต่หัวจรดเท้าก็เชยเกินไป หลังจากลองไปกว่าสองสามชุด ก็ยังเลือกที่ถูกใจไม่ได้

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง หลังจากดูเธอเปลี่ยนชุดไปเปลี่ยนชุดมาอยู่นาน จ้าวเฉียนก็ผล็อยหลับไป!

เมื่อคืนเขาใช้เวลาโดยส่วนใหญ่ไปกับหวานเจียง แถมยังต้องรีบตื่นเช้ากลับบ้านตัวเองไปจัดข้าวของอีก จึงเผลอหลับคาเตียงไปโดยไม่รู้ตัว

พอไม่มีใครเร่ง หวานเจียงก็ยิ่งเลือกชุดเสื้อผ้านานยิ่งขึ้นไปอีกโดยไม่รีบไม่ร้อน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็ปาเข้าไปสิบโมงครึ่งแล้ว! หวานเจียงที่แต่งตัวเลือกเครื่องประดับเสร็จสิ้น ก็เดินไปสะกดจ้าวเฉียนสองสามที

พอจ้าวเฉียนลืมตาตื่นขึ้น เขาก็สะดุ้งลุกขึ้นพรวดโดยไว

“เสร็จแล้วใช่ไหม? ไปกันเถอะ! รีบไปได้แล้ว…”

จ้าวเฉียนวิ่งออกไปใส่รองเท้าคว้ากระเป๋าเดินทาง เตรียมออกจากบ้านทันที

หวานเจียงลากกระเป๋าเดินทางตามติดมาอย่างใจเย็น เธอเอ่ยถามขึ้นว่า

“เอ่อ…นี่มันสิบโมงกว่าแล้ว เรายังไปทันใช่ไหม?”

“อะไรนะ?! นี่สิบโมงกว่าแล้วเหรอ? ทำไมถึงอาบน้ำแต่งตัวนานขนาดนี้! นี่ฉันอุตส่าห์ตื่นตั้งแต่เช้าไปจัดกระเป๋าที่บ้าน ให้ตายเถอะ! นี่เธอจงใจสร้างปัญหาให้ฉันใช่ไหม?!”

จ้าวเฉียนตะคอกใส่ทันทีด้วยความไม่พอใจ

หวานเจียงที่โดนตะคอกใส่แบบนั้นก็ไม่พอใจเช่นกัน เธอโต้กลับทันทีว่า

“นี่นายจะโวยวายให้มันได้อะไร! ก็นายไม่ยอมให้ฉันนอนดีๆตั้งแต่เมื่อคืน แล้วตอนนี้จะมาโทษฉันนี่นะ?”

“หุบปากไปเลย! นอนก็นอนพร้อมกัน ตื่นก็ตื่นพร้อมกัน แล้วทำไมฉันทำได้! ช่างเถอะ! ถ้ารีบขับตรงไปสนามบินก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง น่าจะทันอยู่”

จ้าวเฉียนยังคงแหกปากตะคอกใส่เธออย่างไม่หยุดหย่อน

อันที่จริง หวานเจียงก็นู้สึกผิดอย่างมากภายในใจ เธอรู้ดีว่าตัวเธอเองนี่แหละที่อาบน้ำแต่งตัวช้าเอง แต่เขาไม่เห็นจะต้องตะโกนใส่เธอขนาดนี้เลย?

“ไปเองเถอะ! ฉันไม่ไปด้วยแล้ว!”

หวานเจียงโกรธจัดจนโยนกระแนสะพายในมือทิ้งออกไป และตรงไปนั่งกอดอกแน่นบนโซฟาด้วยความน้อยใจ

จ่าวเฉียนในขณะนี้เองก็กำลังเดือดได้ที่เช่นกัน เรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะเป็นปัญหาเลยด้วยซ้ำ และง่ายอย่างยิ่งที่เธอจะปฏิบัติตาม แล้วที่สำคัญพวกเราทั้งคู่ก็ตกลงกันแล้ว เธอยอมกลับไปที่หยานจิ้งพร้อมกับเขา แลกกับสิทธิ์การบริหารฮวาหยินกรุ๊ปต่อ แล้วจู่ๆเธอจะมาผิดสัญญาแบบนี้งั้นเหรอ?

“นี่เธอหมายความว่ายังไงกัน?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยความหงุดหงิด

“ไม่มีหมายความอะไรทั้งนั้น ฉันแค่ไม่อยากไปแล้ว!”

เธอดูประหม่าเล็กน้อย แตกต่างจากคำว่าเย็นชาโดยชัดเจน หวานเจีงถูมือไปมาไม่หยุด ก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จาอะไรใดๆอีก

จ้าวเฉียนที่เห็นเธอน้อยใจแบบนั้น ก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆพร้อมพูดปลอบโยนขึ้นว่า

“เสี่ยวเจียง เธอน้อยใจอยู่เหรอ? นี่มันไม่เหมือนเธอที่ฉันรู้จักเลยนะ”

คนอย่างหวานเจียงย่อมไม่ยอมรับแน่นอนว่าตัวเองกำลังน้อยใจ เธอสะบัดหน้าปฏิเสธเสียงแข็งว่า

“อะไร! ใครน้อยใจกัน! ฉันแค่หมดอารมณ์ไปกับนายแล้วก็แค่นั้น!”

จ้าวเฉียนเดินไปหยุดตรงหน้าเธอและนั่งยองๆต่อหน้า พลางกล่าวต่อขึ้นว่า

“เอาเป็นว่าฉันผิดเอง แล้วต้องทำยังไงพี่สาวคนสวยถึงยอมหายโกรธล่ะ? จะให้ฉันกลับบ้านคนเดียวแล้วโดนดุเหรอ?”

สายตาของหวานเจียงเหลือบหนีหน้าเขาเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักเธอก็กล่าวขึ้นว่า

“ได้ วิธีน่ะมีแน่! มอบหุ้นบริษัท เฉียนเก๋อให้ฉันเพิ่มอย่างน้อย10% ถ้าทำได้ พวกเราจะออกเดินทางไปทันที!”

แต่ไหนแต่ไรหวานเจียงต้องการเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเฉียนเก๋ออยู่แล้ว ทว่าทันทีที่จ้าวเฉียนได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาก็มืดทมืฬลงทันใด ปรากฏว่าทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นการแสดง เพื่อขู่เข็ญให้จ้าวเฉียนยอมยอมหุ้นอย่างงั้นเหรอ?

“หวานเจียง ที่แท้เธอก็ต้องการแบบนี้มาตลอดเลยใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนพูดเสียงขรึมด้วยความโกรธจัด

หวานเจียงที่ได้ยินแบบนั้นพลันรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอที่เห็นแววตาของจ้าวเฉียนในขณะนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า เขากำลังโกรธมาก อย่างไรก็ตามแต่ ในเมื่อเธอพูดไปแล้ว จะให้กลับคำได้ยังไง?

“ก็ใช่ไง! ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยากได้หุ้นของบริษัทนาย ถ้าเอ่ยปากขอเฉยๆแล้วนายจะยอมให้ฉันรึไง เหอะ เอะ…ฉันไม่ใช่คนโลภอะไรหรอกนะ แต่นายต่างหากที่ไม่เคยให้โอกาสฉันเลย! ฉันไม่กลัวหรอกนะกับแค่จะฉีกหน้านาย จะให้หรือไม่ให้? ถ้าไม่พ่อแม่ของนายคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ!”

ออร่าความเป็นราชินีน้ำแข็งแพร่ปรากฏขึ้นใรทันใด เธอถือได้ว่า จ้าวเฉียนในตอนนี้เป็นเพียงหุ้นส่วนทางด้านธุรกิจเท่านั้น ใช่แล้ว…เธอพยามยามแสดงสีหน้าท่าทางออกไป เพื่อให้จ้าวเฉียนคิดแบบนั้นจริงๆ

จ้าวเฉียนทำได้เพียงจับจ้องหวานเจียงครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเสียงยาวและกล่าวขึ้นด้วยความผิดหวังว่า

“ตกลงแล้ว…เธอต้องการให้ฉันยึดสิทธิ์การบริหารฮวาหยินกรุ๊ปคืนใช่ไหม?”

หวานเจียงพ่นลมหายใจใส่และตอบไปว่า

“ที่พวกเราตกลงกัน ฉันสัญญาว่าจะเดินทางไปบ้านเกิดพร้อมนาย แต่ไม่ได้บอกว่าไปสายแล้วจะยกเลิกไม่ได้? ถ้านายกล้ายึดสิทธิ์การบริหารของฉันไป ก็เท่ากับทำผิดสัญญาที่พวกเราเซ็นร่วมกัน และฉันมีสิทธิ์ฟ้อง!”

ดูเหมือนว่าหวานเจียงยังคงไม่เข้าใจโดยกระจ่างว่า เพราะเหตุมดจ้าวเฉียนถึงทุ่มเงินกว่าสี่พันล้านเพื่อควบคุมฮวาหยินกรุ๊ในมือ

“หวานเจียง เธออาจจะทำตัวแบบนี้แล้วได้ผลกับคนอื่น แต่นั้นเปล่าประโยชน์สำหรับฉัน คิดว่าการที่ฉันทุ่มเงินไปสี่พันล้านมันเป็นเรื่องตลกมากรึไง? เธอไม่รู้แม้กระทั่งจุดยืนของตัวเองในตอนนี้ด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากพูดจาไร้สาระกับเธอแล้ว รอฉันกลับจากเทศกาลไหว้พระจันทร์ได้เลย แล้วฮวาหยินกรุ๊ปจะเปลี่ยนชื่อของสกุลหวานเป็นสกุลจ้าวคอยดู!”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็หยิบกระเป๋าเดินทางลากออกไปทันที

หวานเจียงตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นแบบนั้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอ ตัวเธอมักจะมีอำนาจเหนือกว่าคนอื่นๆ ควรเป็นอีกฝ่ายที่ต้องขอร้องอ้อนวอนเธอ แต่ทำไมจ้าวเฉียนถึงแตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิงเลย?